เดลิเมล์ - คนที่กำลังเจอวิกฤตสภาพคล่องเล่นงานอาจได้กำลังใจและไอเดียเล็กๆ น้อยๆ เมื่อได้รับรู้เรื่องราวของแคท เคลลี
ครูวัย 47 ปีที่มีปัญหาสภาพคล่องพนันกับเพื่อนๆ โดยมีแอลกอฮอล์เป็นสิ่งเร้าว่า เธอสามารถเอาชนะวิกฤตสินเชื่อได้ด้วยการใช้เงินวันละแค่ 1 ปอนด์ (61.48 บาท) ตลอด 1 ปี และเธอชนะ
ทางออกของเคลลีคือ หาบุฟเฟ่ต์กินฟรี ซื้อของลดราคา ตระเวนหาอาหารที่ร้านของชำ ซูเปอร์มาร์เก็ต หรือร้านอาหารทิ้ง นอกจากนั้น เธอยังเก็บผลไม้จากต้นริมทาง และโบกรถจากอังกฤษไปถึงฝรั่งเศส
เหนือสิ่งอื่นใด เคลลีได้พบรักขณะทำงานเป็นอาสาสมัครในฟาร์มอินทรีย์แห่งหนึ่งระหว่างช่วงวันหยุดพักผ่อน
เธอเช่าบ้านอยู่กับเพื่อนๆ ในบริสตอล อังกฤษ ตอนที่เธอบ่นกับเพื่อนหลังจากกินไวน์ไปไม่กี่แก้วว่า ไม่มีปัญญาซื้อของขวัญวันแต่งงานให้น้องชาย และนั่นคือที่มาของการประกาศอย่างห้าวหาญว่า เธอจะใช้ชีวิตอยู่ด้วยเงินเพียงปอนด์เดียวนานหนึ่งปีจนกว่าจะถึงงานวิวาห์ของแดนนี น้องชาย
“ฉันตื่นขึ้นมาตอนเช้าและรู้สึกเสียใจทันที แต่ก็สายไปแล้ว ฉันประกาศกับเพื่อนๆ ไปแล้วและต้องทำให้ได้”
ความที่ค่าเช่าและค่าน้ำค่าไฟจ่ายไปล่วงหน้าแล้ว งบประมาณหนึ่งปอนด์ของเคลลีจึงครอบคลุมเพียงค่าเดินทาง อาหาร เสื้อผ้า และการออกไปสังสรรค์นอกบ้าน
ในเวลาเพียงไม่นาน เธอเรียนรู้ที่จะหาแหล่งสินค้าลดราคา และหลังเลิกงานที่อิงลิช แลงเกจ เซนเตอร์ ที่เธอสอนสัปดาห์ละ 20 ชั่วโมง เธอจะแวะไปซูเปอร์มาร์เก็ตและร้านขายเนื้อตอนใกล้ปิดร้านเพื่อซื้ออาหารลดราคา
“ฉันมีอาหารแช่แข็งไว้เต็มตู้เย็น ส่วนใหญ่ฉันจะสะพายเป้เปล่าออกจากบ้าน ถ้าเห็นขนมปังราคาแค่ 10 เพนนีช่วงใกล้ปิดร้าน หรือผักลดราคา ฉันก็จะซื้อตุนไว้”
เคลลียังตระเวนหานักวิจัยทางการตลาดตามท้องถนน เพราะมักได้สินค้าตัวอย่างติดมือกลับบ้านบ่อยๆ เธอเลิกใช้โทรศัพท์มือถือและเปลี่ยนไปใช้วิธีไปหาเพื่อนที่บ้านถ้ามีธุระหรืออยากคุยด้วย หรือทิ้งโน้ตไว้ถ้าเพื่อนไม่อยู่บ้าน เธอยังใช้อินเทอร์เน็ตฟรีตามห้องสมุด
“ฉันมักไปร่วมฟังการบรรยายที่เปิดให้เข้าฟังฟรีที่มหาวิทยาลัยบริสตอล เพราะจะมีบุฟเฟ่ต์เลี้ยงหลังจบการบรรยาย ฉันยังไปวันครบรอบ 100 ปีห้องสมุดเพราะมีบุฟเฟ่ต์ฟรีเหมือนกัน ฉันกลายเป็นราชินีบุฟเฟ่ต์ไปแล้ว
“ทุกครั้งที่มีกิจกรรมสาธารณะที่ต้องการฝรั่งมุง จะเห็นฉันอยู่ที่นั่นตลอด
“ความที่ฉันไม่สามารถซื้อเครื่องดื่มเลี้ยงเพื่อนได้ ฉันเลยเปลี่ยนเป็นชวนเพื่อนไปงานเปิดแสดงภาพหรืองานเปิดตัวหนังสือแทน”
