ผู้จัดการรายวัน – เอกชนท่องเที่ยว วอนรัฐบาล และ พธม. ยุติปัญหาความขัดแย้งโดยเร็วก่อน 15 ก.ย.นี้ หวั่นกระทบช่วงไฮซีซั่น หากมีการปิดสนามบินอีกครั้ง ระบุที่ผ่านมามีการชุมนุมจริงแต่ไม่กระทบเพราะไม่ได้ปิดสนามบิน นายกสมาคมโรงแรมไทย เผยอีก 3 วันรู้ผลตัวเลขการยกเลิกห้องพัก ด้าน ททท.ยอมรับ 5 ประเทศ ออก Travel warning แล้ว หวั่นนักท่องเที่ยวหนีไป บาหลี และ มัลดีฟ
วานนี้ (1ก.ย.51) ในการประชุมของศูนย์ปฎิบัติการวางแผนการท่องเที่ยวและศูนย์ปฎิบัติการในภาวะวิกฤต (ศวก.) ซึ่งมีผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) พร้อมคณะผู้บริหาร ตัวแทนจากสภาอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย และนายกสมาคมด้านการท่องเที่ยวทุกแขนง เข้าร่วมประชุม เพื่อหารือและรวบรวมข้อมูลจากทุกฝ่ายถึงผลกระทบที่ได้รับจากกรณีการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย(พธม.)
****ทีเอชเอแจ้งสมาชิกรายงานตัวเลขด่วน***
นายประกิจ ชินอมรพงษ์ นายกสมาคมโรงแรมไทย (ทีเอชเอ) กล่าวว่า ในจังหวัดที่มีการปิดสนามบิน เริ่มได้รับผลกระทบแล้วเพราะนักท่องเที่ยวไม่สามารถเดินทางเข้าไปได้ แต่ยังไม่ทราบตัวเลขการยกเลิกและมูลค่าความเสียหายที่ชัดเจน ล่าสุดจึงได้ประสานงานไปยังนายกสมาคมโรงแรมทุกภูมิภาคทั่วประเทศ ให้รายงานสถานการณ์การยกเลิกห้องพักของนักท่องเที่ยว คาดว่าภายใน 3 วันจะทราบข้อมูล พร้อมนำกลับมารายงานต่อที่ประชุมนี้อีกครั้งในสัปดาห์หน้า เพื่อประกอบการประเมินสถานการณ์
อย่างไรก็ตาม ต้องการขอร้องทั้งฝ่าย พธม. และ ฝ่ายรัฐบาล ให้หาทางยุติปัญหาโดยเร็วที่สุด มิฉะนั้นไทยจะสูญเสียรายได้จากการท่องเที่ยวในฤดูกาลท่องเที่ยว (ไฮซีซั่น) ที่กำลังจะมาถึงแล้ว โดยปลายเดือนนี้กรุ๊ปนักท่องเที่ยวสูงวัยที่พำนักระยะยาว (ลองสเตย์) จากประเทศอังกฤษ และ สหรัฐอเมริกา ก็จะเดินทางเข้าพักที่จังหวัดเชียงใหม่ กลุ่มนี้จะพักนานราว 21 วัน นอกจากนั้นยังมีทริปฮันนีมูน จากประเทศเกาหลี ที่จะเดินทางมาภูเก็ต หากสถานการณ์ในประเทศไทยยังเป็นเช่นนี้ มีการขู่ปิดสนามบินและสถานที่ราชการ เขาก็อาจยกเลิกการเดินทางมาได้ และจากการสอบถามเบื้องต้นพบว่าถ้าไม่มาประเทศไทย เขาก็จะเดินทางไป บาหลี หรือ มัลดีฟ ทดแทน
