จากการที่ศาลรัฐธรรมนูญ เรียกนายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี และ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม มาให้การต่อตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ กรณีประธานวุฒิสภาส่งคำร้องของ ส.ว.และ กกต. ขอให้วินิจฉัยการสิ้นสุดความเป็นรัฐมนตรีของนายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี เนื่องจาก การเป็นพิธีกรรายการ ชิมไปบ่นไป และรายการ ยกโขยงหกโมงเช้า ในวันจันทร์ที่ 8 กันยายนนี้
นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ ส.ว. สรรหา ในฐานะผู้ร้องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยการสิ้นสุดความเป็นรัฐมนตรีของนายสมัคร กล่าวว่า ตามที่นายสมัคร ได้กล่าวไว้ เมื่อวันที่ 31 สิงหาคม จะให้เบิกความต่อศาลรัฐธรรมนูญ ในวันจันทร์ที่ 8 กันยายน แน่นอนนั้น ก็ขอให้นายสมัคร รักษาคำพูดด้วย เพราะว่าตัวเองจะรอซักค้านนายสมัคร อย่างเต็มที่ ซึ่งมีการเบิกความเสร็จแล้วศาลรัฐธรรมนูญจะพิจารณาต่อไป
ทั้งนี้ไม่ว่าผลของคดีจะเป็นอย่างไรส่วนตัวพร้อมยอมรับและเคารพผลการตัดสิน หากนายกรัฐมนตรีชนะคดีขอยินดีด้วย แต่ถ้าไม่เป็นแบบนั้น นายการัฐมนตรีควรรับผลการพิจารณา ทั้งนี้โดยส่วนตัวได้เตรียมข้อมูลไว้เรียบร้อยแล้ว
อยากให้นายกรัฐมนตรีมาด้วยตัวเอง ช่วยทำตามคำพูดด้วย ซึ่งผมเอง ก็รู้สึกเกร็งเหมือนกัน เพราะล่าสุดทราบว่าท่านได้ออก พ.ร.ก.บริหารราชการใน สถานการณ์ฉุกเฉิน โดยมีการรวบอำนาจต่างๆ ไว้ที่นายกรัฐมนตรี ทำให้รู้สึกกลัวนายกรัฐมนตรีมากขึ้นไปอีก เพราะตอนนี้ท่านมีอำนาจมหาศาลมาก
นายเรืองไกร ยังกล่าวถึงกรณีที่ นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล ส.ส.เชียงใหม่ พรรคพลังประชาชนและคณะอีก 17 คน ได้ยื่นหนังสือต่ออัยการสูงสุดว่า ส.ว. ที่ขึ้นเวทีพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย มีความผิดตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 68 ข้อหากบฏแผ่นดินเช่นเดียวกับกลุ่มพันธมิตรฯว่า ต้องขอชมเชยว่า นายสุรพงษ์ คิดเรื่องนี้ได้อย่างไร ถือว่าเก่งมาก เพราะข้อหาดังกล่าวทำให้ส.ว. กลัวมากถึงมากที่สุด โดยส่วนตัวกลัวจนท้องแข็ง อย่างไรก็ตามขอให้เพื่อน ส.ส. พรรคพลังประชาชน รีบดำเนินการเร็วๆ ด้วย เพราะตัวเองได้เช็ดประตูเพื่อรอหมายศาลไว้พร้อมแล้ว
มันตลกยิ่งกว่าสภาโจ๊ก พอรู้ข่าวว่าผมเป็นกบฏผมหัวเราะจนท้องแข็ง ไปตลอดทาง ไม่เคยรู้สึกตลกแบบนี้มาก่อน จึงขอบอกนายสุรพงษ์ว่า ให้รีบดำเนินโดยเร็วด้วย อย่ามาอ้างว่าต้องส่งอาหารพื้นบ้านไปให้นายที่ลอนดอนรับประทานก่อน เพราะเรื่องกบฏน่าจะสำคัญกว่า อยากให้รู้ว่า อยู่
นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ ส.ว. สรรหา ในฐานะผู้ร้องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยการสิ้นสุดความเป็นรัฐมนตรีของนายสมัคร กล่าวว่า ตามที่นายสมัคร ได้กล่าวไว้ เมื่อวันที่ 31 สิงหาคม จะให้เบิกความต่อศาลรัฐธรรมนูญ ในวันจันทร์ที่ 8 กันยายน แน่นอนนั้น ก็ขอให้นายสมัคร รักษาคำพูดด้วย เพราะว่าตัวเองจะรอซักค้านนายสมัคร อย่างเต็มที่ ซึ่งมีการเบิกความเสร็จแล้วศาลรัฐธรรมนูญจะพิจารณาต่อไป
ทั้งนี้ไม่ว่าผลของคดีจะเป็นอย่างไรส่วนตัวพร้อมยอมรับและเคารพผลการตัดสิน หากนายกรัฐมนตรีชนะคดีขอยินดีด้วย แต่ถ้าไม่เป็นแบบนั้น นายการัฐมนตรีควรรับผลการพิจารณา ทั้งนี้โดยส่วนตัวได้เตรียมข้อมูลไว้เรียบร้อยแล้ว
อยากให้นายกรัฐมนตรีมาด้วยตัวเอง ช่วยทำตามคำพูดด้วย ซึ่งผมเอง ก็รู้สึกเกร็งเหมือนกัน เพราะล่าสุดทราบว่าท่านได้ออก พ.ร.ก.บริหารราชการใน สถานการณ์ฉุกเฉิน โดยมีการรวบอำนาจต่างๆ ไว้ที่นายกรัฐมนตรี ทำให้รู้สึกกลัวนายกรัฐมนตรีมากขึ้นไปอีก เพราะตอนนี้ท่านมีอำนาจมหาศาลมาก
นายเรืองไกร ยังกล่าวถึงกรณีที่ นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล ส.ส.เชียงใหม่ พรรคพลังประชาชนและคณะอีก 17 คน ได้ยื่นหนังสือต่ออัยการสูงสุดว่า ส.ว. ที่ขึ้นเวทีพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย มีความผิดตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 68 ข้อหากบฏแผ่นดินเช่นเดียวกับกลุ่มพันธมิตรฯว่า ต้องขอชมเชยว่า นายสุรพงษ์ คิดเรื่องนี้ได้อย่างไร ถือว่าเก่งมาก เพราะข้อหาดังกล่าวทำให้ส.ว. กลัวมากถึงมากที่สุด โดยส่วนตัวกลัวจนท้องแข็ง อย่างไรก็ตามขอให้เพื่อน ส.ส. พรรคพลังประชาชน รีบดำเนินการเร็วๆ ด้วย เพราะตัวเองได้เช็ดประตูเพื่อรอหมายศาลไว้พร้อมแล้ว
มันตลกยิ่งกว่าสภาโจ๊ก พอรู้ข่าวว่าผมเป็นกบฏผมหัวเราะจนท้องแข็ง ไปตลอดทาง ไม่เคยรู้สึกตลกแบบนี้มาก่อน จึงขอบอกนายสุรพงษ์ว่า ให้รีบดำเนินโดยเร็วด้วย อย่ามาอ้างว่าต้องส่งอาหารพื้นบ้านไปให้นายที่ลอนดอนรับประทานก่อน เพราะเรื่องกบฏน่าจะสำคัญกว่า อยากให้รู้ว่า อยู่