xs
xsm
sm
md
lg

มหา’ลัยไม่ห้ามหยุดเรียนไล่หมัก นศ.ดาวกระจายไล่ครม.จรจัด

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ผู้จัดการรายวัน - พันธมิตรฯ ย้ำ “หมัก” ไม่ออกไม่เจรจา ยันไม่ได้รับการๆ สนับสนุนจากธนาคารใหญ่ตามที่ถูกกล่าวหา ขณะที่เครือข่ายนศ.80 สถาบันเตรียมดาวกระจายไล่ครม.สัญจร ลั่นไม่กลัวนปก.-ไม่สนคำขู่รมว.ศธ. ด้านนศ.รามรวมคน บุก สตช.นำพวงหรีดเผาประท้วง “จงรัก” ให้สัมภาษณ์บิดเบือนกรณี นศ.รามถูกลอบยิง ขณะที่อธิการบดีมหาวิทยาลัยต่างๆ-สกอ.ยันนิสิต-นศ.มีสิทธิและเสรีภาพในการชุมนุมและหยุดเรียนไล่ “หมัก” พันธมิตรฯภูเก็ตเชื่อพปช.อยู่เบื้องหลังขนคนกลับ

วานนี้ (7 ก.ย.) พล.ต.จำลอง ศรีเมือง พร้อมนายสมศักดิ์ โกศัยสุข 2 แกนนำกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย แถลงข่าวว่า การเคลื่อนไหวของกลุ่มพันธมิตรฯ ไม่ได้รับการสนับสนุนจากธนาคารใหญ่ตามที่ถูกกล่าวหา แต่พันธมิตรฯได้เปิดรับบริจาคตั้งแต่วันที่ 20 ส.ค. - 5 ก.ย. ซึ่งมีผู้บริจาคทั้งสิ้น 13 ล้านบาท โดยโอนมอบเงินให้กับ ASTV เพื่อเป็นเงินเดือนพนักงานแล้ว ซึ่งการเปิดบริจาคที่ผ่านมาเป็นครั้งแรกและครั้งเดียว จากนี้จะไม่เปิดรับอีก เพราะ ASTV สามารถอยู่ได้แล้ว จากเงินสนับสนุนของผู้ชุมนุมคนละ 200 บาท

นอกจากนี้ พล.ต.จำลอง ยืนยันด้วยว่า การชุมนุมของพันธมิตรฯ ไม่มีการบังคับให้ประชาชนเข้าหรือออกทำเนียบรัฐบาล ตามที่นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี กล่าวอ้างในรายการ “สนทนาประสาสมัคร” พร้อมเปิดเผยด้วยว่า มีการสร้างสถานการณ์โดย นายทรงศักดิ์ ทองศรี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม จัดรถบัสมารับผู้ชุมนุมจาก จ.ภูเก็ต ออกจากทำเนียบรัฐบาล ส่วนกรณีที่นักศึกษาเข้าร่วมการชุมนุมนั้นก็เป็นความสมัครใจที่จะร่วมต่อสู้กับพันธมิตรฯ ไม่ได้มีการบังคับใดๆ ทั้งสิ้น

สำหรับการประชุม ครม.สัญจรที่ จ.อุดรธานี และจะมีกลุ่มพันธมิตรฯ ไปร่วมชุมนุมต่อต้านรัฐบาลนั้น พล.ต.ได้แนะนำแกนนำพันธมิตรฯ อุดรธานี แล้วว่า หากจะชุมนุมต้องมั่นใจว่าผู้ว่าราชการจังหวัด และเจ้าหน้าที่ตำรวจจะสามารถรักษาความปลอดภัยได้

**ยํ้า "สมัคร" ต้องออกก่อนถึงเจรจา
เมื่อเวลา 19.30น. นายสุริยะใส กตะศิลา ผู้ประสานงานพันธมิตรฯ แถลงข่าว ถึงเรื่องการเจรจา 3 ฝ่ายในวันนี้ว่า ได้รับการเจรจาอย่างเป็นทางการจากประธานวุฒิสภา โดยจะนำเงื่อนไขของพันธมิตรไปแจ้งต่อที่ประชุม 3 ฝ่ายในวันนี้ เวลา 10.00 น. โดยเงื่อนไขของพันธมิตรคือ นายยกรัฐมนตรีต้องลาออกก่อน จากนั้นจึงเป็นการเปิดโต๊ะเจรจากัน แต่อย่างไรก็ตามคาดว่าเรื่องนี้คงเป็นไปได้ยากเพราะท่าทีของนายสมัคร ได้กอดเก้าอี้ไว้แน่นโดยไม่สนใจว่าประเทศชาติจะเกิดความขัดแย้งมากน้อยแค่ไหน

นอกจากนี้ยังมีการปลุกระดมมวลชนในต่างจังหวัด โดยเฉพาะจังหวัดอุดรธานี เพื่อให้เกิดการเผชิญหน้ากัน โดยตนเองได้แนะไปว่าเราต้องการหลีกเลี่ยงการเผชิญหน้ากัน เพราะเป้าหมายของเราไม่ต้องการเผชิญหน้ากับอีกฝ่าย แต่เราจะปักหลักยืดเยื้อที่นี่จนกว่านายสมัคร จะลาออก เพราะขณะนี้แนวร่วมของเรามีมากขึ้น รวมทั้งแนวร่วมที่เป็นนิศิตนักศึกษา ซึ่งผู้ใหญ่ในบ้านเมืองไม่ควรที่จะออกมาขัดขวางเรื่องนี้ เพราะเป็นโอกาสที่ดีที่นิสิต นักศึกษา ได้รู้ร้อนรู้หนาวในเรื่องของการเมือง ส่วนเรื่องการหยุดเรียนเป็นเรื่องปกติของการคัดค้านรัฐบาลที่หมดความชอบธรรม ตรงนี้ทำให้เรามั่นใจว่า หากยังชุมนุมยืดเยื้อทำให้ความเข้าในมากยิ่งขึ้น แนะแนวร่วมก็มากขึ้นด้วย เชื่อว่าอย่างช้าที่สุดคงไม่เกินสิ้นเดือนนี้ เพราะมีคดีต่างๆ ในกระวนการยุติธรรมกำลังเดินหน้า