นายประกิจ กล่าวอีกว่า ขณะนี้ผลกระทบจากการชุมนุม ยังไม่กระทบการท่องเที่ยวมากนัก หากรัฐบาลสามารถคุมสถานการณ์ได้ก็จะกระทบแต่ระยะสั้น ซึ่งปกติช่วงไฮซีซั่น 5 เดือน ตั้งแต่ ตุลาคมถึงกุมภาพันธ์ของทุกปี อัตราเข้าพักโรงแรมโดยเฉพาะในจังหวัดภูเก็ต จะอยู่ที่ 90-95% ส่วนเดือนสิงหาคม-กันยายน จะมีอัตราเข้าพักเฉลี่ย 70%
****ถ้าไม่ปิดสนามบินนักท่องเที่ยวก็ยังมา***
ทางด้านนายอภิชาติ สังฆอารี นายกสมาคมไทยธุรกิจการท่องเที่ยว (แอตต้า) กล่าวว่า หากสถานการณ์ยืดเยื้อเลยวันที่ 15 ก.ย.ศกนี้ จะส่งผลกระทบต่อนักท่องเที่ยวจากตลาดยุโรป เพราะเป็นช่วงที่เริ่มทยอยเดินทางเข้ามาพักผ่อนในประเทศไทยแล้ว ซึ่งหากต้องยกเลิกการเดินทางเชื่อว่าคนในพื้นที่ที่เคยประสบภัยพิบัติสึนามิจะรู้ดีว่า เมื่อท่องเที่ยวหยุดชะงักจะโดยผลกระทบกันทั่วหน้า ไม่ว่าจะเป็นผู้ประกอบการท่องเที่ยว หรือชาวบ้านที่ขายสินค้าและถ้าเป็นเช่นนั้นจริงก็จะกระทบกับเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศ ดังนั้นจึงต้องการให้ทุกฝ่ายและประชาชนชาวไทยนึกถึงพระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เมื่อครั้งเกิดเหตุการณ์พฤษภาทมิฬว่าไม่มีผู้ใดชนะ มีแต่ความพ่ายแพ้ ทั้งประชาชนและประเทศชาติ
“ตอนนี้ได้ให้สมาชิกทุกคนสอบถามเอเย่นต์ในต่างประเทศของตัวเองอย่างใกล้ชิด และได้รับการตอบกลับว่าจะเดินทางเข้ามาประเทศไทยตามที่จองไว้ แต่หากมีการปิดสนามบินขึ้นมาอีก ก็จะเป็นสาเหตุให้เขาเปลี่ยนใจไม่เดินทางเข้ามาได้ ซึ่งสิ่งที่เราจะทำได้ขณะนี้คือจูงใจให้เขาเปลี่ยนเดสติเนชั่น ไปจังหวัดอื่นแทน เช่น หัวหิน ชะอำ และ ทะเลในภาคตะวันออก แต่ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของนักท่องเที่ยวด้วย ส่วนตลาดจากยุโรป และสเปน บางกรุ๊ปก็เปลี่ยนเส้นทางไปเกาะสมุย”
ล่าสุดเมื่อเปิดสนามบินภูเก็ตก็มีชาร์เตอร์ไฟล์ทจากยุโรปมาลงแล้วสัปดาห์ละ 2 ลำๆละ 390 คน แต่ระยะสั้น กังวลตลาดระยะใกล้ เช่น จีน ญี่ปุ่น เกาหลี เพราะสำนักข่าวต่างประเทศมีการรายงานสถานการณ์ของประเทศไทยโดยตลอด จึงมีการยกเลิกการเดินทางมาแล้วบ้าง โดยเฉพาะตลาดจีน สำหรับยอดจองเดินทาง ปีนี้ลดลงจากปีก่อน 5% ซึ่งเริ่มดีขึ้นแล้ว จากเดิมลดลงจากปีก่อนถึง 10% เพราะภาวะเศรษฐกิจโลกและราคาน้ำมัน ทำให้นักท่องเที่ยวตัดสินใจช้า แต่หากประเทศไทยยังเป็นเช่นนี้ เราอาจจะไม่ได้ต้อนรับนักท่องเที่ยวเลย
“ประเทศไทยมีการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยมาตั้งแต่ปี 2548 แต่จำนวนนักท่องเที่ยวก็ไม่ได้ลดลง มีแต่เพิ่มขึ้นทุกปี ทั้งนี้เพราะไม่มีการปิดสนามบิน แต่ครั้งนี้หากปิดสนามบิน ทำให้นักท่องเที่ยวไม่สามารถเดินทางเข้ามาได้ ก็เป็นเหตุสุดวิสัยที่จะให้เขาเดินทางเข้ามา”
**** 5 ประเทศออก Travel warningแล้ว
ทางด้านนายสุรพล เศวตเศรณี รองผู้ว่าการด้านนโยบายและแผน การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย(ททท.) กล่าวว่า ล่าสุด มี 5 ประเทศที่ประกาศเตือนนักท่องเที่ยวที่จะเดินทางมาประเทศไทย(Travel warning) ได้แก่ แคนาดา เกาหลีใต้ ญี่ปุ่น ออสเตรเลีย และ อังกฤษ ซึ่ง ททท.ก็ได้ประสานงานกับกระทรวงต่างประเทศของไทย และสำนักงาน ททท.ในต่างประเทศ เพื่อชี้แจงสถานการณ์ตามข้อจริง
อย่างไรก็ตาม รายงานข่าว ระบุว่า นางพรศิริ มโนหาญ ผู้ว่าการ ททท. ได้กล่าวในที่ประชุมว่า ต้องการให้ภาคเอกชนท่องเที่ยว ดูแลช่วยเหลือนักท่องเที่ยวขของตัวเองเป็นอย่างดีที่สุด โดยเฉพาะการอำนวยความสะดวกเรื่องการเดินทาง และ ความปลอดภัย เพื่อให้นักท่องเที่ยวมีความประทับใจในบริการของเรา และหากขาดเหลืองบประมาณก็สามารถยื่นเรื่องขอใช้เงินจากกองทุนส่งเสริมการท่องเที่ยว ซึ่งขณะนี้มีงบประมาณ อยู่ 20 ล้านบาท ได้ โดยให้กระทรวงการท่องเที่ยวฯซึ่งดูแลการใช้เงินกองทุนเป็นผู้พิจารณา สำหรับ ททท.ขณะนี้ ยังดำเนินงานไปตามแผนเดิน ทั้งตลาดในประเทศและต่างประเทศ ไม่มีการยกเลิกการจัดงานใดๆทั้งสิ้น แต่หากสถานการณ์ยุติแล้ว จะมีการพิจารณาปรับแผนงานเชิงรุกมากขึ้น
วานนี้ (1ก.ย.51) ในการประชุมของศูนย์ปฎิบัติการวางแผนการท่องเที่ยวและศูนย์ปฎิบัติการในภาวะวิกฤต (ศวก.) ซึ่งมีผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) พร้อมคณะผู้บริหาร ตัวแทนจากสภาอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย และนายกสมาคมด้านการท่องเที่ยวทุกแขนง เข้าร่วมประชุม เพื่อหารือและรวบรวมข้อมูลจากทุกฝ่ายถึงผลกระทบที่ได้รับจากกรณีการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย(พธม.)
