xs
xsm
sm
md
lg

วงการตลาดอัดรัฐใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ส่งผลกระทบภาพรวมธุรกิจย่ำแย่

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

อุตสาหกรรมท่องเที่ยวเดือดร้อนหนัก ธุรกิจเอสเอ็มอี เตรียมร้องไห้ สินค้าอุปโภคบริโภคหวั่นใจ ลูกค้าชะลอใช้เงินแน่ ส่วนวงการเครื่องดื่มมองการประกาศใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉินเป็นเรื่องที่ไม่เหมาะสม

พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ส่งผลกระทบธุรกิจแน่
นายชัยประนิน วิสุทธิผล ประธานบริษัท ทีบีดับบลิวเอ ประเทศไทย จำกัด เปิดเผยถึงการที่รัฐบาลของ นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ประกาศใช้พระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน (พ.ร.ก.ฉุกเฉิน) ในเขตกรุงเทพมหานคร เมื่อคืนวันจันทร์ที่ผ่านมาว่า เรื่องนี้ย่อมต้องส่งผลกระทบในเชิงลบแน่นอน โดยเฉพาะในเรื่องของธุรกิจโดยรวมและในแง่ของเชิงจิตวิทยาอย่างมาก ซึ่งขณะนี้ปัญหาไม่ได้อยู่ที่ความวุ่นวายในประเทศแล้ว แต่กลับมาอยู่ที่การนำ พ.ร.ก.ฉุกเฉินมาใช้มากกว่า

สถานการณ์ปัญหาในเวลานี้มันเหมือนกับแว่นขยายที่ส่องลงไป แล้วมันก็เห็นสิ่งที่ใหญ่ขึ้นๆ ปัญหาเริ่มลุกลาม เมื่อตอนต้นปีก็คิดว่า การประท้วงหรือปัญหาความวุ่นวายทางการเมืองคงจบลงในช่วงกลางปี แต่เมื่อถึงกลางปีเหตุการณ์กลับรุนแรงขึ้นอีก เป็นเรื่องที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออกจริงๆ เขายังให้ความเห็นด้วยว่า การที่รัฐบาลประกาศใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ไม่ได้อยู่นอกเหนือความคาดหมายแต่อย่างใด

นายเฮสเตอร์ ชิว ประธานกรรมการ บริษัท แมคไทย จำกัด ผู้บริหารร้านแมคโดนัลด์ กล่าวว่า ปัญหาทุกอย่างอาจจะมีความเห็นที่แตกต่างกันได้ แต่ไม่ควรจะแตกแยกกัน แต่ก็ยังมั่นใจว่าประเทศไทยในระยะยาวยังมีศักยภาพในการลงทุนเหมือนเดิม อย่างไรก็ตาม ยอมรับว่า ในระยะสั้นนี้ส่งผลกระทบต่อธุรกิจโดยรวม โดยในช่วงสัปดาห์ที่แล้ว ยอดขายตกลงกว่า 15-20% จากสัปดาห์ก่อนหน้านี้ที่จะมีการเคลื่อนไหวของม็อบ

ส่วนเมื่อคืนวันจันทร์ที่ผ่านมา สาขาที่ราชดำเนินก็ต้องปิดบริการในช่วงเที่ยงคืน เพราะมีเหตุการณ์ปะทะกันระหว่างม็อบสองกลุ่ม ซึ่งเดิมทีสาขานี้เปิดบริการตลอด 24 ชั่วโมง แต่ในช่วงเช้าก็เปิดบริการตามปรกติแล้ว ขณะที่แมคโดนัลด์สาขาที่สยามพารากอนยอดขายตกลงไปกว่า 25% เพราะลูกค้าหายไปมาก

วงการตลาดจวกรัฐใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน
แหล่งข่าวจากนักการตลาด กล่าวว่า การประกาศใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ของรัฐบาลในขณะนี้มองว่าเป็นเรื่องที่ไม่เหมาะสม เพราะสถานการณ์ไม่ได้มีความรุนแรงถึงต้องประกาศใช้ และการประกาศใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ยังทำให้ต่างประเทศ หรือกระทั่งนักท่องเที่ยวในต่างจังหวัด และคนไทยทั่วประเทศรู้สึกว่าสถานการณ์ในกรุงเทพฯ เลวร้าย ซึ่งความเป็นจริง สถานที่ชุมนุมคิดเป็นเพียงแค่ 10% เท่านั้นของพื้นที่ เช่น ที่ทำเนียบรัฐบาล สะพานมัฆวาน เป็นต้น ซึ่งการชุมนุมไม่แพร่หลายเป็นวงกว้างยากต่อการควบคุม

การประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ออกมามีผลเสียมากกว่าผลดีอย่างแน่นอน เพราะสะท้อนถึงว่าเกิดเหตุการณ์รุนแรงแล้วทหารต้องเข้ามาควบคุม ซึ่งความจริงเหตุการณ์ยังไม่ได้ถึงขั้นนั้น ทำให้ผู้คนหวาดกลัว การประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ทำลายอุตสาหกรรมท่องเที่ยวอย่างแน่นอน เนื่องจากล่าสุด กรุงเทพฯ เพิ่งได้รับการโหวตจากนักท่องเที่ยวว่าเป็นเมืองหลวงที่น่าท่องเที่ยวติดอันดับ 1 ใน 10 ของโลก แต่รัฐประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินแล้วนักท่องเที่ยวที่ไหนจะมาเที่ยวในช่วงไฮซีซัน นอกจากนี้ ยังทำลายความเชื่อมั่นของนักลงทุน อย่างไรก็ตาม แต่รัฐบาลก็ได้ประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉินแล้ว ก็ต้องพยายามทำให้สถานการณ์สิ้นสุดโดยเร็วที่สุดให้ได้

“กรุงเทพฯ เป็นเมืองหลวง เป็นศูนย์กลางทุกๆ อย่าง ไม่ว่าจะเป็น เศรษฐกิจ การทำธุรกิจ การประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน ทำให้คนที่ไม่รู้เห็นเหตุการณ์ โดยเฉพาะต่างประเทศ หรือกระทั่งคนต่างจังหวัด มองว่า สถานการณ์เข้าขั้นรุนแรง ซึ่งความเป็นจริงเหตุการณ์ยังไม่รุนแรงถึงขนาดต้องประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน”

แหล่งข่าววงการเครื่องดื่ม กล่าวว่า การที่รัฐบาลออก พ.ร.ก.ฉุกเฉินนั้น ไม่เหมาะสม ไม่สามารถแก้ปัญหาการเมืองที่เป็นอยู่ในขณะนี้ได้ เพราะอารมณ์แบบนี้การยอมปฏิบัติตามกฎคงไม่มีให้เห็นอย่างแน่นอน ดีแต่จะสร้างความยืดเยื้อ ผมมองว่าขณะนี้ไม่ว่าฝ่ายพันธมิตรฯ หรือฝ่ายรัฐบาล จะต้องยอมแพ้ไปข้างหนึ่ง ต้องยอมทำเพื่อชาติ ซึ่งตอนนี้ธุรกิจเสียหายหมด โดยเฉพาะอุตสาหกรรมท่องเที่ยว เพราะการออก พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ออกมา ต่างประเทศ มองว่า เริ่มมีทหารออกเกี่ยวข้อง แสดงให้เห็นว่า สถานการณ์เริ่มมีความรุนแรง จึงเตือนนักท่องเที่ยวให้ออกนอกประเทศ หรือห้ามเดินทางเข้าประเทศแล้ว ในฐานะของนักธุรกิจผมอยากให้สถานการณ์การเมืองในขณะนี้จบให้เร็วที่สุด และเป็นรูปแบบสันติวิธี

ด้านแหล่งข่าวจากวงการสินค้าอุปโภคบริโภค กล่าวว่า การที่ภาครัฐออก พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ถือว่ามีความเหมาะสมกับสถานการณ์อย่างนี้แล้ว เพราะเชื่อว่าน่าจะหยุดยั้งความวุ่นวายได้ในระดับหนึ่ง แต่ถ้า พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ยังไม่สามารถหยุดยั้งได้ ก็ให้ใช้กฎอัยการศึกออกมาเลย หรืออาจถึงขั้นปฏิวัติเลยก็ได้ เพราะในส่วนตัวผมอยากให้สถานการณ์ความวุ่นวายของบ้านเมืองจบให้เร็วที่สุด โดยขณะนี้ปัญหาความวุ่นวายต่างๆ ส่งผลให้ธุรกิจพังเสียหาย การเดินทางไปประชุมหรือการทำตลาดต้องชะลอลงอย่างสิ้นเชิง ซึ่งคาดว่าผลประกอบการในช่วงไตรมาส 3 ซึ่งปกติถือว่าเป็นช่วงโลว์ซีซันยอดขายจะลดลงอยู่แล้ว แต่ขณะนี้ยอดขายลดลงอย่างมากเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกัน

แอลจี ภาวนาใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉินเพียงระยะสั้น
นายอลงกรณ์ ชูจิตร รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท แอลจี อีเลคทรอนิคส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า การที่รัฐบาลออกมาประกาศใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ขอไม่วิเคราะห์ว่าใครถูกใครผิด แต่มองว่าเป็นเรื่องของการบริหารบ้านเมืองที่ผู้ใหญ่ในบ้านเมืองถ้ายังประคับประคองสถานการณ์ไว้ได้ จะเกิดผลดีอย่างมาก และหวังว่า พ.ร.ก.ฉุกเฉิน จะถูกนำมาใช้เพียงระยะเวลาอันสั้น 3-7 วัน สถานการณ์ทุกอย่างก็น่าจะจบลงได้แล้ว เพราะถ้าหากพ.ร.ก.ฉุกเฉินถูกนำมาใช้นานกว่านั้น หรือถูกนำมาใช้ในระยะเวลาเพียง 1 เดือน เชื่อมั่นว่า จะมีผลกระทบเกิดขึ้นมากมาย เหตุเพราะการประกาศใช้ พรก.ในกรุงเทพฯซึ่งเป็นเมืองหลวงและเป็นศูนย์กลางของประเทศ ภาพลักษณ์ที่สะท้อนออกมา จะหมายรวมถึงความเป็นประเทศไทยด้วย ถึงแม้ว่า พ.ร.ก.จะถูกประกาศใช้ใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ แต่ก็ไม่ร้ายแรงและมีผลกระทบเท่ากับการนำมาประกาศใช้ในกรุงเทพฯ

โดยเฉพาะในแง่ความไม่มั่นใจจากนักลงทุนต่างชาติ ที่กำลังจะมาลงทุน รวมถึงอุตสาหกรรมท่องเที่ยวเชื่อว่าจะได้รับผลกระทบอย่างหนักเช่นกัน ในแง่ของผู้บริโภคเอง จะเกิดความไม่แน่ใจ และจะไม่มีอารมณ์ในการจับจ่ายซื้อของ จะมุ่งเก็บเงินไว้มากกว่า สำหรับแอลจีเองมองว่าผลิตภัณฑ์เครื่องใช้ไฟฟ้าเป็นสินค้าในกลุ่มอุปโภคบริโภค ที่อาจจะได้รับผลกระทบบ้างเช่นเดียวกัน แต่เนื่องจากเป็นบริษัทต่างชาติ มีเงินทุนสูง จึงอาจจะไม่ได้รับกระทบมากเท่ากับกลุ่มบริษัทเอสเอ็มอี หรือ บริษัทขนาดเล็กที่เป็นของคนไทย กลุ่มนี้จะได้รับผลกระทบค่อนข้างหนักมากกว่า

“จริงๆ แล้วไม่คิดว่าสถานการณ์จะบานปลายออกมาเป็นเช่นนี้ ซึ่งเท่าที่คุยกับเพื่อนนักธุรกิจด้วยกันหลายๆ ราย ต่างก็มองไปในทิศทางเดียวกัน คือต้องการให้เรื่องนี้จบลงด้วยดีในระยะเวลาอันสั้น ซึ่งหากยังบานปลายไปเรื่อยๆ เชื่อมั่นว่าจะมีผลกระทบเกิดขึ้นในหลายๆด้าน โดยเฉพาะในแง่เศรษฐกิจซึ่งอาจจะไม่ใช่แค่เพียงครึ่งปีหลังนี้เท่านั้น แต่อาจจะส่งผลกระทบไปจนถึงกลางปีหน้าก็เป็นได้” นายอลงกรณ์ กล่าว

พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ฉุด ความเชื่อมั่นนักท่องเที่ยวลด
นายกงกฤช หิรัญกิจ ประธานสภาอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (สทท.) กล่าวว่า ประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน สะท้อนให้เห็นว่า เกิดความรุนแรง ขึ้นแล้วในประเทศไทย ซึ่งจะกระทบกับอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแน่นอน ดังนั้น สทท.เตรียมยื่นหนังสือ ต่อ นายวีระศักดิ์ โควสุรัตน์ รมว.กระทรวงการท่องเที่ยวฯ ในฐานะภาครัฐบาล เร่งสร้างความเชื่อมั่นให้แก่นักท่องเที่ยวใน 2 ประเด็นหลัก คือ 1.เป็นผู้ส่งสัญญาณ ให้ชัดเจนถึงเรื่องการรับรองความปลอดภัยให้แก่นักท่องเที่ยว และ ชี้แจงว่า พื้นที่เกิดเหตุ กับสถานที่ท่องเที่ยวอยู่คนละแห่งกัน