อย่างไรก็ตาม ยื่นอุทธรณ์ต่อศาลให้เลือนคำพิพากษาของนายสมัครนั้นตรงนี้เข้าข่ายแทรกแซงกระบวนการยุติธรรมอย่างร้ายแรง ซึ่งไม่ต่างอะไรกับพฤติกรรมของ พ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร

นายสุริยะใส กล่าวว่า ส่วนที่มีการตีความเรื่องของการเมืองใหม่ที่ไม่สอดคล้องกับข้อเท็จจริงนั้น ขอยืนยันว่า ยังเป็นแนวคิดกว้างๆ การตั้งตั้ง 70% นั้นเป็นการให้ทุกฝ่ายมีส่วนร่วม ส่วน 30 % นั้นเป็นการคงไว้ซึ่งหลักการเลือกตั้ง แต่ยังต้องมาถกเถียงกันต่อ ซึ่งทางเรื่องนี้พันธมิตรพร้อมทำให้เป็นรูปธรรม แต่ขณะนี้เรารอความชัดเจนเรื่องของนายสมัครก่อน

ผู้สื่อข่าวถามว่า เชื่อว่าภายในสิ้นเดือนนี้ทุกอย่างจะยุติหรือไม่ นายสุริยะใส กล่าวว่า พันธมิตรมั่นใจอย่างนั้นจากการประเมินของแกนนำ เพราะเรายังปักหลักยืดเยื้อได้อีกนาน ขณะที่อีกด้านกระบวนการยุติธรรมก็กำลังดำเนินการถึงขั้นตอนสุดท้ายแล้ว ในคดีที่เกี่ยวกับการบริหารงานของรัฐบาลและคดีอาญา

อย่างไรก็ตาม หากนาย สมัคร ลาออกหรือต้องคดีจนพ้นจากตำแหน่ง เราจะทบทวนอีกทีว่าจะปักหลักต่อหรือไม่ เพราะต้องดูสถานการณ์ก่อน หากนายสมัคร ออกและให้นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ เป็นนายกรัฐมนตรีแทน เท่ากับเงื่อนไขยังไม่จบ ตรงนี้ต้องดูอีกนาน ซึ่งนายสมัครอาจชิงยุบสภาก่อนก็เป็นได้

**พธม.เล็งปลูกต้นไม้อีกหลายพันธุ์
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในช่วงเย็นที่ทำเนียบรัฐบาลมีกลุ่มฝนตั้งเค้าทำท่าจะตกไม่ตกแหล่ท่ามกลางการชุมนุมกลุ่มพันธมิตรฯ แต่ก็ยังมีประชาชนทยอยเข้ามาร่วมชุมนุมอย่างต่อเนื่องแม้จำนวนผู้ร่วมชุมนุมจะดูน้อยกว่าในช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์ของทุกครั้งที่ผ่านมาก็ตาม ส่วนบนเวทียังมีการแสดงดนตรีสลับกับการปราศรัยโจมตีและขับไล่รัฐบาล รวมทั้งยังมีกลุ่มนักศึกษาจากมหาวิทยาลัยของรัฐและเอกชน สถาบันอาชีวศึกษาต่างๆ ทยอยขึ้นเวที

อย่างไรก็ตาม ตอนหนึ่งของการชุมนุม พิธีกรบนเวทีได้กล่าวเชิญชวนให้ประชาชน นำต้นเงาะ ต้นกล้วย และต้นยางพารา มาปลูกไว้ที่หน้าทำเนียบฯ หลังจากที่ได้มีการปลูกข้าวหน้าตึกไทยคู่ฟ้าไปแล้ว ซึ่งในวันนี้ ได้มีผู้ชุมนุมบางส่วนมายืนถ่ายรูปเก็บไว้เป็นที่ระลึกด้วย

**"ไกด์"สุดทนขึ้นเวทีไล่รัฐบาล
เมื่อเวลา20.30 น. กลุ่มผู้ประกอบอาชีพมัคคุเทศก์หรือไกด์อิสระ ซึ่งเป็นอาชีพเก่าของนายสมัคร สุนทรเวช ได้รวมกลุ่มกันในนาม "มัคคุเทศก์พันธมิตรฯ" ขึ้นเวทีที่ทำเนียบรัฐบาล พร้อมออกแถลงการณ์ สนับสนุนพันธมิตรฯ ขับไล่รัฐบาล และสนับสนุนการล้มล้างระบอบทักษิณให้ออกไปโดยเร็ว

อย่างไรก็ตามกลุ่มมัคคุเทศก์พันธมิตรฯ ยอมรับผลกระทบที่เกิดขึ้นจากการชุมนุม แต่ทั้งนี้นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติเข้าใจในเหตุการณ์การชุมนุมที่เกิดขึ้น ซึ่งก่อนหน้านี้นักท่องเที่ยวจำนวนยังไม่ลดลง แต่เมื่อนายสมัครประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ทำให้จำนวนนักท่องเที่ยวลดลงทันที จึงอยากถามรัฐบาลว่าใครกันแน่ที่ทำลายการท่องเที่ยวให้หยุดชะงัก

ทั้งนี้ ก่อนอ่านแถลงการณ์ ตัวแทนกลุ่มดังกล่าว ได้พูดภาษาเยอรมัน และสเปน ให้ชาวต่างชาติได้รับรู้ ซึ่งสรุปโดยรวมว่าให้ นายสมัคร ออกไป

**ภูเก็ตแฉถูกผู้ไม่หวังดีขนคนกลับ
ที่สนามหญ้าหน้าศาลากลางจังหวัดภูเก็ตวานนี้ ซึ่งเป็นสถานที่ชุมนุมของกลุ่มยามเฝ้าแผ่นดินและพันธมิตรฯภูเก็ต ทางกลุ่มผู้ชุมนุมได้ทำพิธีเผาหุ่นนายสมัคร ซึ่งเป็นหุ่นที่ทำขึ้นจากโฟมใส่สูทสีแดงที่สื่อให้เห็นว่า นายสมัคร เป็นหัวหน้ากลุ่ม นปก.