เคลลีบอกว่าหนึ่งในเคล็ดลับที่ได้ผลที่สุดคือ การให้ของขวัญเล็กๆ น้อยๆ เท่าที่มีกำลังจะให้ได้ เพราะสิ่งที่ได้กลับมามักมีค่ามากกว่านั้น
การเดินทางสู่แดนน้ำหอมเกิดขึ้นเมื่อเธอตัดสินใจไปเยี่ยมน้องชายที่กำลังซ่อมบ้านหลังหนึ่งในบริตตานี
“ฉันแอบย่องขึ้นยูโรสตาร์ โบกรถผู้หญิงฝรั่งเศสคนหนึ่งไปจนถึงบริตตานี ขากลับฉันโบกรถบรรทุกและได้ไปกินอาหารเย็นที่โรงอาหารของสิงห์รถบรรทุก
เมื่อครบตามกำหนดเวลาที่พนันไว้ เคลลีมีเงินเก็บ 10,000 ปอนด์ (614,800 บาท) และเจียดมา 1,300 ปอนด์ (79,924 บาท)สมัครสมาชิกตลอดชีพเนชันแนล ทรัสต์ให้แดนนีและซาราห์ เจ้าสาว
เธอยังผูกสมัครรักใคร่กับบรูซ เทย์เลอร์ ผู้จัดการฟาร์มวัย 38 ปีที่ไปทำงานด้วยระหว่างเป็นอาสาสมัครช่วงวันหยุด
ตอนนี้ทั้งคู่อาศัยอยู่ด้วยกันในซัมเมอร์เซ็ต และเคลลีเขียนหนังสือเกี่ยวกับช่วงเวลาหนึ่งปีของการใช้ชีวิตอย่างสมถะที่ตั้งชื่อไว้ว่า ‘ฮาว ไอ ลีฟด์ ออน จัสต์ อะ พาวด์ อะ เดย์’ ออกมาโดยมีสำนักพิมพ์เรดคลิฟฟ์ตีพิมพ์ให้ และวางจำหน่ายในราคาเล่มละ 6.99 ปอนด์
เธอปลูกพืชผักผลไม้ไว้ที่บ้าน และบอกว่าประสบการณ์ช่วงหนึ่งปีนั้นทำให้มุมมองของเธอเปลี่ยนไปตลอดกาล
“ตอนนี้ฉันใช้เงินอย่างมีสมอง และใช้ชีวิตต่างจากเมื่อก่อนโดยสิ้นเชิง”
ครูวัย 47 ปีที่มีปัญหาสภาพคล่องพนันกับเพื่อนๆ โดยมีแอลกอฮอล์เป็นสิ่งเร้าว่า เธอสามารถเอาชนะวิกฤตสินเชื่อได้ด้วยการใช้เงินวันละแค่ 1 ปอนด์ (61.48 บาท) ตลอด 1 ปี และเธอชนะ
ทางออกของเคลลีคือ หาบุฟเฟ่ต์กินฟรี ซื้อของลดราคา ตระเวนหาอาหารที่ร้านของชำ ซูเปอร์มาร์เก็ต หรือร้านอาหารทิ้ง นอกจากนั้น เธอยังเก็บผลไม้จากต้นริมทาง และโบกรถจากอังกฤษไปถึงฝรั่งเศส
เหนือสิ่งอื่นใด เคลลีได้พบรักขณะทำงานเป็นอาสาสมัครในฟาร์มอินทรีย์แห่งหนึ่งระหว่างช่วงวันหยุดพักผ่อน
เธอเช่าบ้านอยู่กับเพื่อนๆ ในบริสตอล อังกฤษ ตอนที่เธอบ่นกับเพื่อนหลังจากกินไวน์ไปไม่กี่แก้วว่า ไม่มีปัญญาซื้อของขวัญวันแต่งงานให้น้องชาย และนั่นคือที่มาของการประกาศอย่างห้าวหาญว่า เธอจะใช้ชีวิตอยู่ด้วยเงินเพียงปอนด์เดียวนานหนึ่งปีจนกว่าจะถึงงานวิวาห์ของแดนนี น้องชาย
“ฉันตื่นขึ้นมาตอนเช้าและรู้สึกเสียใจทันที แต่ก็สายไปแล้ว ฉันประกาศกับเพื่อนๆ ไปแล้วและต้องทำให้ได้”
ความที่ค่าเช่าและค่าน้ำค่าไฟจ่ายไปล่วงหน้าแล้ว งบประมาณหนึ่งปอนด์ของเคลลีจึงครอบคลุมเพียงค่าเดินทาง อาหาร เสื้อผ้า และการออกไปสังสรรค์นอกบ้าน
