เอเอฟพี – จุดสำคัญๆ ในแผนการของรัฐบาลสหรัฐฯที่เข้าเทคโอเวอร์แฟนนี เม และ เฟรดดี แมค
---แฟนนี เม และเฟรดดี แมค ถูกสั่งให้เป็น “สินทรัพย์ที่ต้องถูกดูแล” (conservatorship) ของรัฐบาล โดยสำนักงานกำกับดูแลสินเชื่อที่อยู่อาศัยสหรัฐฯ(เอฟเอชเอฟเอ) ซึ่งเป็นหน่วยงานทำหน้าที่กำกับการทำงานของสถาบันสินเชื่อลักษณะนี้ บริษัททั้งสองยังจะสามารถดำเนินกิจการต่อไป แต่อยู่ภายใต้ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร(ซีอีโอ)ที่ทางการแต่งตั้งใหม่เข้าแทนที่คนเดิม
---บริษัททั้งสองจะออกหุ้นบุริมสิทธิ์ใหม่บริษัทละ 1,000 ล้านดอลลาร์ ให้แก่รัฐบาล หุ้นบุริมสิทธิ์ใหม่นี้จะมีศักดิ์และสิทธิ์เหนือหุ้นสามัญและหุ้นบุริมสิทธิ์เดิม ทั้งนี้กระทรวงการคลังยังอาจจะอัดฉีดเงินเข้าไปให้บริษัทละ 100,000 ล้านดอลลาร์ หากว่ามีความจำเป็นที่จะต้องได้เม็ดเงินใหม่ สำหรับหุ้นสามัญและบุริมสิทธิ์เดิมจะไม่ถูกยกเลิก ทว่าเนื่องจากมีศักดิ์และสิทธิ์ด้อยกว่าหุ้นบุริมสิทธิ์ใหม่ จึงหมายความว่าผู้ถือหุ้นเหล่านี้จะต้องแบกรับภาะขาดทุนก่อนรัฐบาล นอกจากนั้นรัฐบาลจะได้รับตราสารวอแรนท์ คิดเป็นหุ้นจำนวน 79.9% ของแต่ละบริษัท
---กระทรวงการคลังจะเปิดให้บริษัททั้งสองกู้เงินได้ โดยผ่านธนาคารกลางสหรัฐฯ แต่ยังมิได้ระบุจำนวนชัดเจนว่าเป็นเท่าใด
---กระทรวงการคลังจะเริ่มโครงการชั่วคราวในการรับซื้อคืนตราสารสินเชื่อที่อยู่อาศัยที่แฟนนีและเฟรดดีออกไป เพื่อช่วยให้ภาคการเงินสหรัฐฯมีสภาพคล่องมากขึ้น
---แฟนนีและเฟรดดีจะสามารถเพิ่มมูลค่าพอร์ตสินเชื่อของตนเองได้ “พอประมาณ” ไปจนถึงสิ้นปี 2009 และหลังจากนั้น สถาบันทั้งสองจะต้องลดมูลค่าพอร์ตสินเชื่อของพวกตนลงมาในอัตรา 10% ต่อปี โดยถือเป็นความพยายามในการจำกัด “ความเสี่ยงเชิงระบบ” ที่มีต่อระบบการเงิน
---แฟนนี เม และเฟรดดี แมค ถูกสั่งให้เป็น “สินทรัพย์ที่ต้องถูกดูแล” (conservatorship) ของรัฐบาล โดยสำนักงานกำกับดูแลสินเชื่อที่อยู่อาศัยสหรัฐฯ(เอฟเอชเอฟเอ) ซึ่งเป็นหน่วยงานทำหน้าที่กำกับการทำงานของสถาบันสินเชื่อลักษณะนี้ บริษัททั้งสองยังจะสามารถดำเนินกิจการต่อไป แต่อยู่ภายใต้ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร(ซีอีโอ)ที่ทางการแต่งตั้งใหม่เข้าแทนที่คนเดิม
---บริษัททั้งสองจะออกหุ้นบุริมสิทธิ์ใหม่บริษัทละ 1,000 ล้านดอลลาร์ ให้แก่รัฐบาล หุ้นบุริมสิทธิ์ใหม่นี้จะมีศักดิ์และสิทธิ์เหนือหุ้นสามัญและหุ้นบุริมสิทธิ์เดิม ทั้งนี้กระทรวงการคลังยังอาจจะอัดฉีดเงินเข้าไปให้บริษัทละ 100,000 ล้านดอลลาร์ หากว่ามีความจำเป็นที่จะต้องได้เม็ดเงินใหม่ สำหรับหุ้นสามัญและบุริมสิทธิ์เดิมจะไม่ถูกยกเลิก ทว่าเนื่องจากมีศักดิ์และสิทธิ์ด้อยกว่าหุ้นบุริมสิทธิ์ใหม่ จึงหมายความว่าผู้ถือหุ้นเหล่านี้จะต้องแบกรับภาะขาดทุนก่อนรัฐบาล นอกจากนั้นรัฐบาลจะได้รับตราสารวอแรนท์ คิดเป็นหุ้นจำนวน 79.9% ของแต่ละบริษัท
---กระทรวงการคลังจะเปิดให้บริษัททั้งสองกู้เงินได้ โดยผ่านธนาคารกลางสหรัฐฯ แต่ยังมิได้ระบุจำนวนชัดเจนว่าเป็นเท่าใด
---กระทรวงการคลังจะเริ่มโครงการชั่วคราวในการรับซื้อคืนตราสารสินเชื่อที่อยู่อาศัยที่แฟนนีและเฟรดดีออกไป เพื่อช่วยให้ภาคการเงินสหรัฐฯมีสภาพคล่องมากขึ้น
---แฟนนีและเฟรดดีจะสามารถเพิ่มมูลค่าพอร์ตสินเชื่อของตนเองได้ “พอประมาณ” ไปจนถึงสิ้นปี 2009 และหลังจากนั้น สถาบันทั้งสองจะต้องลดมูลค่าพอร์ตสินเชื่อของพวกตนลงมาในอัตรา 10% ต่อปี โดยถือเป็นความพยายามในการจำกัด “ความเสี่ยงเชิงระบบ” ที่มีต่อระบบการเงิน