หลังจากนั้นนายณัชจรงค์ เอกเพิ่มทรัพย์ ประธานกลุ่มยามฯภูเก็ต พร้อมสมาชิก ได้อ่านแถลงการณ์ฉบับที่ 2 ของกลุ่มยามฯและพันธมิตรฯภูเก็ตโดยมีเนื้อหาบางตอนระบุว่า หลังจากที่กลุ่ม นปช.ได้เคลื่อนกำลังคนมาที่ชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรฯเมื่อวันที่ 1 ก.ย.จนทำให้เกิดการปะทะกันระหว่างประชาชนด้วยกัน ทำให้ผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์เสียชีวิตและได้บาดเจ็บจำนวนมากจนรัฐบาลประกาศใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ในเขตกรุงเทพฯ กลุ่มพันธมิตรฯภูเก็ตจึงได้รวมตัวกันปิดล้อมศาลากลางจังหวัดภูเก็ต เพื่อกดดันให้รัฐบาลแสดงความรับผิดชอบต่อบ้านเมืองด้วยการยุบสภา เนื่องจากรัฐบาลหมดความชอบธรรมในการบริหารบ้านเมืองแล้ว และขอให้รัฐบาลยกเลิกการใช้ พ.ร.ก.ฉุนเฉินในทันที

ระหว่างนั้นได้มีผู้หวังดีแจ้งว่า มีผู้ไม่ประสงค์ออกนามจัดรถให้มวลชนเดินทางไปชุมนุมที่กรุงเทพฯฟรี 15 คันให้ทางกลุ่มยามฯประกาศให้ผู้ที่ต้องการจะเดินทางไปทราบและมาพร้อมกันที่ศาลากลางจังหวัดเพื่อขึ้นเดินทางในวันที่ 2 ก.ย.เวลา 15.00 น.จำนวน 5 คันรถบัสประมาณ 240 คน

วันต่อมามีคนชื่อย่อ "ด" และ "ว" มาแจ้งว่าการนำกลุ่มมวลชนขึ้นกรุงเทพฯครั้งนี้จะจัดเครื่องบินให้ ซึ่งมีพันธมิตรฯภูเก็ต 136 คนมาลงชื่อและถ่ายสำเนาบัตรประชาชนไว้เป็นหลักฐาน แต่สุดท้ายนาย "ด" แจ้งว่าไม่สามารถจัดเครื่องบินให้ได้ เพราะตั๋วเต็มต้องเดินทางโดยรถบัสเช่นเดิมจำนวน 3 คัน รวมผู้โดยสารสองรอบ 350 คน แต่นาย "ด" กลับแจ้งว่าจะส่งมวลชนขึ้นไปอย่างเดียว มวลชนต้องเดินทางกลับเองทั้งที่ก่อนหน้านี้นาย "ด" สัญญาว่าจะดูแลมวลชนฟรีทั้งไปและกลับ คณะกรรมการกลุ่มยามฯภูเก็ตจึงทวงถามสัญญาก็ได้รับการบ่ายเบี่ยงจากบุคคลทั้ง 2 ด้วยเหตุผลต่างๆ นานา

เมื่อคณะกรรมการกลุ่มยามฯภูเก็ต ประสานไปยังคณะกรรมการซึ่งอยู่ที่กรุงเทพฯโดยแจ้งให้ผู้โดยสารทราบว่าท่านใดประสงค์จะเดินทางกลับก็แจ้งให้ทราบ ทางกลุ่มจะจัดรถขึ้นไปรับโดยมีค่าใช้จ่ายคนละ 600 บาท แต่ระหว่างนั้นนาย"ด"และ"ว" ก็แจ้งกลับมายังคณะกรรมการว่า จะจัดรถไปรับผู้โดยสารกลับด้วยตนเอง

จนเวลา 14.00 น.วันที่ 6 ก.ย. บุคคลทั้ง 2 ได้นำกลุ่มมวลชนร่วม 300 คนไปรวมตัวกันที่บริเวณลานพระบรมรูปทรงม้า พร้อมกับให้ข่าวกับนักข่าวจากสำนักต่างๆ ว่า พันธมิตรฯภูเก็ตกลุ่มนี้ต้องการเดินทางกลับ เนื่องจากอ่อนล้าและถูกหลอกให้มาร่วมชุมนุม ตามคำให้สัมภาษณ์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ ฉบับวันที่ 8 ก.ย.51 โดย บชน.เป็นผู้สนับสนุนรถให้ จนช่วงเช้าวานนี้นายสมัคร ได้ออกมากล่าวผ่านรายการช่อง NBT ว่า ตนเองเป็นผู้จัดรถให้พันธมิตรฯภูเก็ตเดินทางกลับเองนั้นกลุ่มยามฯภูเก็ตขอยืนยันว่า เหตุการณ์ทั้งหมดเป็นเรื่องที่ถูกปั้นแต่งด้วยฝีมือของกลุ่มบุคคลที่ไม่หวังดีเข้าก่อกวน หวังให้พลังมวลชนภูเก็ตเกิดความเข้าใจผิด

ในแถลงการณ์ยังระบุด้วยว่า จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกลุ่มยามฯภูเก็ตเชื่อว่า พรรคพลังประชาชนในพื้นที่ภูเก็ตอาจจะมีส่วนรู้เห็นและอยู่เบื้องหลังในเรื่องนี้

**ไม่พอใจ “หมัก” ดูถูกพลังนศ.
สำหรับการเข้าร่วมชุมนุมของนักเรียน นิสิตและนักศึกษานั้น นายวสันต์ วานิชย์ ผู้ประสานงานเครือข่ายเยาวชนกู้ชาติ หรือYOUNG PAD แถลงข่าวตอบโต้นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี ที่ออกรายการสนทนาประสาสมัครที่ระบุว่า การเคลื่อนไหวของนักศึกษาไม่ใช่ในนามสถาบัน และมีแค่กระจุกมือเดียว ว่า นายกฯเคยเป็นนักศึกษามาก่อนยอมต้องรู้ดีว่า ที่ไม่สามารถใช้ชื่อของสถาบันมาเคลื่อนไหวทางการเมืองได้ เพราะสถาบันต้องเป็นกลาง แต่นักศึกษาแค่กะจุกมือเดียวที่นายกฯพูดถึงได้รวมตัวกันหลายพันคนก็จะสามารถผลักดันขับไล่รัฐบาลได้

