xs
xsm
sm
md
lg

"ครม.จรจัด"อนุมัติทิ้งทวนประเคน6พันล.ซื้อใจทหาร

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ผู้จัดการรายวัน- "หมัก" นำทีมประชุม" ครม.จรจัด" ที่อุดรธานี อนุมัติ แต่งตั้ง ทิ้งทวนแหลก ทุ่มงบฯ 540 ล้านต่อยอดประชานิยม ให้ชาวบ้านในเขต เทศบาล อบต. ใช้น้ำประปาฟรี 6 เดือน ประเคนเหล่าทัพ 6 พันล้านซื้ออาวุธ ทุ่มเงินก้อนแรก 774 ล้าน สร้างรัฐสภาใหม่ที่เกียกกาย เพิ่มค่าครองชีพเอาใจพนักงานไฟฟ้า ปลุกผี บ่อบำบัดน้ำเสียคลองด่าน แต่งตั้งข้าราชการ และผู้บริหารระดับสูง พร้อมทั้งมอบหมายงานให้รองนายกฯ และรมต.ประจำสำนักนายกฯเรียบร้อย เหมือนรู้ล่วงหน้าว่าจะต้องตกเก้าอี้ บรรลัย วายวอด ตามคำที่ชอบพร่ำสาบาน
วานนี้ ( 9 ก.ย.) นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี ได้จัดให้มีการประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.) สัญจร ที่ จ.อุดรธานี โดยผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายสมัคร ตื่นแต่เช้า และได้ออกเดินจ่ายตลาด เทศบาลเมืองอุดรธานี ตั้งแต่เวลา 06.30 น. อย่างอารมณ์ดี ขณะที่เดินจ่ายตลาดนั้น มีทั้งพ่อค้าและแม่ค้า ให้ความสนใจอย่างคึกคัก โดยมีแม่ค้ารายหนึ่งได้ขอให้นายสมัคร เซ็นลายเซ็นบนตาชั่ง เพื่อเป็นเครื่องเตือนใจให้นายสมัครทำงานด้วยความเที่ยงตรง
ทั้งนี้ นายสมัครได้เดินเลือกซื้อทั้งอาหาร คาว หวาน จากนั้นได้ไปรับประทานอาหารเช้า ก่อนที่จะเดินทางไปเข้าร่วมการประชุม ครม.สัญจร ที่ศาลากลางจังหวัดอุดรธานี ในเวลา 09.00 น.ท่ามกลางการติดตามการทำข่าวของสื่อมวลชน โดยผู้สื่อข่าวได้พยายามสอบถามนายสมัคร ว่า จะเดินทางไปร่วมฟังคำวินิจฉัย กรณีที่ศาลรัฐธรรมนูญ จะอ่านคำวินิจฉัยการสิ้นสุดความเป็นรัฐมนตรีของนายสมัคร กรณีดำเนินรายการ "ชิมไปบ่นไป" และ"ยกโขยงหกโมงเช้า" หรือไม่ แต่นายสมัคร ไม่ให้ความสนใจกับคำถามนี้

**"ขวัญชัย" นำคนหนุน ครม.จรจัด
ส่วนบรรยากาศการประชุม ครม. สัญจรที่ ศาลากลางจังหวัดอุดรธานี หลังเก่าในช่วงเช้าวานนี้ มีคณะรัฐมนตรี ทยอยเดินทางมายังสถานที่ประชุม โดยมีกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจหลายร้อยนายเข้ามาดูแลรักษาความปลอดภัยอย่างเข้มแข็ง พร้อมกับนำรถตัดสัญญาณโทรศัพท์ ป้องกันการลอบวางระเบิดด้วย โดยการจัดประชุม ครม. เริ่มขึ้นในเวลาประมาณ 09.30 น. ภายในห้องประชุมที่ศาลากลางจังหวัดอุดรธานี
ส่วนบริเวณด้านนอกรั้วศาลากลางจังหวัดอุดรธานี มีประชาชนกลุ่มคนรักอุดร สวมเสื้อสีแดง ประมาณ 500 คน นำโดย นายขวัญชัย ไพรพนา ถือธงโบกสะบัดริมถนนด้านหน้าศาลากลางเพื่อให้กำลังใจนายกรัฐมนตรี ให้บริหารประเทศต่อไป ไม่ต้องยุบสภา ไม่ลาออก แม้จะรู้ว่า นายสมัคร กำลังจะถูกศาลรัฐธรรมนูญ ตัดสินในคดีชิมไปบ่นไป ในช่วงบ่ายวันเดียวกันนี้

