xs
xsm
sm
md
lg

‘อินเขาใหญ่ฯ’ รีสอร์ตปากช่อง เกี่ยวเสน่ห์ล้านนาสร้างจุดขาย

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ผู้จัดการรายวัน – จากข้อได้เปรียบทำที่ตั้งห่างจากปากทางขึ้นอุทยานเขาใหญ่เพียง 500 เมตร ช่วยให้รีสอร์ตขนาดย่อมอย่าง “อินเขาใหญ่ คอฟฟี่เฮาส์ แฮนด์ โฮมสเตย์ รีสอร์ต” ใช้เป็นโอกาสนำเสนอทางเลือกในการพักผ่อนแก่นักท่องเที่ยวที่จะขึ้นสู่เขาใหญ่ได้โดยสะดวก อีกทั้ง สร้างจุดเด่นโดยนำเสน่ห์ล้านนา ทั้งเมนูอาหารเหนือรสเลิศ พร้อมการตกแต่งให้ได้บรรยากาศแดนเหนือท่ามกลางบรรยากาศร่มรื่นของป่าเขาใหญ่

ทั้งนี้ “อินเขาใหญ่ คอฟฟี่เฮาส์ แฮนด์ โฮมสเตย์ รีสอร์ต” ตั้งอยู่ที่หมู่ 17 ต.หมูสี อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา ห่างจากด่านทางขึ้นอุทยานเขาใหญ่ เพียง 500 เมตร เปิดมาแล้วประมาณ 1 ปีเศษ จุดกำเนิดนั้น ระพีพรรณ พรหมทัศน์ เจ้าของธุรกิจเล่าให้ฟังว่า มีความฝันอยากเปิดคอฟฟี่ชอป บริการอาหาร กาแฟ และเบเกอรี่มานานแล้ว หลังเพียรตระเวนหาสถานที่มานาน จนเจอพื้นที่ถูกใจอยู่ใน อ.ปากช่อง ซึ่งเดินทางจากกรุงเทพฯ สะดวก และสภาพแวดล้อมทางธรรมชาติยังสมบูรณ์

ระพีพรรณ ตัดสินใจซื้อที่ดินแปลงนี้ทันที ขนาด 2 ไร่ ในราคา 3.9 ล้านบาท พร้อมลงทุนอีกกว่า 8 ล้านบาท เพื่อปลูกสร้างร้านตามที่ตั้งใจไว้

ด้วยทำเลที่เป็นใจ สามารถเป็นจุดแวะพักรับประทานอาหาร และดื่มกาแฟของนักท่องเที่ยวที่ขึ้นลงเขาใหญ่ ช่วยให้ร้านประสบความสำเร็จอย่างรวดเร็ว และมีเสียงเรียกร้องให้เพิ่มบริการห้องพักด้วย เมื่อไม่นานมานี้ จึงควักทุนกว่า 77 ล้านบาท ต่อยอดเป็นรีสอร์ตเต็มรูปแบบ โดยแบ่งเป็นค่าซื้อที่ดินบริเวณรอบๆ เพิ่มเติม รวมเป็น 15 ไร่ มูลค่า 30 ล้าน และค่าสิ่งปลูกสร้างอีก 47 ล้านบาท

ปัจจัยสำคัญอีกประการที่หนุนให้กล้าลงทุนหลายสิบล้านบาท เพราะกรมอุทยานแห่งชาติ มีมาตรการจำกัดผู้พักค้างพักบนอุทยานเขาใหญ่ ได้ไม่เกินละ 2,650 คนต่อคืน มีผลตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคมที่ผ่านมา ขณะที่ปัจจุบัน ช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์ จะมีผู้เดินทางมาท่องเที่ยวเขาใหญ่ไม่ต่ำกว่าหมื่นคน การลงทุนเปิดรีสอร์ต จึงหวังมารองรับนักท่องเที่ยวที่ไม่สามารถพักข้างบนได้ และจากทำเลเป็นต่ออยู่ใกล้กับด่านทางขึ้นอย่างยิ่ง เชื่อว่า จะเป็นโอกาสทางธุรกิจ ตั้งเป้าจะคืนเงินลงทุนทั้งหมดได้ภายใน 4-5 ปี

และเนื่องจากเจ้าของธุรกิจพื้นเพเป็นชาวเหนือ จึงนำเสน่ห์ล้านนาสร้างจุดเด่น ผ่านบริการเมนูอาหารเหนือ เช่น ไส้ฮั่ว น้ำพริกหนุ่ม ยำหมูยอ เป็นต้น รวมถึง วัตถุดิบผักที่ใช้ประกอบอาหาร ส่วนหนึ่งส่งมาจากภาคเหนือโดยตรง อีกทั้ง เมล็ดกาแฟที่ใช้มาจากยอดดอย จ.เชียงราย ขณะที่บ้านพัก และบรรยากาศของรีสอร์ตตกแต่งให้ออกมาแล้วให้มีกลิ่นอายของภาคเหนือผสมกับบาหลีด้วย โดยได้ขอสินเชื่อจากธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย จำนวน 2.8 ล้านบาท เป็นทุนในการหมุนเวียน