ทั้งนี้ ทางเครือข่ายได้ดึงนักศึกษาที่มีจิตสำนึกให้ออกมาจากกระแสบริโภคนิยม มาทำประโยชน์เพื่อสังคมจำนวนมาก แล้วกว่า 80 สถาบันไม่ต่ำกว่า 4 พันคน

นายวสันต์กล่าวยืนยันว่า นักศึกษากว่า 80 สถาบันจะมีมาตรการอารยะขัดขืน โดยการหยุดเรียนพร้อมกันตั้งแต่วันอังคาร พุธ พฤหัสบดี และมาร่วมชุมนุมที่ทำเนียบรัฐบาล และหลังจากนั้นแต่ละสถาบันจะหยุดเรียนกันจนกว่ารัฐบาลจะลาออก เป็นอุดมการณ์ในการต่อต้านรัฐบาลที่หมดความชอบธรรม ในการบริหารประเทศ ยืนยันว่าการเคลื่อนไหวครั้งนี้ไม่ได้เป็นการละทิ้งหน้าที่ แต่เป็นการทำหน้าที่ของคนไทยที่รักชาติ ซึ่งหากอาจารย์จะลงโทษด้วยการให้ มส.หรือ ร. ทั้งนี้เราก็พร้อมที่จะยอมรับ และจะมีทีมกฎหมายที่เป็นนักศึกษาที่เรียนนิติศาสตร์ไปให้ความช่วยเหลือ

อย่างไรก็ตาม นอกจากมาตรการหยุดเรียนแล้วทางเครือข่ายก็ยังจะมีแนวทางดาวกระจายในจังหวัดต่างๆ ในแต่ละภูมิภาคอีก เช่นในจ.อุดรธานีที่จะมีการประชุมครม.สัญจรนั้นก็อาจจะมีดาวกระจาย เพราะเรามีแนวร่วมนักศึกษาในภาคอีสานอยู่เป็นจำนวนมาก เช่น ม.ของแก่นม.มหาสารคามและพวกเราไม่เคยกลัวนายขวัญชัย ไพรพนา แกนนำกลุ่มคนรักอุดร แต่เราต้องการตอกย้ำให้เห็นว่าครม.ชุดนี้หมดความชอบธรรมในการออกมติครม.มาบังคับใช้กับคนทั้งประเทศอีกแล้ว

นายพิทวัส ว่องไวรุด ประธานสภานักศึกษา ม.สงขลานครินทร์ วิทยาเขตหาดใหญ่ เปิดเผยว่า ทางกลุ่มซึ่งใช้ภายใต้ชื่อว่า "กลุ่มพลังนักศึกษา มอ." ที่มีการเคลื่อนไหวเดินทางเข้ากรุงเทพฯ ในการร่วมชุมนุมกับกลุ่มแกนนำพันธมิตรฯ นั้น ล่าสุดได้เดินทางถึงกรุงเทพฯ เป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยทั้งหมดได้เดินทางไปยังจุดที่มีการชุมนุมของพันธมิตรฯ ณ สะพานมัฆวานฯ

พร้อมกันนี้ได้อ่านคำแถลงการณ์และแสดงจุดยืนทางการเมือง โดยมีข้อความสรุปได้ว่า 1. เรียกร้องให้รัฐบาลประกาศยกเลิก พ.ร.ก.การบริหารราชการแผ่นดินในสถานการณ์ฉุกเฉิน 2.เนื่องด้วยในสถานการณ์ปัจจุบันบ้านเมืองเกิดความขัดแย้งขึ้น ประชาชนคนไทยเกิดความแตกแยก ซึ่งเกิดจากการบริหารงานที่ผิดพลาดของรัฐบาล นำโดย นายสมัคร สุนทรเวช ดังนั้น จึงขอเรียกร้องให้รัฐบาลแสดงสปิริตและความรับผิดชอบต่อปัญหาด้วยการลาออก 3.เห็นด้วยกับกลุ่มรัฐวิสาหกิจที่จะกระทำการใดๆเพื่อกดดันให้รัฐบาลลาออก

ส่วนการล่ารายชื่อนักศึกษาและประชาชนที่บริเวณลานโพธิ์ ม.ธรรมศาสตร์เพื่อให้ นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี ลาออกในวันที่3 ได้มีนักศึกษาและประชาชนร่วมลงรายชื่อกว่า2 พันคนแล้ว

**นศ.ทั่วประเทศตื่นตัว-เข้ากรุง
วานนี้(7 ก.ย.) นายสมชัย ไชยพยัญ นายกองค์การบริหารองค์การนักศึกษา ม.วลัยลักษณ์ เปิดเผยถึงความเคลื่อนไหวของนิสิต นักศึกษา ในการเข้าร่วมชุมนุมขับไล่รัฐบาลนายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรีว่า ช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาความตื่นตัวของนักศึกษาใน จ.นครศรีธรรมราช ได้ขยายวงมากขึ้นในหลายสถาบัน โดยมี ม.วลัยลักษณ์เป็นศูนย์กลาง ซึ่งได้มีการกระจายข้อมูลข่าวสารอย่างต่อเนื่อง แต่ติดอุปสรรคเล็กน้อยคืออยู่ในช่วงของการปิดภาคการศึกษา

อย่างไรก็ตาม ในวันจันทร์นี้จะมีการเปิดเรียนตามปกติ การรวมตัวของนิสิต นักศึกษา ก็จะมีเพิ่มมากขึ้นและจะมีนิสิต นักศึกษาจำนวนมากเข้าร่วมเคลื่อนไหวขับไล่รัฐบาลและเตรียมมุ่งหน้าไปยัง กทม.ให้เร็วที่สุดเพื่อสมทบกับการเคลื่อนไหวในภาคของนักศึกษากับกลุ่ม Young - Pad ให้มากที่สุด ส่วนอีกมาตรการ คือ การกดดันด้วยการหยุดเรียนของนักศึกษานั้นในส่วนของ จ.นครศรีธรรมราช จะเป็นไปในทิศทางเดียวกัน