“ต้องการให้รัฐบาลเคลียร์ปัญหาให้จบโดยเร็วก่อนวันที่ 15 ก.ย.นี้ ซึ่งเป็นช่วงบุ๊คกิ้งของนักท่องเที่ยว มิฉะนั้นจะกระทบต่อไฮซีซั่นปีนี้ที่จะมีจำนวนนักท่องเที่ยวเดินทางมาลดลงไม่น้อยกว่า 20% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน คือเป็นมูลค่ากว่า 5 หมื่นล้านบาท ซึ่งเฉพาะช่วงไฮซีซั่น จำนวนนักท่องเที่ยวและรายได้เข้าประเทศจะคิดเป็น 40% ของตัวเลขรวมทั้งปี ซึ่งถือว่าเป็นสัดส่วนที่เยอะมาก ซึ่งมีรายงานจากสมาชิกแจ้งว่า ขณะนี้ ตามโรงแรมใหญ่ ที่จัดสัมมนาระดับนานาชาติ เริ่มมีการยกเลิกการจองแล้ว”

ด้าน นายณัฐวุฒิ อมรวิวัฒน์ ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ(องค์การมหาชน) หรือ สสปน.กล่าวว่า ภาพการปะทะระหว่าง 2 กลุ่มผู้ชุมนุม จนทำให้มีผู้บาดเจ็บ และ เสียชีวิต รวมถึงการประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน จะมีผลกระทบกับตลาด MICE แน่นอน โดยเฉพาะ กลุ่มอินเซนทีฟ หรือ I ล่าสุด ยอมรับว่า มีกรุ๊ปอินเซนทีฟจากประเทศในเอเชีย ที่ สสปน.ดูแลอยู่ ยกเลิกการเดินทางแล้ว ประมาณ 2-3 กรุ๊ป ขณะที่การจัดงาน International Telecom Union (ITU) อาจมีผลทำให้ผู้เข้าชมงานในกลุ่มวอคอินน์ลดลงกว่าเป้าหมายที่ สสปน.ตั้งไว้

หวั่นสูญชาร์เตอร์ไฟลต์จากจีน
นายเอนก ศรีชีวะชาติ ประธานที่ปรึกษา สมาคมไทยบริการท่องเที่ยว (ทีทีเอเอ) และ กรรมการในสหพันธ์สมาคมท่องเที่ยวไทย (เฟสต้า) กล่าวว่า ประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน จะทำให้ภาพรวมของการท่องเที่ยวเกิดการชะลอตัวแน่นอน เพราะต่างประเทศ เขาไม่รู้ว่า เหตุการณ์มันรุนแรงแค่ไหน ซึ่งเกรงว่าระยะสั้นจะกระทบกับตลาดจีน ที่จะเดินทางมาประเทศไทยในช่วงวันชาติของจันระหว่างวันที่ 1-7 ตุลาคม ซึ่งขณะนี้ มีชาร์เตอร์ไฟลต์จากเซี่ยงไฮ้จะเดินทางเข้ามาในช่วงเวลานั้นถึง 5 ลำ หากเหตุการณ์ยืดเยื้อ เขาก็จะยกเลิก โดยจากรายงานพบว่า ตลาดจีนจะหันไปเที่ยว มาเลเซีย และ สิงคโปร์ แทน ส่วนตลาดญี่ปุ่น จะเปลี่ยนไปเที่ยวประเทศฮ่องกง และ มาเก๊า แทน

นายธนวัฒน์ เด่นนภาสุรพงศ์ ผู้จัดการประจำประเทศไทย สายการบิน แอร์ฟรานซ์ KLM เปิดเผยว่า เหตุการณ์ที่กำลังเกิดขึ้นในประเทศไทยขณะนี้มีระดับความรุนแรงมากกว่าปกติ แต่ก็เหมือนดาบสองคม เพราะหากไม่ประกาศ แล้วเหตุการณ์ที่เลวร้ายไปมากกว่าเดิมจนควบคุมไม่ได้ก็จะเสียหายกับภาพลักษณ์ของประเทศไทยเช่นกัน ดังนั้น เมื่อประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉินแล้ว ควรให้ผู้ที่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ทั้งหมด มาร่วมหารือ เพื่อหาข้อยุติโดยเร็ว เพราะเชื่อว่าขณะนี้ สถานฑูตทุกประเทศที่อยู่ในประเทศไทย ต่างเฝ้าจับตาดูสถานการณ์ เพื่อรายงานกลับไปยังประเทศของตัวเอง ก่อนที่จะตัดสินใจออกหนังสือเตือนนักท่องเที่ยว (Travel warning)
กำลังโหลดความคิดเห็น