****ทีเอชเอแจ้งสมาชิกรายงานตัวเลขด่วน***
นายประกิจ ชินอมรพงษ์ นายกสมาคมโรงแรมไทย (ทีเอชเอ) กล่าวว่า ในจังหวัดที่มีการปิดสนามบิน เริ่มได้รับผลกระทบแล้วเพราะนักท่องเที่ยวไม่สามารถเดินทางเข้าไปได้ แต่ยังไม่ทราบตัวเลขการยกเลิกและมูลค่าความเสียหายที่ชัดเจน ล่าสุดจึงได้ประสานงานไปยังนายกสมาคมโรงแรมทุกภูมิภาคทั่วประเทศ ให้รายงานสถานการณ์การยกเลิกห้องพักของนักท่องเที่ยว คาดว่าภายใน 3 วันจะทราบข้อมูล พร้อมนำกลับมารายงานต่อที่ประชุมนี้อีกครั้งในสัปดาห์หน้า เพื่อประกอบการประเมินสถานการณ์
อย่างไรก็ตาม ต้องการขอร้องทั้งฝ่าย พธม. และ ฝ่ายรัฐบาล ให้หาทางยุติปัญหาโดยเร็วที่สุด มิฉะนั้นไทยจะสูญเสียรายได้จากการท่องเที่ยวในฤดูกาลท่องเที่ยว (ไฮซีซั่น) ที่กำลังจะมาถึงแล้ว โดยปลายเดือนนี้กรุ๊ปนักท่องเที่ยวสูงวัยที่พำนักระยะยาว (ลองสเตย์) จากประเทศอังกฤษ และ สหรัฐอเมริกา ก็จะเดินทางเข้าพักที่จังหวัดเชียงใหม่ กลุ่มนี้จะพักนานราว 21 วัน นอกจากนั้นยังมีทริปฮันนีมูน จากประเทศเกาหลี ที่จะเดินทางมาภูเก็ต หากสถานการณ์ในประเทศไทยยังเป็นเช่นนี้ มีการขู่ปิดสนามบินและสถานที่ราชการ เขาก็อาจยกเลิกการเดินทางมาได้ และจากการสอบถามเบื้องต้นพบว่าถ้าไม่มาประเทศไทย เขาก็จะเดินทางไป บาหลี หรือ มัลดีฟ ทดแทน
นายประกิจ กล่าวอีกว่า ขณะนี้ผลกระทบจากการชุมนุม ยังไม่กระทบการท่องเที่ยวมากนัก หากรัฐบาลสามารถคุมสถานการณ์ได้ก็จะกระทบแต่ระยะสั้น ซึ่งปกติช่วงไฮซีซั่น 5 เดือน ตั้งแต่ ตุลาคมถึงกุมภาพันธ์ของทุกปี อัตราเข้าพักโรงแรมโดยเฉพาะในจังหวัดภูเก็ต จะอยู่ที่ 90-95% ส่วนเดือนสิงหาคม-กันยายน จะมีอัตราเข้าพักเฉลี่ย 70%
****ถ้าไม่ปิดสนามบินนักท่องเที่ยวก็ยังมา***
ทางด้านนายอภิชาติ สังฆอารี นายกสมาคมไทยธุรกิจการท่องเที่ยว (แอตต้า) กล่าวว่า หากสถานการณ์ยืดเยื้อเลยวันที่ 15 ก.ย.ศกนี้ จะส่งผลกระทบต่อนักท่องเที่ยวจากตลาดยุโรป เพราะเป็นช่วงที่เริ่มทยอยเดินทางเข้ามาพักผ่อนในประเทศไทยแล้ว ซึ่งหากต้องยกเลิกการเดินทางเชื่อว่าคนในพื้นที่ที่เคยประสบภัยพิบัติสึนามิจะรู้ดีว่า เมื่อท่องเที่ยวหยุดชะงักจะโดยผลกระทบกันทั่วหน้า ไม่ว่าจะเป็นผู้ประกอบการท่องเที่ยว หรือชาวบ้านที่ขายสินค้าและถ้าเป็นเช่นนั้นจริงก็จะกระทบกับเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศ ดังนั้นจึงต้องการให้ทุกฝ่ายและประชาชนชาวไทยนึกถึงพระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เมื่อครั้งเกิดเหตุการณ์พฤษภาทมิฬว่าไม่มีผู้ใดชนะ มีแต่ความพ่ายแพ้ ทั้งประชาชนและประเทศชาติ