"มาถึงวันนี้นักศึกษายังคงยืนยันจุดยืนเดิม คือ รัฐบาลต้องมีความรับผิดชอบด้วยการลาออก หรือยุบสภาเพื่อบรรเทาความร้าวฉานของประเทศไทย นายกรัฐมนตรีต้องตัดสินใจทางการเมือง ประเทศไทยไม่ใช่กรรมสิทธิ์ของผู้ปกครอง เมื่อประชาชนผู้ถูกปกครองปฏิเสธอำนาจของผู้ปกครองแล้วนั้น ความชอบธรรมของผู้ปกครองจึงไม่เหลืออยู่อีกต่อไป" นายสมชัย กล่าว

ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า นอกจากกลุ่มนิสิต นักศึกษาใน จ.นครศรีธรรมราช ที่ออกมาเคลื่อนไหวร่วมขับไล่รัฐบาลนายสมัครแล้ว ยังมีนิสิต นักศึกษา จากสถาบันต่างๆ ทั่วทุกภาคของประเทศไทยก็ได้ออกมาเคลื่อนไหวร่วมขับไล่นายสมัคร ด้วย พร้อมกับเดินทางเข้าสมทบกลุ่มนิสิตและนักศึกษาในกรุงเทพฯมากขึ้นตามลำดับ

**“บุญลือ” สั่ง สกอ.เตือนมหา’ลัย
ติง นศ.เคลื่อนไหวเสี่ยงเสียอนาคต
นายบุญลือ ประเสริฐโสภา รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ให้สัมภาษณ์กรณีกลุ่มเครือข่ายนิสิตนักศึกษาเยาวชนกู้ชาติออกแถลงการณ์เชิญชวนนิสิตนักศึกษาและอาจารย์ทั่วประเทศใช้มาตรการอารยะขัดขืนด้วยการหยุดการเรียนการสอนตั้งแต่วันที่ 9 ก.ย.เป็นเวลา 3 วันเพื่อมาร่วมชุมนุนกับพันธมิตรขับไล่รัฐบาลว่า ในฐานะที่ตนกำกับดูแลสำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา(สกอ.) จึงมีความเป็นห่วงในความปลอดภัยของนิสิต นักศึกษา เนื่องจากขณะนี้พื้นที่ในกรุงเทพมหานครอยู่ภายใต้การประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน จึงได้สั่งการให้ ดร.สุเมธ แย้มนุ่น เลขาธิการคณะกรรมการการอุดมศึกษา (กกอ.)ทำหนังสือเวียนถึงสถาบันอุดมศึกษาทั่วประเทศ ตั้งแต่วันที่ 4 กันยายน ที่ผ่านมา เพื่อแจ้งเตือนให้นิสิต นักศึกษาใช้ความระมัดระวังในการออกมาเคลื่อนไหวทางการเมือง ซึ่งอาจจะหมิ่นเหม่ต่อการทำผิดกฎหมาย และเสียอนาคตทางการศึกษาได้

“ผมไม่ห้าม เพราะถือเป็นสิทธิขั้นพื้นฐานตามรัฐธรรมนูญ แต่เป็นกังวลว่า การเคลื่อนไหวของนักศึกษาอาจสุ่มเสี่ยง หรือเข้าข่ายผิดกฎหมาย เพราะหากพิจารณาประวัติศาสตร์ เมื่อครั้ง 14 ตุลา 16 หรือ พฤษภา 2535 ก็มีนิสิต นักศึกษาที่ออกมาเคลื่อนไหวทางการเมือง และทำผิดกฎหมายทำให้ต้องเสียอนาคตไป ซึ่งผมได้เน้นย้ำเป็นพิเศษสำหรับนิสิต นักศึกษาในพื้นที่ กทม. และเขตปริมณฑล เพราะหากเข้ามาเคลื่อนไหวใน กทม.แล้ว ก็ต้องรู้ว่าขณะนี้กฎหมายสูงสุดที่บังคับใช้ใน กทม.ขณะนี้ คือ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ซึ่งแม้ว่าที่ผ่านมาจะมีการพูดจากันมาตลอดว่าจะใช้แนวทางสันติ แต่ผมก็ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ที่ผู้รับผิดชอบจะใช้มาตรการสลายการชุมนุม ผมจึงเป็นห่วงเรื่องความปลอดภัยของนิสิต นักศึกษา”รมช.ศึกษาธิการกล่าว

นายบุญลือ กล่าวอีกว่า ส่วนการนัดหยุดเรียนของนิสิต นักศึกษานั้น นิสิต นักศึกษาก็ต้องดูแลเรื่องเวลาเรียนของตนเอง เพราะมหาวิทยาลัยแต่ละแห่งมีอธิการบดีที่กำกับดูแลแต่ละสถาบันอยู่แล้ว ซึ่งหลักสูตรแต่ละหลักสูตรจะกำหนดเวลาในการเข้าเรียนไว้ชัดเจน ดังนั้น หากนิสิต นักศึกษาจะหยุดเรียน ก็เป็นสิทธิของแต่ละคน เพียงแต่ขอให้ตรวจสอบเวลาเข้าเรียนให้เป็นไปตามที่หลักสูตรแต่ละแห่งกำหนด หากเวลาเข้าเรียนครบก็คงไม่มีปัญหาอะไร อย่างไรก็ตาม ผู้บริหารแต่ละมหาวิทยาลัยก็ต้องดูแลเรื่องนี้ด้วย

**สกอ.ยันนศ.มีเสรีภาพหยุดเรียน
ดร.สุเมธ แย้มนุ่น เลขาธิการคณะกรรมการการอุดมศึกษา (กกอ.)กล่าวว่า การหยุดการเรียนการสอนนั้นแต่ละมหาวิทยาลัยมีกฎระเบียบกำหนดถึงระยะเวลาว่าจะสามารถหยุดได้มากน้อยแค่ไหน เรื่องนี้ สกอ.ไม่สามารถเข้าไปก้าวก่ายได้ อย่างไรก็ตามการเคลื่อนไหวหรือแสดงออกของกลุ่มนิสิตนักศึกษาเป็นสิทธิที่จะกระทำได้ แต่ก็ต้องดูเหตุผลและความจำเป็นรวมถึงผลกระทบรอบด้านที่อาจจะเกิดขึ้นด้วย ซึ่งเมื่อวันที่ 5 ก.ย.ที่ผ่านมาสำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษาได้ส่งหนังสือถึงผู้บริหารสถาบันอุดมศึกษาในสังกัดทุกแห่งยืนยันถึงสิทธิในการแสดงออกที่พึงกระทำได้ โดย สกอ.ไม่เข้าไปขัดขวาง เพียงแต่เน้นย้ำเรื่องความปลอดภัยรวมถึงการใช้เวลาของนิสิตนักศึกษาที่อยากให้คำนึงถึงตนเองและผลกระทบด้วย

