ปชป.เตือน “หมัก” อย่าใช้ พ.ร.ก.ฉุนเฉินเป็นเงื่อนไขใหม่

ปชป.ไม่หวังผลเจรจา 3 ฝ่ายสามารถสงบศึกได้สัมฤทธิผลในวันพรุ่งนี้ แนะ รัฐบาลอย่าสร้างเงื่อนไขเพิ่ม ชี้หากยกเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉินต้องรับประกันว่าจะไม่เกิดเหตุรุนแรงอีก

วันนี้ (7 ก.ย.) นพ.บุรณัชย์ สมุทรักษ์ โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่จะมีการประชุมฝ่ายนิติบัญญัติ 3 ฝ่ายในวันที่ 8 ก.ย.ว่า พรรคยินดีที่จะไม่เกิดเหตุการณ์ความรุนแรง และขอเรียกร้องให้ทุกฝ่ายไม่เพิ่มเงื่อนไขที่จะนำไปสู่ความรุนแรงก่อนที่จะมีการเจรจาทั้ง 3 ฝ่ายเกิดขึ้น นอกจากนี้ อยากให้การเจรจาร่วมกัน 3 ฝ่ายได้คำนึงถึง 3 เรื่อง คือ 1.อยากให้รัฐบาลและภาคประชาชนได้ยืดหยุ่นในข้อเรียกร้องและจุดยืนของตัวเอง และไม่สร้างเงื่อนไขเพิ่มขึ้นอีก รวมทั้งให้ถอยคนละก้าว 2.กลุ่มผู้มีอำนาจรัฐทั้งนายกรัฐมนตรี ผู้บัญชาการเหล่าทัพ รวมทั้งผู้มีอำนาจทุกฝ่ายอยากให้ใช้อำนาจเพื่อการป้องกันไม่ให้เกิดเหตุรุนแรง และระมัดระวังในการใช้อำนาจด้วย และ 3.กลุ่มการเมืองควรแสดงความจริงใจ และความพร้อมที่จะเจรจาเปิดอกคุยกัน ส่วนที่มีความพยายามให้ทำประชามตินั้นคงแก้ทางออกไม่ได้ ซึ่งตนก็เคารพสิทธิ์ หากไม่เป็นการปลุกระดม นอกจากนี้ กลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) และบ้านเลขที่ 111 หากร่วมเจรจาด้วยก็จะเกิดประโยชน์กับทุกฝ่าย แต่ต้องไม่ใช่มาเจรจาในทางสว่าง แล้วไปเคลื่อนไหวใต้ดิน

อย่างไรก็ตาม ในส่วนของพรรคได้มอบหมายให้ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรค และนายสุเทพ เลขาธิการพรรค ไปทำความเข้าใจกับพรรคการเมืองต่างๆ เพื่อคลี่คลายสถานการณ์ที่เกิดขึ้นโดยอยากให้พรรคการเมืองได้เข้ามามีส่วนร่วมในการแก้ไขวิกฤติที่เกิดขึ้นใขณะนี้ และพรรคการเมืองไม่ควรจะที่จะเข้าไปเติมเชื้อไฟให้เกิดความรุนแรงขึ้น

ส่วนที่มีข้อเรียกร้องของแต่ละฝ่ายให้ยกเลิกพระราชกำหนด (พ.ร.ก.) บริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน นพ.บุรณัชย์ กล่าวว่า การจะให้ยกเลิกหรือไม่ยกเลิกนั้น ไม่อยากให้เป็นเงื่อนไขใหม่ เพราะหากตัดสินใจยกเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉินก็ต้องมีหลักประกันว่าจะไม่เกิดความรุนแรงอีก และหากจะไม่ยกเลิกก็ต้องรับประกันว่าจะใช้อำนาจสมเหตุสมผล ทั้งนี้ พรรคคาดหวังว่าจะหาทางออกด้วยการเจรจาได้

ผู้สื่อข่าวถามว่า คิดว่าการเจรจาครั้งนี้จะล้มเหลวเหมือนกับครั้งแรกหรือไม่ นพ.บุรณัชย์ กล่าวว่า ขณะนี้กระบวนการกำลังดำเนินไป ต้องรอดูผลการเจรจา เพราะการเจรจาครั้งนี้น่าจะแตกต่างจากครั้งแรก อย่างไรก็ตาม ก็ไม่อยากให้คาดหวังว่าจะเป็นการสงบศึก นอกจากนี้ พรรคจะไปคุยกับสมาชิกแน่นอนหลังการเจรจาหากเจรจาฝ่ายต้องการให้พรรคและสมาชิกมีบทบาทในการแก้ปัญหา ส่วนข้อกำหนดอื่นๆ ในการเจรจา กลุ่มใดจะทำหรือไม่ทำสื่อและสังคมจะคอยตรวจสอบ อย่างไรก็ดี กลไกการประชุม 3 ฝ่าย เป็นเพียงจุดเริ่มในการหาทางออก ถ้าฟังพันธมิตรและนายสมัครอย่างละเอียดก็ไม่ได้ปิดกั้นการเจรจา เพราะนายสมัครระบุว่าเป็นเรื่องประธานที่สภาดำเนินการ ส่วนพันธมตริฯ ก็เริ่มทบทวนการเสนอการเมืองใหม่แล้วว่าเป็นทิศทางที่ดี ส่วนเรื่ออง ครม.สัญจรในจังหวัดอุดรธานี ไม่อยากให้เป็นการเติมเชื้ออไฟเพื่อสร้าง เงื่อนไขความรุนแรงของประชาชนทั้งสองฝ่าย จึงอยากให้ทุกฝ่ายได้ยุติ