“ตอนนี้ได้ให้สมาชิกทุกคนสอบถามเอเย่นต์ในต่างประเทศของตัวเองอย่างใกล้ชิด และได้รับการตอบกลับว่าจะเดินทางเข้ามาประเทศไทยตามที่จองไว้ แต่หากมีการปิดสนามบินขึ้นมาอีก ก็จะเป็นสาเหตุให้เขาเปลี่ยนใจไม่เดินทางเข้ามาได้ ซึ่งสิ่งที่เราจะทำได้ขณะนี้คือจูงใจให้เขาเปลี่ยนเดสติเนชั่น ไปจังหวัดอื่นแทน เช่น หัวหิน ชะอำ และ ทะเลในภาคตะวันออก แต่ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของนักท่องเที่ยวด้วย ส่วนตลาดจากยุโรป และสเปน บางกรุ๊ปก็เปลี่ยนเส้นทางไปเกาะสมุย”
ล่าสุดเมื่อเปิดสนามบินภูเก็ตก็มีชาร์เตอร์ไฟล์ทจากยุโรปมาลงแล้วสัปดาห์ละ 2 ลำๆละ 390 คน แต่ระยะสั้น กังวลตลาดระยะใกล้ เช่น จีน ญี่ปุ่น เกาหลี เพราะสำนักข่าวต่างประเทศมีการรายงานสถานการณ์ของประเทศไทยโดยตลอด จึงมีการยกเลิกการเดินทางมาแล้วบ้าง โดยเฉพาะตลาดจีน สำหรับยอดจองเดินทาง ปีนี้ลดลงจากปีก่อน 5% ซึ่งเริ่มดีขึ้นแล้ว จากเดิมลดลงจากปีก่อนถึง 10% เพราะภาวะเศรษฐกิจโลกและราคาน้ำมัน ทำให้นักท่องเที่ยวตัดสินใจช้า แต่หากประเทศไทยยังเป็นเช่นนี้ เราอาจจะไม่ได้ต้อนรับนักท่องเที่ยวเลย
“ประเทศไทยมีการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยมาตั้งแต่ปี 2548 แต่จำนวนนักท่องเที่ยวก็ไม่ได้ลดลง มีแต่เพิ่มขึ้นทุกปี ทั้งนี้เพราะไม่มีการปิดสนามบิน แต่ครั้งนี้หากปิดสนามบิน ทำให้นักท่องเที่ยวไม่สามารถเดินทางเข้ามาได้ ก็เป็นเหตุสุดวิสัยที่จะให้เขาเดินทางเข้ามา”
**** 5 ประเทศออก Travel warningแล้ว
ทางด้านนายสุรพล เศวตเศรณี รองผู้ว่าการด้านนโยบายและแผน การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย(ททท.) กล่าวว่า ล่าสุด มี 5 ประเทศที่ประกาศเตือนนักท่องเที่ยวที่จะเดินทางมาประเทศไทย(Travel warning) ได้แก่ แคนาดา เกาหลีใต้ ญี่ปุ่น ออสเตรเลีย และ อังกฤษ ซึ่ง ททท.ก็ได้ประสานงานกับกระทรวงต่างประเทศของไทย และสำนักงาน ททท.ในต่างประเทศ เพื่อชี้แจงสถานการณ์ตามข้อจริง
อย่างไรก็ตาม รายงานข่าว ระบุว่า นางพรศิริ มโนหาญ ผู้ว่าการ ททท. ได้กล่าวในที่ประชุมว่า ต้องการให้ภาคเอกชนท่องเที่ยว ดูแลช่วยเหลือนักท่องเที่ยวขของตัวเองเป็นอย่างดีที่สุด โดยเฉพาะการอำนวยความสะดวกเรื่องการเดินทาง และ ความปลอดภัย เพื่อให้นักท่องเที่ยวมีความประทับใจในบริการของเรา และหากขาดเหลืองบประมาณก็สามารถยื่นเรื่องขอใช้เงินจากกองทุนส่งเสริมการท่องเที่ยว ซึ่งขณะนี้มีงบประมาณ อยู่ 20 ล้านบาท ได้ โดยให้กระทรวงการท่องเที่ยวฯซึ่งดูแลการใช้เงินกองทุนเป็นผู้พิจารณา สำหรับ ททท.ขณะนี้ ยังดำเนินงานไปตามแผนเดิน ทั้งตลาดในประเทศและต่างประเทศ ไม่มีการยกเลิกการจัดงานใดๆทั้งสิ้น แต่หากสถานการณ์ยุติแล้ว จะมีการพิจารณาปรับแผนงานเชิงรุกมากขึ้น