ระพีพรรณ เผยว่า ภาพรวมของรีสอร์ต ต้องการเน้นความเงียบสงบ เพื่อการพักผ่อนอย่างแท้จริง ขณะเดียวกัน เติมเต็มในส่วนความสนุกสนานที่รีสอร์ตไม่สามารถบริการได้ โดยเชื่อมโยงกิจกรรมท่องเที่ยวต่างๆ กับพันธมิตร ไม่ว่าจะการขับรถ ATV ล่องแก่น ปีนหน้าผา และเข้าฐานลูกเสือ เป็นต้น

“รีสอร์ตแห่งนี้อยากรับรองแขกที่ต้องการมาพักผ่อนจริงๆ มีบริการห้องพักที่สะอาด ปลอดภัย สิ่งอำนวยความสะดวกครบ ในราคาไม่แพงจนเกินไป ขณะเดียวกันก็มีอาหารเหนือบริการ ซึ่งในบริเวณนี้หาที่อื่นไม่ได้ แต่ถ้าคุณจะมาดื่มหนักจนเมาเสียงดังไร้มารยาท เราก็จะบอกตรงๆ ว่าที่นี่คงไม่เหมาะกับคุณ ส่วนแขกที่อยากมีกิจกรรมสนุกสนาน เราได้สร้างเครือข่ายกับผู้ประกอบการบริเวณใกล้เคียง โดยประสานให้พาแขกของเราไปเที่ยวทำกิจกรรมต่างๆ ระหว่างวัน ส่วนตอนกลางคืนกลับมาพักที่นี่ ซึ่งจะเกิดประโยชน์ทางธุรกิจแก่ทั้งสองฝ่าย” ระพีพรรณ กล่าว

ปัจจุบัน “อินเขาใหญ่” มีบ้านพักขนาดเล็ก 14 หลัง พักได้หลังละ 2-3 คน ราคา 1,000-1,800 บาทต่อคืน และบ้านพักขนาดใหญ่ 3 หลัง พักได้หลังละ 15-17 คน ราคา 5,000-7,000 บาท ซึ่งราคาดังกล่าวจะขึ้นอยู่กับวัน และหน้าฤดูกาลที่เข้าพัก นอกจากนั้น มีห้องประชุมสัมมนา รับผู้เข้าร่วมได้ประมาณ 50-60 คน

สำหรับกลุ่มลูกค้ากว่า 70% เป็นชาวไทย ทั้งกลุ่มครอบครัว และกลุ่มสัมมนา ส่วน 30% คือ ชาวต่างชาติทั้งนักท่องเที่ยวเชิงผจญภัย และนักวิชาการ หรือทีมงานสารคดี ซึ่งเข้ามาทำงานวิจัยบนเขาใหญ่ ใช้เวลาเข้าพักครั้งละเป็นเดือน

เจ้าของธุรกิจ เผยด้วยว่า ผลประกอบการหลังเปิดบริการมาประมาณ 1 ปีเศษ สามารถคืนทุนในส่วนคอฟฟี่ชอปไปแล้วกว่า 85% และหากแนวโน้มยังดีต่อเนื่องเช่นนี้ มั่นใจว่า จะสามารถคืนทุนได้ตามเป้าที่วางไว้

นอกจากนั้น เตรียมจะขยายธุรกิจเพิ่มเติม ลงทุนอีกกว่า 60 ล้านบาท ทำที่พักแบบเต้นก็กลางแจ้ง ซึ่งมีสิ่งอำนวยความสะดวกภายในครบครัน จำนวน 300 เต้นท์ ขณะนี้อยู่ระหว่างขอสินเชื่อจากสถาบันการเงิน คาดจะเริ่มบริการได้ในปีหน้า (2552)

สุดท้าย ระพีพรรณ ระบุถึงหลักบริการธุรกิจรีสอร์ต คิดเสมอว่าต้องบริการจากใจถึงใจ ซึ่งสิ่งเหล่านี้ แม้จะจับต้องไม่ได้แต่ลูกค้าจะสัมผัสถึง โดยสิ่งสำคัญต้องเริ่มจากปลูกจิตสำนึกให้พนักงานรีสอร์ตที่มีอยู่ทั้งหมด 16 คน มีหัวใจบริการ รู้สึกร่วมเป็นเจ้าของกิจการ และภาคภูมิใจในตัวเอง พร้อมจะทำงานทดแทนกันได้ในทุกๆ ตำแหน่ง

“ดิฉันจะพยายามกระตุ้นให้พนักงานรู้สึกว่าเป็นเจ้าของรีสอร์ตแห่งนี้ ซึ่งจะให้เกิดความรู้สึกเช่นนี้ ต้องมาจากความผูกพัน และความสุขที่ได้ทำงาน ทั้งความสบายใจส่วนตัว และผลตอบแทนที่น่าพอใจ ไม่ว่าจะเป็นอัตราเงินเดือน สวัสดิการเหมาะสม และผลตอบแทนให้คุ้มค่าการทำงานของเขา เช่น โบนัส ซึ่งจะกันกำไร 10-20% เตรียมไว้ให้แน่นอน” เจ้าของธุรกิจ กล่าวทิ้งท้าย

โทร.08-9663-5814, 0-4429-7734-36
กำลังโหลดความคิดเห็น