ศูนย์ข่าวภูมิภาค - แฉแกนนำ นปก.กินหัวคิว 300 บาทจ่ายชาวบ้านแค่ 100 บาทในการเกณฑ์ชาวบ้านออกมาชุมนุมสนับสนุน "สมัคร" นั่งนายกฯบริหารประเทศต่อ ส่วนที่หนองคายสุดอดสู! สั่งเกณฑ์ นศ.อาชีวะออกมาร่วมหนุน"นายกฯสัตว์นรก" ขณะที่แปดริ้วพบแกนนำส่วนใหญ่ล้วนเป็นข้าราชการฝ่ายปกครองที่มี "นายอำเภอ" เกือบทุกท้องที่เดินทางมาเป็นแกนนำ รวมทั้งยังมีนักการเมืองท้องถิ่น ผู้นำชุมชน กำนันผู้ใหญ่บ้าน และนักเคลื่อนไหวประจำถิ่นด้วย
แฉกินหัวคิว300ค่าเกณฑ์คน
เมื่อช่วงเช้าวานนี้ (1 ก.ย.) ที่บริเวณหน้าศาลากลางจังหวัดกาฬสินธุ์กลุ่มประชาชนใน จ.กาฬสินธุ์กว่า 1,000 คน ซึ่งอ้างตัวว่าเป็นกลุ่ม นปก.นำโดยนายสำรอง โพธิ์ซก ได้เข้ามาแสดงพลังเพื่อสนับสนุนรัฐบาลให้บริหารประเทศต่อไป พร้อมโจมตีกลุ่มพันธมิตรฯที่ออกมาขับไล่รัฐบาลนายสมัคร ว่าเป็นกลุ่มคนสร้างความแตกแยก
นายสำรอง กล่าวว่า การเคลื่อนไหวทั้งหมดเกิดขึ้นจากกลุ่มประชาชนที่ไม่พอใจการเคลื่อนไหวของ กลุ่มพันธมิตรฯเพราะถือว่าเป็นกลุ่มคนที่สร้างปัญหาให้แก่สังคมไทย โดยเฉพาะการขับไล่นายสมัครให้พ้นจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ถือเป็นการกระทำที่ไม่ถูกต้อง เพราะประชาชนที่สนับสนุนรัฐบาลเห็นว่า สถานการณ์ขณะนี้ไม่มีเหตุผลอะไรที่นายสมัคร จะลาออกหรือยุบสภาการเคลื่อนไหวดังกล่าวจึงเป็นการแสดงจุดยืนว่าในสังคมไทยก็ยังมีคนที่สนับสนุนรัฐบาล
มีรายงานข่าวเปิดเผยว่า การเกณฑ์ชาวบ้านให้ออกมาเคลื่อนไหวดังกล่าวมีการจ่ายเงินให้แก่ผู้ที่เข้ามาร่วมชุมนุมหัวละ 400 บาท แต่มีการจ่ายจริงเพียงหัวละ 100 บาท ซึ่งโดนแกนนำหักค่าหัวคิวไป 300 บาท โดยการเกณฑ์ชาวบ้านครั้งนี้มีนักการเมืองในพื้นที่สนับสนุนอยู่เบื้องหลัง นอกจากนี้ยังได้ให้มีการเกณฑ์คนเข้าไปสนับสนุน นปก.ที่กรุงเทพฯด้วยประมาณ 1,000 คน
อดสู!สั่งเกณฑ์ นศ.มาหนุน
ส่วนที่สนามหน้าศาลากลางจังหวัดหนองคายได้มีนักเรียน นักศึกษาจากวิทยาลัยอาชีวศึกษาหนองคายและวิทยาลัยเทคนิคหนองคายราว 500 คน และชาวบ้านประมาณ 50 คนนำโดยนางดวงใจ สุนทรชัย ภรรยาของว่าที่ร้อยตรีพงศ์พันธ์ สุนทรชัย ส.ส.หนองคายเขต 1 พปช.และสมาชิกกลุ่มคนรักอุดรนำรถเครื่องเสียงและป้ายข้อความต่างๆ มาแสดงเจตนารมณ์ในการให้กำลังใจนายสมัคร
