นางสาวจตุพร เหล่าทรงจิตร ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บริษัท เอิร์ธแคร์ (ประเทศไทย) จำกัด ผู้บริหารร้านเดอะ บอดี้ ช็อป เปิดเผยว่า บริษัทแม่มีนโยบายรีแบรนด์ดิ้งเดอะบอดี้ ช็อป ครั้งใหญ่รอบ 30 ปี โดยเป็นการปรับเปลี่ยนพร้อมกันทั่วโลก ตอกย้ำภาพลักษณ์การเป็นผลิตภัณฑ์เป็นมิตรกับสังคมและสิ่งแวดล้อมผ่านวิชวลไลฟ์สไตล์ ภายใต้คอนเซปต์ “เนเจอร์ เวย์ ทู บิวตี้ฟูล” นอกจากนี้จะทยอยปรับโฉมชอปใหม่ทั่วโลกที่มีกว่า 2,200 แห่ง ใน 55 ประเทศทั่วโลก เริ่มตั้งแต่วันที่ 24 สิงหาคม ที่ผ่านมา
อีกทั้งยังได้ปรับในแง่ของการสื่อสาร เน้นการมีส่วนผสมจากธรรมชาติจากวัตถุดิบ จากเดิมเน้นสินค้าเป็นหลัก เพื่อรองรับกับไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภค ที่มองหาการใช้ชีวิตอย่างสงบและใส่ใจสิ่งแวดล้อม ผ่านการโฆษณาประชาสัมพันธ์ผ่านชอป และสื่อสิ่งพิมพ์ การจัดกิจกรรม ทั้งนี้เพื่อสร้างความแตกต่างจากธุรกิจค้าปลีกอื่นๆ ขณะเดียวกันบริษัทกำลังอยู่ระหว่างการศึกษาและวิจัยกลุ่มอาหารเพื่อความงาม ซึ่งจะเปิดตัวหรือไม่นั้นต้องพิจารณาถึงความเหมาะสม
สำหรับในประเทศไทยของเดอะบอดี้ ช็อป ถือเป็นการปรับครั้งใหญ่รอบ 15 ปี โดยบริษัทได้ทุ่มงบ 30-40 ล้านบาท ปรับปรุงชอปใหม่ ซึ่งปีนี้ทยอยให้ได้ 15 สาขา จากทั้งหมด 44 สาขา และเปิดสาขาใหม่ 3 แห่ง สิ้นปีนี้เดอะบอดี้ ช็อป มีสาขา 47 แห่ง โดยทุ่มงบ 10 ล้านบาท จัดกิจกรรมการตลาดเพื่อสร้างการรับรู้ และเปิดตัวสินค้าใหม่ 2 กลุ่ม ได้แก่ เวลบีอิ้ง ผลิตภัณฑ์อโรมาเธอร์ราปี และกลุ่มมิเนอรัล เมคอัพ
ส่วนปลายปีนี้จะเปิดตัวค้าใหม่ 2 รายการ และเดือนพฤศจิกายน เปิดตัวสินค้าใหม่สำหรับผู้ชายจากปัจจุบันมีสินค้ามีทั้งหมด 400-500 รายการ ส่วนปีหน้านี้จะเปิดตัวสินค้าให้ครอบคลุมกลุ่มเป้าหมายตั้งแต่อายุ 18-50 ปี บริษัทจะให้ความสำคัญการทำซีอาร์เอ็ม เพื่อรองรับการแข่งขันการทำโปรโมชัน ทั้งจากคู่แข่งโดยตรงและห้างสรรพสินค้า ซึ่งปัจจุบันเดอะบอดี้ ช็อป มีฐานสมาชิก 6 หมื่นราย
“ผลจากภาวะเศรษฐกิจ พฤติกรรมของลูกค้าจำกัดการซื้อสินค้า เราจึงต้องปรับการทำตลาด ด้วยการเปิดตัวสินค้าใหม่ๆอย่างต่อเนื่อง เพราะดึงดูดความสนใจจากลูกค้าได้เป็นอย่างดี จากการดำเนินกลยุทธ์ดังกล่าว ส่งผลให้ยอดขายตั้งแต่ต้นปีถึงปัจจุบันโต 5-6%”