**ทุ่ม 540ล. ต่อยอดประชานิยม
หลังการประชุมครม. นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงผลการประชุมว่า ได้มีการต่อยอดนโยบาย 6 มาตรการ 6 เดือน กู้วิกฤตประชาชน ซึ่งจากการตรวจสอบของกระทรวงมหาดไทย พบว่าประชาชนที่อยู่ในชนบท ซึ่งใช้น้ำประปา ที่อยู่ในการดูแลขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ไม่ว่าจะเป็นประปาเทศบาล ประปาส่วนตำบล หรือประปาหมู่บ้าน ยังไม่ได้รับการช่วยเหลือตามมาตรการดังกล่าว ซึ่งประปาเทศบาลที่ดำเนินการในลักษณะเทศบาลพาณิชย์ มีจำนวนถึง 709 แห่ง มีจำนวนผู้ใช้น้ำไม่ถึง 50 ลูกบาศก์เมตร ซึ่งตรงตามหลักการ ประมาณ 69,8000 กว่าราย คิดเป็นเงินประมาณ 84 ล้านบาทเศษ ต่อเดือน
ดังนั้น ที่ประชุมครม.จึงมีมติให้ขยายพื้นที่การให้บริการให้ครอบคลุมประปาเทศบาล ประปา อบต. ประปาหมู่บ้าน โดยอนุมัติงบประมาณ กรอบวงเงินอุดหนุนเทศบาล อบต. เพื่อเป็นค่าชดเชยในงบประมาณอุดหนุนที่ดำเนินการในลักษณะเทศพาณิชย์ ระยะเวลา 6 เดือน เริ่มตั้งแต่ต.ค.นี้ ถึงมี.ค. 52 หรือตามระยะเวลาที่ ครม.เห็นสมควร โดยได้วางงบประมาณไว้ที่ 540 ล้านบาท โดยให้เบิกจ่ายตามความเป็นจริง

**ประเคนเหล่าทัพ 6 พันล.ซื้ออาวุธ
นอกจากนี้ ที่ประชุม ครม.ยังได้อนุมัติลงนามในข้อตกลงการซื้อขาย ในฐานะผู้แทนรัฐบาลไทยเกี่ยวกับการจัดซื้ออาวุธแก่กองทัพอีกหลายรายการ เช่น จัดซื้อปืนกลเล็กขนาด 5.56 มม. แบบ NEGEV โดยวิธีรัฐบาลต่อรัฐบาล หรือ จีทูจี จากรัฐบาลอิสราเอล 531 กระบอก เป็นเงิน 140 ล้านบาท
อนุมัติก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณโครงการจัดหาปืนเล็กยาว ขนาด 5.56 มิลลิเมตร TAVOR แบบ TAR – 21 ตามความตกลงระหว่างรัฐบาลไทย กับรัฐบาลแห่งรัฐอิสราเอล ระยะที่ 3 จำนวน 15,037 กระบอก วงเงิน 1,012 ล้านบาท ระยะเวลาดำเนินการ 3 ปี ตั้งแต่ปีงบประมาณ 2551 ถึงปีงบประมาณ 2553
อนุมัติลงนามในเอกสารข้อตกลงการซื้อขายในฐานะผู้แทนรัฐบาลไทย อาวุธนำวิถีต่อสู้อากาศยานระดับต่ำ ชนิดประทับไหล่ยิง แบบนำไปด้วยบุคคล จำนวน 36 หน่วยยิง โดยวิธีรัฐบาลต่อรัฐบาลระหว่างรัฐบาล จากรัฐบาลสหพันธรัฐรัสเซีย รวม 132 ล้านบาท เป็นราคา CIF ท่าเรือทหาร อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี โดยยกเว้นค่าภาษีศุลกากร
อนุมัติ ตามที่กระทรวงกลาโหมเสนอให้กองทัพเรือก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณในโครงการจัดหาเรือยกพลขึ้นบก 1 ลำ เป็นเงิน 4,943 ล้านบาท เป็นระยะเวลา 5 ปี ตั้งแต่ปี 2551 ถึง 2554