พร้อมทั้งป้ายข้อความโจมตีกลุ่มพันธมิตรฯหลากหลายข้อความ โดยมีนายขวัญชัย ไพรพนา จากชมรมคนรักอุดร มาร่วมสังเกตการณ์ในครั้งนี้ด้วย แต่ไม่ได้ขึ้นกล่าวปราศรัย แต่ได้ส่งตัวแทนคือนายคมสันต์ ไม่ทราบนามสกุล สมาชิกในกลุ่มชมรมคนรักอุดร กล่าวปราศรัยชื่นชมการทำงานของรัฐบาล และกล่าวโจมตีการกระทำของกลุ่มพันธมิตรฯ
พร้อมกันนี้ได้เชิญนายเจด็จ มุสิกวงศ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดหนองคาย ลงมาพบเพื่อยื่นจดหมายเปิดผนึก โดยมีนางวาสนา ภะกะยะ เป็นตัวแทนประชาชนอ่านจดหมายเปิดผนึก
ภายหลังรับจดหมายเปิดผนึกผู้ว่าราชการจังหวัดหนองคาย ได้กล่าวกับผู้ที่มาแสดงพลังว่าจะรีบส่งแฟกซ์จดหมายเปิดผนึกดังกล่าวไปยังสำนักนายกรัฐมนตรีภายใน 15 นาที และขอบคุณชาวหนองคายที่มาร่วมแสดงออกอย่างสันติวิธี ดำเนินการอย่างเรียบร้อย ก่อนที่จะพากันแยกย้ายกันไป
อาจารย์ท่านหนึ่งแจ้งว่า เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมาทางจังหวัดได้ติดต่อไปถึงผู้อำนวยการวิทยาลัยฯ ให้นำนักศึกษาทุกคนของสถาบันมาร่วมรณรงค์ประชาธิปไตยที่ศาลากลางจังหวัด แล้วผู้อำนวยการได้แจ้งให้อาจารย์ทุกคนทราบและนำนักศึกษามา ซึ่งเบื้องต้นคาดว่ามีนักศึกษาประมาณ 2,000 คนเข้าร่วมชุมนุม
แต่พอถึงเวลาจริงมาร่วมกิจกรรมประมาณ 500 คน เนื่องจากอากาศร้อนจัด และให้นักเรียน นักศึกษา จัดแถวตากแดด ทำให้นักศึกษาส่วนใหญ่แตกฮือพากันเดินทางกลับทันที โดยที่ทางวิทยาลัยเองไม่ทราบล่วงหน้ามาก่อน ว่าจะมีภาคนักการเมืองท้องถิ่นหรือกลุ่มรักอุดรเข้ามาเกี่ยวข้อง
กลุ่มคนรักสุรินทร์หนุน"คนบ้า"
ส่วนที่บริเวณสนามหน้าศาลากลางจังหวัดสุรินทร์ กลุ่มคนรักประชาธิปไตยจังหวัดสุรินทร์ นำโดยนายวีรศักดิ์ จันนิดา และกลุ่มเกษตรกรชาวไร่อ้อย นำโดยนายถาวร กมล ได้นำมวลชนจาก 17 อำเภอของ จ.สุรินทร์ มารวมตัวกันเพื่อแสดงเจตนารมณ์ไม่เห็นด้วยกับการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรฯที่ชุมนุมในทำเนียบฯ และไม่ยอมรับกับวิธีการของสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจที่หยุดงาน โดยเฉพาะการหยุดเดินรถไฟบางขบวน
พร้อมกันนี้ได้จัดเวทีปราศรัยให้กำลังใจการทำงานของนายสมัคร ให้ตั้งใจทำงานเพื่อบ้านเมืองต่อไป โดยไม่ต้องลาออกหรือยุบสภา ทั้งนี้ แกนนำได้ยื่นหนังสือแสดงเจตนารมณ์มอบให้นายวันชัย อุดมสิน รองผู้ว่าราชการจังหวัดสุรินทร์ รักษาราชการแทนผู้ว่าราชการจังหวัดสุรินทร์ เพื่อนำไปมอบให้แก่นายกรัฐมนตรีต่อไป
"ส.ส.ไข่ยี้ห้อย"ขู่ยกทัพบุกกรุง