ส่วนกรณีนิสิต นักศึกษา นัดหยุดเรียน ระหว่างวันที่ 9-11 กันยายน นั้น เรื่องนี้ตนได้มีหนังสือแจ้งอธิการบดีทุกแห่งแล้วว่า นิสิต นักศึกษา มีสิทธิตามระบอบประชาธิปไตย อย่างไรก็ดี ตนรู้สึกเป็นห่วงนิสิต นักศึกษา เพราะเดือนตุลาคมมีกำหนดสอบไฟนอล เกรงว่านิสิต นักศึกษา คนใดหยุดหลายวันหรือหยุดเกินกว่าที่กำหนดไว้ในรายวิชานั้น อาจไม่มีสิทธิสอบ หากเป็นเช่นนั้นอาจมีผลกระทบต่ออนาคตของนิสิต นักศึกษาได้ อีกเรื่องที่เป็นห่วงนิสิต นักศึกษา หวั่นว่าการไปร่วมชุมนุมแล้วมีเหตุการณ์รุนแรง กระทั่งนิสิต นักศึกษา ได้รับบาดเจ็บ หรือเสียชีวิต

“รู้สึกเป็นห่วงนิสิต นักศึกษา อย่างมาก เกรงว่าจะได้รับอันตราย ถ้าไปร่วมชุมนุมขอให้รู้เท่าทันเหตุการณ์ และระมัดระวังดูแลตนเอง เพราะไม่ต้องการให้มีเหตุการณ์ซ้ำรอยเหมือนนักศึกษารามคำแหงถูกยิง ซึ่งตนกำชับให้มหาวิทยาลัยทุกแห่งติดตามเรื่องนี้อย่างใกล้ชิด ถ้ามี นิสิต นักศึกษา รายใดได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิตให้แจ้งมายังสำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา (สกอ.) ด่วน”

**อธิการฯจุฬาฯตั้งทีมวิเคราะห์สถานการณ์
ศ.นพ.ภิรมย์ กมลรัตนกุล
อธิการบดีจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวว่า คณะผู้บริหารจุฬาฯ ทุกคนต่างรู้สึกกังวลต่อสถานการณ์ที่เกิดขึ้น รู้สึกห่วงใยในสวัสดิภาพของประชาชนเป็นอย่างยิ่ง โดยเฉพาะกลุ่มประชาชนที่อยู่ในพื้นที่เกิดเหตุ และพื้นที่ใกล้เคียง ก่อนเกิดเหตุการณ์รุนแรง คณะผู้บริหารได้ตั้งคณะทำงานขึ้นเพื่อวิเคราะห์และติดตามสถานการณ์มาโดยตลอด และรู้สึกสลดใจยิ่งต่อความรุนแรงที่เกิดขึ้นทุกๆ ครั้ง ทั้งไม่ต้องการเห็นความขัดแย้งบานปลาย ซึ่งอาจส่งผลให้เกิดการจลาจลนองเลือดเหมือนเช่นเคยเกิดขึ้นในอดีต จุฬาฯขอเรียกร้องให้มีการแก้ไขปัญหาอย่างมีสติ หลีกเลี่ยงความรุนแรง ใช้สันติวิธีภายใต้ระบบนิติรัฐและหลักนิติธรรม การแตกต่างทางความคิดไม่จำเป็นต้องใช้ความรุนแรงหรือใช้กำลังเข้าห้ำหั่นประหัตประหารกัน ที่ประชุมผู้บริหารมหาวิทยาลัยขอเรียกร้องให้ผู้มีหน้าที่รับผิดชอบร่วมกันใช้ความพยายามในการคลี่คลายสถานการณ์ให้กัลป์สู่ภาวะปกติ โดยเร็วที่สุด

สำหรับกรณีที่นิสิตจุฬาฯ ได้แสดงความคิดเห็นในสถานการณ์บ้านเมืองปัจจุบันในรูปแบบต่างนั้นถือว่าเป็นเรื่องดี เพราะเป็นการเรียนรู้ที่จะร่วมกันในสังคมที่มีความหลากหลายทางความคิด และนิสิตทุกคนมีเสรีภาพทางความคิดและการแสดงออกในด้านต่างๆ ต่อสังคมเสมอในแนวทางสันติวิธี

*อธิการบดียันมีสิทธิหยุดเรียน
ศ.ดร.สุรพล นิติไกรพจน์
อธิการบดีม.ธรรมศาสตร์(มธ.)กล่าวว่า มธ.ไม่ได้ประกาศหยุดการเรียนการสอน และการแสดงออกของนักศึกษาถือเป็นสิทธิเสรีภาพที่พึงกระทำได้ แต่ต้องอยู่ภายใต้พื้นฐานของกฎหมายโดยไม่ละเมิดสิทธิผู้อื่น มธ.เป็นมหาวิทยาลัยการเมือง การเคลื่อนไหวใด ๆ ภายใต้ขอบเขตสามารถกระทำได้ และระบบการเรียนการสอนของมหาวิทยาลัยก็ค่อนข้างอิสระเพราะถือว่านักศึกษาเป็นผู้ใหญ่ที่สามารถรับผิดชอบตนเองได้