**ทุ่ม 774 ล้านสร้างรัฐสภาแห่งใหม่
โอกาสนี้ ครม.ยังได้อนุมัติการก่อสร้างอาคารรัฐสภาแห่งใหม่ ตามที่สำนักเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรเสนอ โดยอนุมัติงบประมาณสำหรับการก่อสร้าง 774 ล้านบาทเศษ ในงบประมาณ 2551 โดยใช้งบ 328 ล้านบาท ส่วนที่เหลือ 446,400,000 บาท จำเป็นต้องขอใช้จากงบกลาง เงินสำรองจ่ายในกรณีฉุกเฉิน เนื่องจากงบประมาณไม่เพียงพอ
ทั้งนี้ งบประมาณที่ใช้จ่าย เป็นค่าค่าสำรวจ และออกแบบอาคารรัฐสภา 100 ล้านบาท ค่าศึกษาผลกระทบสิ่งแวดล้อม 5 ล้านบาท ค่าก่อสร้างวางศิลาฤกษ์ 73 ล้านบาท ค่าก่อสร้างที่พักกรมอุตสาหกรรมทหาร 100 ล้านบาท ค่าชดเชย และค่ารื้อย้ายกรมอุตสาหกรรมป่าไม้ 50 ล้านบาท รวม 328 ล้านบาท ในส่วนของงบกลาง เพื่อจัดซื้อพื้นที่ใกล้บริเวณโรงงานสารส้ม ถนนศรีสมาน จ. นนทบุรี จำนวน 39 ไร่ 1 งาน 39 ตารางวา งบประมาณ 446,400,000 บาท
โดยนายกรัฐมนตรี ที่กล่าวในที่ประชุมว่า โครงการก่อสร้างอาคารรัฐสภาแห่งใหม่ ต้องเดินหน้าต่อไป และพื้นที่เกียกกาย เป็นพื้นที่ที่เหมาะสมที่สุด

**เพิ่มค่าครองชีพเอาใจพนักงานไฟฟ้า
ครม.ได้มีมติอนุมัติเพิ่มค่าครองชีพให้กับพนักงานการไฟฟ้า โดยเรื่องนี้ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ได้แถลงเพียงสั้นๆ เมื่อผู้สื่อข่าวขอรายละเอียดในมติดังกล่าว แต่ก็ไม่ได้รับ โดยโฆษกฯ อ้างว่า นายประพล มิลินทจินดา รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ได้นำเสนอ ครม.เป็นวาระจร และไม่ได้มอบเอกสารให้กับเจ้าหน้าที่ในการแถลงข่าว

**ฟื้น"คลองด่าน"หลังยืดเยื้อกว่า10 ปี
ครม.อนุมัติในหลักการ เพื่อเจรจาไกล่เกลี่ยระงับข้อพิพาทในโครงการออกแบบรวมก่อสร้างระบบรวบรวม และบำบัดน้ำเสีย เขตควบคุมมลพิษ จ.สมุทรปราการ (คลองด่าน) ซึ่งมีการดำเนินการตั้งแต่ พ.ศ.2540 โดยโครงการทั้งสิ้น 22,949.984020 ล้านบาท หลังจากที่ดำเนินการไปจนถึงจนมีการเบิกจ่ายเงินงวดที่ 48 จึงมีปัญหาเรื่องการดำเนินการ โดยมีการเบิกเงิน 1745.889431.40 ล้านบาท และ120.343,887 ล้านบาท หลังจากที่จ่ายเงินเป็นร้อยละ 90 ของงบประมาณ ซึ่งมีการฟ้องร้อง และหยุดก่อสร้าง ทั้งๆ ที่มีการก่อสร้างไปแล้วถึง 92 เปอร์เซ็นต์ ครม.พิจารณาเห็นว่า ควรให้ก่อสร้างต่อไป เพี่อให้เกิดประโยชน์ที่จะได้บ่อบำบัดน้ำเสียในพื้นที่ จ.สมุทรปราการ ส่วนคดีก็ให้มีการฟ้องร้องกันไป

