องค์การนิรโทษกรรมสากล (แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล) ออกคำแถลงเมื่อวันอังคาร(2) เรียกร้องให้รัฐบาลไทยยกเลิกส่วนที่เป็นข้อจำกัดเรื่องเสรีภาพการแสดงความคิดเห็น ในพระราชกำหนดสถานการณ์ฉุกเฉิน
คำแถลงของแอมเนสตี้บอกว่า นายเบนจามิน ซาวักคี นักวิจัยว่าด้วยประเทศไทยของทางองค์การมีความเห็นว่า รัฐบาลย่อมมีความรับิผดชอบสูงสุดต่อความมั่นคงปลอดภัยของพลเมืองไทยทุกคน ไม่ว่าจะมีความคิดเห็นทางการเมืองอย่างไร แต่รัฐบาลก็ไม่ควรอาศัยการประกาศภาวะฉุกเฉินมาสยบเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็น หรือละเมิดสิทธิมนุษยชนอย่างอื่นๆ
“กฎหมายระหว่างประเทศกำหนดไว้อย่างชัดเจนว่า แม้กระทั่งเมื่อมีการประกาศภาวะฉุกเฉิน ประชาชนก็มีสิทธิที่จะแสดงความคิดเห็นของพวกตนในประเด็นปัญหาทุกๆ ประเด็นที่มีผลกระทบกับพวกเขา รวมทั้งเรื่องการประกาศภาวะฉุกเฉินเองด้วย และจะต้องสามารถแสดงทัศนะที่แตกต่างไปจากความคิดเห็นของรัฐบาลหรือกลุ่มอื่นๆ ที่พวกเขาคัดค้านได้” คำแถลงของแอมเนสตี้อ้างคำพูดของนายซาวักคี
แอมเนสตี้ บอกด้วยว่า เกี่ยวกับการใช้อำนาจตามประกาศภาวะฉุกเฉิน ที่มีการจำกัดเรื่องการชุมนุมด้วยนั้น รัฐบาลก็ควรจำกัดเสรีภาพเรื่องนี้เฉพาะในพื้นที่ของกรุงเทพฯ ส่วนซึ่งถูกกระทบด้วยการประท้วงและการเผชิญหน้ากันที่ยังดำเนินอยู่เท่านั้น
“การชุมนุมเดินขบวน ตลอดจนการชุมนุมเดินขบวนเพื่อต่อต้าน เหล่านี้แสดงให้เห็นว่าประชาชนไทยจำนวนมากหงุดหงิดผิดหวังกับการไม่เคารพปฏิบัติให้เป็นไปตามหลักนิติธรรม และการขาดความรับผิดชอบอย่างชนิดให้ตรวจสอบได้ ดังนั้นสิ่งที่จำเป็นสูงสุดก็คือการทำให้มีความรับผิดชอบอย่างชนิดให้ตรวจสอบได้กันมากขึ้น, การเพิ่มการปฏิบัติตามหลักนิติธรรม, และการเคารพต่อสิทธิพลเมืองและสิทธิทางการเมืองให้มากขึ้น” นายซาวักคี กล่าว
คำแถลงของแอมเนสตี้บอกว่า นายเบนจามิน ซาวักคี นักวิจัยว่าด้วยประเทศไทยของทางองค์การมีความเห็นว่า รัฐบาลย่อมมีความรับิผดชอบสูงสุดต่อความมั่นคงปลอดภัยของพลเมืองไทยทุกคน ไม่ว่าจะมีความคิดเห็นทางการเมืองอย่างไร แต่รัฐบาลก็ไม่ควรอาศัยการประกาศภาวะฉุกเฉินมาสยบเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็น หรือละเมิดสิทธิมนุษยชนอย่างอื่นๆ
“กฎหมายระหว่างประเทศกำหนดไว้อย่างชัดเจนว่า แม้กระทั่งเมื่อมีการประกาศภาวะฉุกเฉิน ประชาชนก็มีสิทธิที่จะแสดงความคิดเห็นของพวกตนในประเด็นปัญหาทุกๆ ประเด็นที่มีผลกระทบกับพวกเขา รวมทั้งเรื่องการประกาศภาวะฉุกเฉินเองด้วย และจะต้องสามารถแสดงทัศนะที่แตกต่างไปจากความคิดเห็นของรัฐบาลหรือกลุ่มอื่นๆ ที่พวกเขาคัดค้านได้” คำแถลงของแอมเนสตี้อ้างคำพูดของนายซาวักคี
แอมเนสตี้ บอกด้วยว่า เกี่ยวกับการใช้อำนาจตามประกาศภาวะฉุกเฉิน ที่มีการจำกัดเรื่องการชุมนุมด้วยนั้น รัฐบาลก็ควรจำกัดเสรีภาพเรื่องนี้เฉพาะในพื้นที่ของกรุงเทพฯ ส่วนซึ่งถูกกระทบด้วยการประท้วงและการเผชิญหน้ากันที่ยังดำเนินอยู่เท่านั้น
“การชุมนุมเดินขบวน ตลอดจนการชุมนุมเดินขบวนเพื่อต่อต้าน เหล่านี้แสดงให้เห็นว่าประชาชนไทยจำนวนมากหงุดหงิดผิดหวังกับการไม่เคารพปฏิบัติให้เป็นไปตามหลักนิติธรรม และการขาดความรับผิดชอบอย่างชนิดให้ตรวจสอบได้ ดังนั้นสิ่งที่จำเป็นสูงสุดก็คือการทำให้มีความรับผิดชอบอย่างชนิดให้ตรวจสอบได้กันมากขึ้น, การเพิ่มการปฏิบัติตามหลักนิติธรรม, และการเคารพต่อสิทธิพลเมืองและสิทธิทางการเมืองให้มากขึ้น” นายซาวักคี กล่าว