ดร.สว่าง ภู่พัฒน์วิทย์ อธิการบดี มรภ.พิบูลสงคราม ประธานที่ประชุมอธิการบดีมหาวิทยาลัยราชภัฎ กล่าวว่า โดยระเบียบมหาวิทยาลัย นักศึกษาสามารถลาป่วย ลากิจได้ตามสิทธิไม่เกิน 20% ของเวลาเรียน หรือประมาณ 2 สัปดาห์ต่อภาคการศึกษา และการแสดงออกทางการเมืองก็เป็นสิทธิที่นักศึกษาจะกระทำได้ แต่ก็ขอให้อยู่ในขอบเขต อย่าใช้ความรุนแรง และต้องมีความรับผิดชอบต่อตนเองโดยคำนึงถึงการเรียนด้วย ซึ่งจากการหารืออย่างไม่เป็นทางการระหว่างอธิการบดีมหาวิทยาลัยราชภัฎทั่วประเทศ 40 แห่งก็ยังมีความเห็นที่แตกเป็น 3 ฝ่ายคือเห็นด้วยกับพันธมิตร เห็นด้วยกับรัฐบาล และขอเป็นกลาง ดังนั้นจุดยืนของมหาวิทยาลัยราชภัฎทั่วประเทศคงขอเรียกร้องให้ทั้ง 2 ฝ่ายอย่าใช้ความรุนแรงในการแก้ปัญหา และขอให้ทั้งสองฝ่ายถอยกันคนละก้าวเพื่อให้มีการเจรจา เพราะการยืนกระต่ายขาเดียวของแต่ละฝ่ายย่อมไม่เกิดผลดี

ศ.ดร.วิรุณ ตั้งเจริญ อธิการบดี ม.ศรีนครินทรวิโรฒ (มศว) กล่าวถึงการที่นิสิต นักศึกษารวมกลุ่มกันออกมาชุมนุมและมีการนัดหมายจะหยุดเรียนในวันที่ 9 – 11 กันยายน ว่าถือเป็นสิทธิเสรีภาพที่นิสิต นักศึกษา สามารถทำได้ อีกทั้งการเรียนในระดับอุดมศึกษาถือเป็นการสร้างคนให้เติบโตเป็นผู้ใหญ่ ทางสถาบันการศึกษาจึงให้สิทธิเสรีภาพโดยเชื่อว่านิสิต นักศึกษาเหล่านั้นเขามีความรู้ มีความคิด มีปัญญาเป็นของตัวเอง โดยที่มหาวิทยาลัยไม่จำเป็นต้องไปสั่งห้ามหรืออกคำสั่งใดๆ ทั้งสิ้น เพราะหากมหาวิทยาลัยใดใช้คำสั่งห้ามไม่ให้นิสิต นักศึกษาไม่แสงออกทางความคิดถือเป็นมหาวิทยาลัยเผด็จการ มศว ไม่ใช้มหาวิทยาลัยเผด็จการ และเราก็เชื่อว่าการสั่งให้คนหันซ้ายหันขวาไปตามคำสั่งนั้น ไม่ได้สร้างให้คนเกิดสติปัญญาขึ้นมาได้

ดังนั้น มหาวิทยาลัยจึงต้องให้เสรีภาพเพื่อให้สติปัญญาของนิสิตนักศึกษาที่จะเติบโตไปเป็นผู้ใหญ่ในอนาคตเบ่งบาน และคิดว่าเราไม่ควรไปตั้งคำถามว่า ใครอยู่เบื้อหลังนิสิตนักศึกษาเหล่านั้น หรือใครชักนำให้เยาวชนออกมา ผมคิดว่าไม่จำเป็นที่ต้องถาตั้งคำถามเหล่านั้น

“ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใดๆ ที่พวกเขาเข้าร่วมชุมนุม ผมคิดว่าเขาจะได้ประสบการณ์ มศว คงจะไม่ปิดการเรียนการสอนในวันที่ 9 – 11 ก.ย. ผมเชื่อว่านิสิต นักศึกษาบางส่วนอาจหยุดเรียนไปร่วมชุมนุม ขณะเดียวกันก็มีบางส่วนที่จะเข้าห้องเรียนตามปกติ อย่างไรก็ตามตอนนี้ผมให้นโยบายไปยังรองอธิการบดีฝ่ายพัฒนาศักยภาพนิสิต ให้ประสานไปยังองค์การนิสิต สภานิสิต ชมรมต่างๆ ของมหาวิทยาลัยเพื่อให้ดูแลนิสิตที่ไปร่วมชุมนุมด้วย โดยส่วนตัวผมมองว่าการที่นิสิตนัดหมายไปร่วมชุมนุมไม่ใช่เรื่องแปลกหรือผิดกฎระเบียบใดๆ ของมหาวิทยาลัย”

ศ.ดร.วิรุณ กล่าวอีกว่าแต่อยากจะให้คำแนะนำกับนิสิต นักศึกษาที่เข้าไปร่วมชุมนุมว่า ไม่ว่าเราจะไปรวมกลุ่มกับฝ่ายใด ขอให้ใช้ความรู้เป็นฐานสำคัญและจงใช้ปัญญา โดยมีสติเป็นหางเสือที่จะนำเราไปเข้าร่วมกิจกรรมและจงมองประเทศชาติในอนาคตเป็นเป้าหมายหลัก ในส่วนอื่นๆ

รศ.ดร.บุญสม ศิริบำรุงสุข อธิการ ม.สงขลานครินทร์ เปิดเผยว่า จากกรณีที่กลุ่มพลังนักศึกษา มอ. ได้เดินทางเข้ากรุงเทพฯ ในการชุมนุมพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยนั้น นับว่าเป็นเรื่องสิทธิเสรีภาพที่ทางมหาวิทยาลัยไม่สามารถเข้าไปก้าวก่ายได้ อย่างไรก็ตาม การแสดงออกในลักษณะแบบนี้ ทางมหาวิทยาลัยได้มีเพียงการให้บริการ เช่น ในกรณีที่มีการชุมนุมภายในสถาบัน ก็จะมีการอำนวยความสะดวกในเรื่องของเวทีต่างๆ

แต่สำหรับกลุ่มที่เดินทางเข้ากรุงเทพฯเพื่อร่วมชุมนุมนั้น ยอมรับว่า มีความเป็นห่วงมาก ในเรื่องของความปลอดภัย และที่สำคัญได้มีความเป็นห่วงความรู้สึกของผู้ปกครองที่ยังไม่ทราบถึงการเคลื่อนไหวของบุตรหลาน ส่วนนี้ต้องขอความร่วมมือจากภาคผู้ปกครองได้ร่วมกับติดต่อสอบถามถึงการเคลื่อนไหวของบุตรหลานตนเองด้วยว่ากำลังทำอะไร และอยู่ที่ไหน