ในเวลาเพียงไม่นาน เธอเรียนรู้ที่จะหาแหล่งสินค้าลดราคา และหลังเลิกงานที่อิงลิช แลงเกจ เซนเตอร์ ที่เธอสอนสัปดาห์ละ 20 ชั่วโมง เธอจะแวะไปซูเปอร์มาร์เก็ตและร้านขายเนื้อตอนใกล้ปิดร้านเพื่อซื้ออาหารลดราคา
“ฉันมีอาหารแช่แข็งไว้เต็มตู้เย็น ส่วนใหญ่ฉันจะสะพายเป้เปล่าออกจากบ้าน ถ้าเห็นขนมปังราคาแค่ 10 เพนนีช่วงใกล้ปิดร้าน หรือผักลดราคา ฉันก็จะซื้อตุนไว้”
เคลลียังตระเวนหานักวิจัยทางการตลาดตามท้องถนน เพราะมักได้สินค้าตัวอย่างติดมือกลับบ้านบ่อยๆ เธอเลิกใช้โทรศัพท์มือถือและเปลี่ยนไปใช้วิธีไปหาเพื่อนที่บ้านถ้ามีธุระหรืออยากคุยด้วย หรือทิ้งโน้ตไว้ถ้าเพื่อนไม่อยู่บ้าน เธอยังใช้อินเทอร์เน็ตฟรีตามห้องสมุด
“ฉันมักไปร่วมฟังการบรรยายที่เปิดให้เข้าฟังฟรีที่มหาวิทยาลัยบริสตอล เพราะจะมีบุฟเฟ่ต์เลี้ยงหลังจบการบรรยาย ฉันยังไปวันครบรอบ 100 ปีห้องสมุดเพราะมีบุฟเฟ่ต์ฟรีเหมือนกัน ฉันกลายเป็นราชินีบุฟเฟ่ต์ไปแล้ว
“ทุกครั้งที่มีกิจกรรมสาธารณะที่ต้องการฝรั่งมุง จะเห็นฉันอยู่ที่นั่นตลอด
“ความที่ฉันไม่สามารถซื้อเครื่องดื่มเลี้ยงเพื่อนได้ ฉันเลยเปลี่ยนเป็นชวนเพื่อนไปงานเปิดแสดงภาพหรืองานเปิดตัวหนังสือแทน”
เคลลีบอกว่าหนึ่งในเคล็ดลับที่ได้ผลที่สุดคือ การให้ของขวัญเล็กๆ น้อยๆ เท่าที่มีกำลังจะให้ได้ เพราะสิ่งที่ได้กลับมามักมีค่ามากกว่านั้น
การเดินทางสู่แดนน้ำหอมเกิดขึ้นเมื่อเธอตัดสินใจไปเยี่ยมน้องชายที่กำลังซ่อมบ้านหลังหนึ่งในบริตตานี
“ฉันแอบย่องขึ้นยูโรสตาร์ โบกรถผู้หญิงฝรั่งเศสคนหนึ่งไปจนถึงบริตตานี ขากลับฉันโบกรถบรรทุกและได้ไปกินอาหารเย็นที่โรงอาหารของสิงห์รถบรรทุก
เมื่อครบตามกำหนดเวลาที่พนันไว้ เคลลีมีเงินเก็บ 10,000 ปอนด์ (614,800 บาท) และเจียดมา 1,300 ปอนด์ (79,924 บาท)สมัครสมาชิกตลอดชีพเนชันแนล ทรัสต์ให้แดนนีและซาราห์ เจ้าสาว
เธอยังผูกสมัครรักใคร่กับบรูซ เทย์เลอร์ ผู้จัดการฟาร์มวัย 38 ปีที่ไปทำงานด้วยระหว่างเป็นอาสาสมัครช่วงวันหยุด
ตอนนี้ทั้งคู่อาศัยอยู่ด้วยกันในซัมเมอร์เซ็ต และเคลลีเขียนหนังสือเกี่ยวกับช่วงเวลาหนึ่งปีของการใช้ชีวิตอย่างสมถะที่ตั้งชื่อไว้ว่า ‘ฮาว ไอ ลีฟด์ ออน จัสต์ อะ พาวด์ อะ เดย์’ ออกมาโดยมีสำนักพิมพ์เรดคลิฟฟ์ตีพิมพ์ให้ และวางจำหน่ายในราคาเล่มละ 6.99 ปอนด์
เธอปลูกพืชผักผลไม้ไว้ที่บ้าน และบอกว่าประสบการณ์ช่วงหนึ่งปีนั้นทำให้มุมมองของเธอเปลี่ยนไปตลอดกาล
“ตอนนี้ฉันใช้เงินอย่างมีสมอง และใช้ชีวิตต่างจากเมื่อก่อนโดยสิ้นเชิง”