ผลประกอบการปีนี้บริษัทตั้งเป้าเติบโต 7-8% เท่ากับการเติบโตของตลาดเครื่องสำอางโดยรวมมูลค่า 80,000 ล้านบาท โดย 8 เดือนที่ผ่านมา การเติบโตเป็นไปตามเป้าหมาย แบ่งเป็นรายได้ สกินแคร์ 32% เมคอัพ 27-28% ที่เหลือเป็น ผลิตภัณฑ์สำหรับร่างกาย มือและเท้า น้ำหอม และเส้นผม ตามลำดับ
อีกทั้งยังได้ปรับในแง่ของการสื่อสาร เน้นการมีส่วนผสมจากธรรมชาติจากวัตถุดิบ จากเดิมเน้นสินค้าเป็นหลัก เพื่อรองรับกับไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภค ที่มองหาการใช้ชีวิตอย่างสงบและใส่ใจสิ่งแวดล้อม ผ่านการโฆษณาประชาสัมพันธ์ผ่านชอป และสื่อสิ่งพิมพ์ การจัดกิจกรรม ทั้งนี้เพื่อสร้างความแตกต่างจากธุรกิจค้าปลีกอื่นๆ ขณะเดียวกันบริษัทกำลังอยู่ระหว่างการศึกษาและวิจัยกลุ่มอาหารเพื่อความงาม ซึ่งจะเปิดตัวหรือไม่นั้นต้องพิจารณาถึงความเหมาะสม
สำหรับในประเทศไทยของเดอะบอดี้ ช็อป ถือเป็นการปรับครั้งใหญ่รอบ 15 ปี โดยบริษัทได้ทุ่มงบ 30-40 ล้านบาท ปรับปรุงชอปใหม่ ซึ่งปีนี้ทยอยให้ได้ 15 สาขา จากทั้งหมด 44 สาขา และเปิดสาขาใหม่ 3 แห่ง สิ้นปีนี้เดอะบอดี้ ช็อป มีสาขา 47 แห่ง โดยทุ่มงบ 10 ล้านบาท จัดกิจกรรมการตลาดเพื่อสร้างการรับรู้ และเปิดตัวสินค้าใหม่ 2 กลุ่ม ได้แก่ เวลบีอิ้ง ผลิตภัณฑ์อโรมาเธอร์ราปี และกลุ่มมิเนอรัล เมคอัพ
ส่วนปลายปีนี้จะเปิดตัวค้าใหม่ 2 รายการ และเดือนพฤศจิกายน เปิดตัวสินค้าใหม่สำหรับผู้ชายจากปัจจุบันมีสินค้ามีทั้งหมด 400-500 รายการ ส่วนปีหน้านี้จะเปิดตัวสินค้าให้ครอบคลุมกลุ่มเป้าหมายตั้งแต่อายุ 18-50 ปี บริษัทจะให้ความสำคัญการทำซีอาร์เอ็ม เพื่อรองรับการแข่งขันการทำโปรโมชัน ทั้งจากคู่แข่งโดยตรงและห้างสรรพสินค้า ซึ่งปัจจุบันเดอะบอดี้ ช็อป มีฐานสมาชิก 6 หมื่นราย
“ผลจากภาวะเศรษฐกิจ พฤติกรรมของลูกค้าจำกัดการซื้อสินค้า เราจึงต้องปรับการทำตลาด ด้วยการเปิดตัวสินค้าใหม่ๆอย่างต่อเนื่อง เพราะดึงดูดความสนใจจากลูกค้าได้เป็นอย่างดี จากการดำเนินกลยุทธ์ดังกล่าว ส่งผลให้ยอดขายตั้งแต่ต้นปีถึงปัจจุบันโต 5-6%”
ผลประกอบการปีนี้บริษัทตั้งเป้าเติบโต 7-8% เท่ากับการเติบโตของตลาดเครื่องสำอางโดยรวมมูลค่า 80,000 ล้านบาท โดย 8 เดือนที่ผ่านมา การเติบโตเป็นไปตามเป้าหมาย แบ่งเป็นรายได้ สกินแคร์ 32% เมคอัพ 27-28% ที่เหลือเป็น ผลิตภัณฑ์สำหรับร่างกาย มือและเท้า น้ำหอม และเส้นผม ตามลำดับ