**ตร.ยังงมเข็มล่ามือยิงนศ.ราม
ที่ สน.ลาดพร้าว พล.ต.ต.ลิขิต กลิ่นอวล รองผบช.น. พร้อมด้วย พล.ต.ต.วิมล เปาอินทร์ ผบก.น.4 เรียกประชุมเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวนสน.ลาดพร้าว เจ้าหน้าที่กก.สส.น.4 เพื่อติดตามความคืบหน้าคดีคนร้ายยิงใส่กลุ่มนักศึกษามหาวิทยาลัยรามคำแหง เป็นเหตุให้มีผู้บาดเจ็บ 2 คน ที่แฟลตคลองจั่น 11 ขณะเดินทางไปประท้วงและขับไล่ให้นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี ลาออก ที่หมู่บ้านโอฬาร เมื่อค่ำวันที่ 4 ก.ย.ที่ผ่านมา

พล.ต.ต.วิมล เปิดเผยว่า ได้เรียกเจ้าหน้าที่มาประชุมเพื่อประเมินสถานการณ์และสรุปความคืบหน้า โดยวันนี้ เวลา 10.00 น.เจ้าหน้าที่จะได้พาผู้บาดเจ็บทั้ง 2 คนไปดูกล้องวงจรปิดที่ ม.รามคำแหง เนื่องจากวันเกิดเหตุกลุ่มนักศึกษาได้นัดรวมตัวด้านหน้ามหาวิทยาลัย อาจเป็นไปได้ว่าคนร้ายอาจขับจยย.ติดตามมา

**นศ.บุก สตช.เผาหรีดประท้วง “จงรัก”
วันเดียวกัน เวลา 14.00 น.ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) นายสิกขนันท์ หนูเล็ก แกนนำกลุ่มเครือข่ายพลังนักศึกษาเพื่อสังคม มหาวิทยาลัยรามคำแหง พร้อมนักศึกษา ม.รามคำแหง ประมาณ 30 คน นำพวงหรีดซึ่งมีข้อความ “อาลัยยิ่งจงรัก” มาวางไว้ที่ด้านหน้าสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ก่อนที่จะทำการเผา เพื่อประท้วงกรณี พล.ต.อ.จงรัก จุฑานนท์ รอง ผบ.ตร.ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีนักศึกษา ม.ราม ถูกคนร้ายยิงได้รับบาดเจ็บขณะเดินทางไปชุมนุมขับไล่ นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 4 ก.ย.ที่ผ่านมา ว่า ประเด็นน่าจะมาจากความรำคาญของชาวบ้านจากการใช้เครื่องขยายเสียง

จากนั้น นายสิกขนันท์ ได้อ่านแถลงการณ์ฉบับที่ 4 เรียกร้องให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ หยุดชี้นำ บิดเบือนคดีนักศึกษารามถูกลอบยิง หยุดคิดตื้นๆ หยาบๆ ว่า แค่ชาวบ้านรำคาญ ซึ่งกลุ่มนักศึกษามองว่า การที่ พล.ต.อ.จงรัก ให้สัมภาษณ์เน้นย้ำประเด็นดังกล่าว เป็นการส่งสัญญาณชี้นำการทำงานของตำรวจท้องที่ เพื่อหลบเลี่ยงประเด็นทางการเมือง ทั้งที่ กลุ่มเครือข่าย และผู้คนในสังคมให้น้ำหนักในประเด็นนี้เป็นหลัก ทั้งนี้ เชื่อว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นการ “เชือดไก่ให้ลิงดู” เพื่อปรามนักศึกษาสถาบันอื่นที่จะออกมาเคลื่อนไหวต่อต้านรัฐบาล โดยใช้นักศึกษาราม เป็นเหยื่อ

“เครือข่ายขอตั้งข้อสังเกตว่า หากบ้านเมืองนี้ เพียงแค่ใช้เครื่องขยายเสียง แล้วถึงขั้นยิงกันง่ายๆ แบบนี้ ประเทศเราก็ไม่ต่างอะไรกับบ้านป่าเมืองเถื่อน ที่ไร้ซึ่งผู้พิทักษ์สันติราษฎร์เป็นแน่แท้” แถลงการณ์ ระบุ

นายสิกขนันท์ กล่าวว่า ทางเครือข่ายพลังนักศึกษาเพื่อสังคม ม.ราม ขอแสดงจุดยืนดังนี้ ประการแรก ขอประณามการให้สัมภาษณ์ในลักษณะชี้นำของ พล.ต.อ.จงรัก ขอเรียกร้องให้หยุดพฤติกรรมชี้นำเช่นนี้ทุกกรณี และควรวางท่าทีให้เหมาะสมถูกต้องกว่านี้ ประการต่อมา เราในฐานะเพื่อนพี่น้องผู้เจ็บปวด มีความรู้สึกเสียใจอย่างยิ่งที่ผู้ใหญ่ของผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ มีท่าทีรับใช้การเมือง มากกว่ารับใช้ลูกหลานประชาชนผู้เสียภาษี และโปรดกลับใจเสีย ก่อนที่สังคมจะพิพากษา และประการสุดท้าย ขอให้ตำรวจพื้นที่ยึดความถูกต้องเร่งหาคนผิดมาลงโทษโดยเร็วที่สุด ก่อนเหตุการณ์จะบานปลายกลายเป็นน้ำผึ้งหยดเดียว เพราะบ้านเมืองไร้ความยุติธรรม

ทั้งนี้ ทางเครือข่ายขอเรียกร้องให้เพื่อนักศึกษาทั่วประเทศหยุดเรียนเพื่อออกมาแสดงพลัง ขณะเดียวกัน ขอให้องค์กรเอกชนต่างๆ ในแต่ละจังหวัด สนับสนุนพื้นที่ เวที เครื่องเสียง สนับสนุนการชุมนุมของนักศึกษาเพื่อกดดันให้นายสมัครพิจารณาตัวเองด้วยการลาออก หรือ ยุบสภา และร่วมกันเรียกร้องให้ ตร.ทำในสิ่งที่ถูกต้องกรณี นศ.ราม ทั้งนี้ มั่นใจว่า พลังนักศึกษาที่บริสุทธิ์พร้อมออกมายืนเคียงข้างประชาชน และความถูกต้องเสมออย่างไม่กลัวเกรง
กำลังโหลดความคิดเห็น