**ทุ่มงบปีละ500 ล้านเอาใจเด็กใต้
ที่ประชุมครม.เห็นชอบตามที่ กอ.รมน. เสนอโครงการทำดีมีงานทำ สำหรับเยาวชน เขตพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ เพื่อนำเอาบุตรหลาน จำนวน 3 แสนคน ซึ่งเป็นนักเรียนในระบบกระทรวงศึกษาธิการจำนวน 1 แสนคน อีก 2 แสนคน เป็นกลุ่มเสี่ยงที่อาจถูกชักจูงในการกระทำการไม่ถูกกฎหมาย เพื่อจัดอบรมอาชีพ ส่งเสิรมการประกอบอาชีพนอกพื้นที่ เพื่อสร้างรายได้พัฒนาชีวิต และลดภาวะความเสี่ยงสำหรับการถูกชักจูงให้เข้าร่วมกระบวนการก่อความไม่สงบ ส่วนงบประมาณแบ่งเป็น 2 ปีงบประมาณ คือปี 2551 และ 2552 ปีละ 500 ล้านบาท ทุกรุ่นจะมีเยาวชนเข้าร่วม 66,000 คน

**แต่งตั้งขรก.-ผู้บริหารระดับสูงทิ้งทวน
ที่ประชุม ครม.ได้อนุมัติแต่งตั้ง นายสมชาย ชุ่มรัตน์ ตำแหน่งอธิบดีกรมโยธิการและผังเมือง (นักบริหาร 10) กระทรวงมหาดไทย ขึ้นดำรงตำแหน่งปลัดกระทรวง (นักบริหาร 11) สำนักงานปลัดกระทรวงแรงงาน เนื่องจากนายจุฑาธวัช อินทรสุขศรี พ้นจากราชการเนื่องจากเกษียณอายุ ตั้งแต่วันที่ 1 ต.ต.51
แต่งตั้งข้าราชการการเมือง นาย ประวัฒน์ อุตตะโมท เป็นที่ปรึกษา รมว.อุตสาหกรรม และแต่งตั้ง นายเกรียงไกร กิตติธเนศวร เป็นเลขานุการ รมว.อุตสาหกรรม
อนุมัติต่อเวลาการดำรงตำแหน่งปลัดกระทรวงการคลัง ครั้งที่ 1 เนื่องจากนายศุภรัตน์ ควัฒน์กุล ตำแหน่งปลัดกระทรวง (นักบริหาร 11) สำนักงานปลัดกระทรวงการคลัง ได้ดำรงตำแหน่งตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค.47 ซึ่งดำรงตำแหน่งครบ 4 ปี ในวันที่ 30 ก.ย. 51 จึงต้องมีการดำเนินการให้สับเปลี่ยนหน้าที่ ย้าย หรือโอน ภายใน 60 วัน หรือ ขอต่อเวลาการดำรงตำแหน่งครั้งละไม่เกิน 1ปี ไม่เกิน 2 ครั้ง ตามมติ ครม. โดยกระทรวงการคลังพิจารณาเห็นว่า มีความาจำเป็นจะต้องให้นาย ศุภรัตน์ ปฏิบัติหน้าที่ในตำแหน่งปลัดกระทรวงการคลัง ต่อไปอีก 1 ปี ตั้งแต่ วันที่ 1 ต.ค.51 ถึงวันที่ 30 ก.ย. 52
แต่งตั้งนายสุรชัย ธารสิทธิ์พงษ์ รองปลัดกระทรวงคมนาคม เป็นปลัดกระทรวงคมนาคม แทนนายชัยสวัสดิ์ กิตติพรไพบูลย์ ที่จะเกษียณอายุราชการแต่งตั้งนายถวัลย์รัฐ อ่อนศิระ และนายไมตรี ศรีนราวัฒน์ ผู้ตรวจราชการกระทรวงคมนาคม เป็นรองปลัดกระทรวงคมนาคม ส่วนนายศิลปะชัย จารุเกษมรัตนะ อธิบดีกรมการขนส่งทางบก เป็นผู้ตรวจราชการกระทรวงคมนาคม และแต่งตั้ง นายชัยสวัสดิ์ กิตติพรไพบูลย์ เป็นประธานกรรมการในคณะกรรมการรถไฟแห่งประเทศไทย แทน นายสมศักดิ์ บุญทอง ที่ได้ยื่นหนังสือลาออก

