“สุทธิพล” ยอมรับยื่นดำเนินคดี “สุเทพ-บุญจง-เรืองไกร” ต่อศาลทั้งหมดแล้วยันคำวินิจฉัย “บุญจง” ล่าช้า ไม่ได้มาจากเจตนาไม่สุจริต ปฏิเสธไม่มีอำนาจสอบ ส.ส.อีสานตบเท้าพบ “แม้ว” เพราะไม่เกี่ยวกับการเลือกตั้ง
วันนี้ (5 ก.พ.) นายสุทธิพล ทวีชัยการ เลขาธิการ กกต.แถลงถึงผลการประชุม ว่า ได้มีมติยกคำร้องกรณีที่ร้อง นายอุดร ทองประเสริฐ ว่าที่ ส.ส. 1 อุบลราชธานี พรรคเพื่อแผ่นดิน ในข้อหาโฆษณาหาเสียงผ่านวิทยุชุมชนเกินระยะเวลาที่กำหนด โดยหลังจากนี้จะเสนอให้ด้านกิจการบริหารการเลือกตั้งตรวจสอบว่ามีเรื่องร้องเรียนอีกหรือไม่ และคาดว่า น่าจะเสนอให้รับรองผลการเลือกตั้งได้ในสัปดาห์หน้า
นายสุทธิพล กล่าวอีกว่า จากการตรวจสอบขณะนี้ กกต.ได้ยื่นเรื่องดำเนินคดีอาญากับ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี กรณีทุจริตเลือกตั้งร่วมกับ ผู้สมัคร ส.อบจ.และ นายก อบจ.สุราษฎร์ธานี ต่อศาลอุทธรณ์ภาค 8 แล้ว นอกจากนี้ ยังได้ยื่นคำร้องต่อศาลฎีกาเพื่อให้พิจารณาสั่งให้มีการเลือกตั้งใหม่ กรณี นายไชยยศ จิรเมธากร ส.ส.เขต 3 อุดรธานี พรรคเพื่อแผ่นดิน รวมทั้งยังได้ยื่นเรื่องต่อศาลฎีกาเพื่อพิจาณาที่มาของ นายเรืองไกร ลีวิจวัฒนะ ส.ว. สรรหา เนื่องจาก กกต.มติเห็นว่า องค์กรที่เสนอชื่อนายเรืองไกรนั้นอาจะไม่ชอบตามรัฐธรรมนูญ
นายสุทธิพล กล่าวต่อว่า ในส่วนของการดำเนินคดีอาญา เนื่องจากกระทำผิดกฎหมายเลือกตั้ง เมื่อวันที่ 23 ธ.ค.ของ นายบุญจง วงศ์ไตรรัตน์ รมช.มหาดไทย คาดว่า จะมีหนังสือไปถึง กกต.จังหวัดในเย็นวันเดียวกันนี้ เพื่อให้แจ้งความดำเนินคดี
เลขาธิการ กกต.ยังกล่าวถึงกรณีมีผู้ร้องว่า กกต.ล่าช้าในการพิจารณาการดำเนินคดีอาญากับนายบุญจง ว่า ก็ยอมรับว่า การยกร่างคำวินิจฉัยอาจจะล่าช้าไปบ้าง เพราะมีขั้นตอนมาก และมีปริมาณงานทยอยเข้ามามาก ซึ่งความล่าช้าที่เกิดขึ้นต้องดูว่า มีเจตนาไม่สุจริตหรือไม่ โดยยืนยันได้ว่าความล่าช้าที่เกิดขึ้น กกต.ไม่ได้จงใจช่วยเหลือผู้ร้องคัดค้าน เพราะเวลาดำเนินการไม่ได้ดูว่าคนนั้นคนนี้อยู่ฝ่ายรัฐบาลหรือฝ่ายค้าน แต่ปฏิบัติต่อนักการเมืองทุกคน ด้วยความเป็นกลาง เราไม่ได้คำนึงว่าใครเป็นรัฐบาลหรือฝ่ายค้าน เพราะวันหนึ่งเมื่อคุณเป็นฝ่ายค้านก็อาจจะกลับมาเป็นรัฐบาลได้
นายสุทธิพล กล่าวถึงกรณีที่ ส.ส.อีสาน จะไปพบ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีว่า ต้องดูว่าเขาทำโดยมิชอบหรือไม่ หากเขาทำโดยชอบด้วยกฎหมายหรือ หากไม่ละเมิดสิทธิใครก็ทำได้ แต่จะมีปัญหาเรื่องความมั่นคงหรือไม่ ก็ไม่ใช่เรื่องของ กกต.เราดูเฉพาะเรื่องเลือกตั้ง และการสอบเมื่อดูตาม พ.ร.บ.กกต.มาตรา 12 ระบุว่า นอกจากความปรากฏว่ามีการกระทำฝ่าฝืน แล้วกฎหมายยังเขียนอีกว่าต้องมีเหตุอันสมควรจึงสอบได้ ดังนั้น จะไปทำทุกเรื่องคงไม่ได้ แต่หากอยู่ในส่วนที่เราต้องดูแลก็จะไม่ละเว้นเด็ดขาด