**มอบงานรองนายกฯ
นอกจากนี้ ที่ประชุมครม.ได้รับทราบคำสั่ง สำนักนายกรัฐมนตรี เรื่องมอบหมาย และมอบอำนาจให้รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ให้ปฏิบัติหน้าที่ประธานกรรมการ ตามกฎหมาย และตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี โดยมอบหมายให้
นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.ศึกษาธิการ ปฏิบัติหน้าที่ประธานกรรมการในคณะกรรมการต่างๆ ที่จัดตั้งขึ้นตามกฎหมาย ประกอบด้วย คณะกก.พัฒนาระบบราชการ คณะกก.ส่งเสริมการพัฒนาเด็กและเยาวชนแห่งชาติ คณะกก.ผู้สูงอายุแห่งชาติ คณะกก.ส่งเสริมการจัดสวัสดิการสังคมแห่งชาติ คณะกก.ส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ คณะกก.ป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ คณะกก.ภาพยนตร์และวีดีทัศน์แห่งชาติ สภานายกสภาลูกเสือไทย คณะกก.กองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ คณะกก.สุขภาพแห่งชาติ คณะกก.อาหารแห่งชาติ คณะกก.สุขภาพจิตแห่งชาติ

นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี รองนายกรัฐมนตรี และรมว.คลัง ได้รับมอบหมาย และมอบอำนาจให้ปฏิบัติหน้าที่ประธาน กก.การกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น คณะกก.นโยบายทุนรัฐวิสาหกิจ คณะกก.จัดระบบการจราจรทางบก คณะกก.นโยบายพลังงานแห่งชาติ คณะกก.กองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน คณะกก.กองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองแห่งชาติ
พล.ต.อ. โกวิท วัฒนะ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย ได้รับมอบหมาย และมอบอำนาจให้ปฏิบัติหน้าที่ ประธานกก. ในคณะกก.ต่างๆ ที่จัดตั้งขึ้นตามกฎหมาย ดังนี้ คณะกก.ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย คณะกก.ประสานและกำกับการดำเนินงานป้องกัน และปราบปรามการค้ามนุษย์ รองประธานสภาความมั่นคงแห่งชาติ และให้ปฏิบัติหน้าที่ประธานกก. ที่จัดตั้งขึ้นตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี คือ คณะกก.นโยบายและอำนวยการพัฒนาเพื่อเสริมความมั่นคงแห่งชาติ คณะกก.ประชาสัมพันธ์แห่งชาติ คณะกก.กำหนดนโยบาย และกำกับดูแลกิจการประปาแห่งชาติ คณะกก.สนับสนุนระบบการบริหารงานจังหวัดแบบบูรณาการ คณะกก.ป้องกันอุบัติภัยแห่งชาติ
นายสหัส บัณฑิตกุล รองนายกรัฐมนตรี ได้รับการมอบหมาย และมอบอำนาจให้ปฏิบัติหน้าที่ประธานกรรมการในคณะกรรมการต่าง ๆ ที่จัดตั้งขึ้นตามกฎหมาย ดังนี้ คณะกก.พิจารณาการเสนอขอพระราชทาน เครื่องราชอิสริยาภรณ์ อันเป็นที่สรรเสริญยิ่งดิเรกคุณาภรณ์ คณะกก.ส่งเสริมการลงทุน คณะกก.พัฒนาอุตสาหกรรมแห่งชาติ คณะกก.มาตรฐานแห่งชาติ คณะกก.ส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม คณะกก.พลังงานปรมาณูเพื่อสันติ คณะกก.นโยบายวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และนวัตกรรมแห่งชาติ สภาวิจัยแห่งชาติ
พล.ต.สนั่น ขจรประศาสน์ รองนายกรัฐมนตรี ได้รับการมอบหมายและมอบอำนาจให้ปฏิบัติหน้าที่ประธานกรรมการในคณะกรรมการต่าง ๆ ที่จัดตั้งขึ้นตามกฎหมาย ดังนี้ คณะกก.นโยบายการท่องเที่ยวแห่งชาติ คณะกก.กองทุนฟื้นฟู และพัฒนาเกษตรกร คณะกก.ส่งเสริมวิสาหกิจชุมชน การมอบหมาย และมอบอำนาจให้ปฏิบัติหน้าที่ประธานกรรมการ ในคณะกรรมการต่าง ๆ ที่จัดตั้งขึ้นตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี เช่น คณะกก. บริหารกองทุนพัฒนาการกีฬาแห่งชาติ คณะกก.ช่วยหลือเกษตรกรและผู้ยากจน เป็นต้น
นายมั่น พัธโนทัย รองนายกรัฐมนตรี และรมว.เทคโนโลยีสารสนเทศ และการสื่อสาร ได้รับการมอบหมาย และมอบอำนาจให้ปฏิบัติหน้าที่ประธานกรรมการในคณะกรรมการต่าง ๆ ที่จัดตั้งขึ้นตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ดังนี้ คณะกก. เทคโนโลยีสารสนเทศ และการสื่อสารแห่งชาติ คณะกก. บริหารระบบการเตือนภัยพิบัติแห่งชาติ
สำหรับ นายชูศักดิ์ ศิรินิล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ได้รับการมอบหมาย และมอบอำนาจให้ปฏิบัติหน้าที่ ประธานกรรมการ ในคณะกรรมการต่างๆ ที่จัดตั้งขึ้นตามกฎหมาย ดังนี้ คณะกก.ข้อมูลข่าวสารของราชการ คณะกก.คุ้มครองผู้บริโภค รองประธาน กก.ในคณะกก.พัฒนาระบบราชการ กก.ในคณะกก.ป้องกันและปราบปรามยาเสพติด
อย่างไรก็ตาม ให้รองนายกรัฐมนตรี หรือรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ที่สั่งและปฏิบัติราชการแทนนายกรัฐมนตรี ในส่วนราชการใดเป็นประธาน อ.ก.พ. ทำหน้าที่ อ.ก.พ.กระทรวงของส่วนราชการนั้นด้วย ยกเว้น อ.ก.พ. สำนักนายกรัฐมนตรี ให้นายชูศักดิ์ เป็นประธาน ทั้งนี้ เมื่อรองนายกรัฐมนตรี หรือรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ได้ดำเนินการตามที่ได้รับมอบหมาย และมอบอำนาจแล้ว ให้รายงานนายกรัฐมนตรีทราบทุกสามสิบวัน
ทั้งนี้ เป็นที่น่าสังเกตว่า นายสมัคร ไม่ได้มอบหมายงานของกระทรวงกลาโหม ให้กับรองนายกฯ คนใดดูแล ดังนั้นเมื่อศาลรัฐธรรมนูญ ตัดสินว่า นายสมัคร มีคุณสมบัติขัดรัฐธรรมนูญ เนื่องจากมีผลประโยชน์ทับซ้อน จากกรณีจัดรายการชิมไป บ่นไป และทำให้ต้องพ้นจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ทำให้การกำกับดูแลกระทรวงกลาโหม ตกไปอยู่ในความดูแลของนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ รองนายกรัฐมนตรีคนที่ 1 ที่รับหน้าที่ รักษาการนายกรัฐมนตรี ไปโดยปริยาย
กำลังโหลดความคิดเห็น