นายสนอง เทพอักษรณรงค์ ส.ส.บุรีรัมย์ เขต 3 พปช.กล่าวว่า ประชาชนส่วนใหญ่ของประเทศ รวมถึงชาวบุรีรัมย์บางส่วน ไม่เห็นด้วยกับการกระทำของกลุ่มพันธมิตรฯที่ชุมนุมประท้วงสร้างความเสียหายให้แก่ประเทศชาติบ้านเมือง อย่างไรก็ตาม ขณะนี้จะยังไม่มีการเคลื่อนพลเข้ากรุงเทพฯ เพราะไม่อยากให้บ้านเมืองเกิดความวุ่นวาย แต่หากกลุ่มพันธมิตรฯก่อความรุนแรง หรือทำให้บ้านเมืองวุ่นวายมากกว่านี้ก็ยืนยันว่าจะเคลื่อนพลเข้ากรุงเทพฯ ทันที เพื่อแสดงจุดยืนว่าประชาชนไม่เห็นด้วยกับการกระทำดังกล่าว
ขรก.แปดริ้วจัดม็อบหนุนหมัก
เช้าวันเดียวกันที่บริเวณศาลาไทย หน้าศาลากลางจังหวัดฉะเชิงเทรา ได้มีกลุ่มคนสวมเสื้อสีขาวราว 1,000 คนอ้างตัวว่าเป็นกลุ่มพลังบริสุทธิ์ "ประชาชนชาวจังหวัดฉะเชิงเทราผู้เป็นเจ้าของอำนาจอธิปไตย" เดินทางมารวมตัวชุมนุมตั้งเวทีปราศรัยขนาดใหญ่ กล่าวโจมตีการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรฯสนับสนุนการทำงานของรัฐบาลนายสมัคร
โดยมีจุดประสงค์ และเป้าหมายรวม 4 ข้อ คือ การมาเคลื่อนไหวชุมนุมครั้งนี้เพื่อเป็นการมาชุมนุมให้กำลังใจต่อนายสมัคร ให้เป็นผู้นำบริหารประเทศต่อไป, เรียกร้องให้รัฐบาลใช้อำนาจตามกฎหมาย จัดการกับกลุ่มบุคคลที่ละเมิดกฎหมาย (พันธมิตรฯ) อย่างเด็ดขาด และขอให้กำลังใจต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจ ที่ปฏิบัติหน้าที่รักษาความสงบ โดยเรียกร้องให้รักษากฎหมายอย่างเคร่งคัด, การชุมนุมครั้งนี้ เพื่อเป็นการแสดงพลังให้กำลังใจรัฐบาล ในการบังคับใช้กฎหมาย เพื่อนำความสงบสุขของบ้านเมืองกลับคืนมา
หลังจากนั้นได้ให้ตัวแทนของผู้ชุมนุม คือ น.ส.ธารนภัทร เนตรกิจเจริญ อายุ 42 ปี อยู่บ้านเลขที่ 115 ถ.นรกิจ ต.หน้าเมือง อ.เมืองฉะเชิงเทรา เป็นตัวแทนยื่นหนังสือจดหมายเปิดผนึกถึงนายสมัคร ผ่านนายอานนท์ พรหมนารท ผู้ว่าราชการจังหวัดฉะเชิงเทรา เพื่อส่งถึงนายกรัฐมนตรีโดยการชุมนุมได้ใช้เวลาประมาณ 2 ชม.จึงสลายตัวกลับ
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า สำหรับผู้ที่เดินทางมาร่วมชุมนุมในครั้งนี้ส่วนใหญ่เป็นข้าราชการฝ่ายปกครอง ในแต่ละอำเภอ ซึ่งมีนายอำเภอเกือบทุกท้องที่เดินทางมาเป็นแกนนำ รวมทั้งยังมีนักการเมืองท้องถิ่น ผู้นำชุมชน กำนันผู้ใหญ่บ้าน และนักเคลื่อนไหวประจำถิ่นที่เป็นที่รู้จักคุ้นหน้าตาอยู่ในพื้นที่และระหว่างการชุมนุมได้มีการนำหุ่นฟางของ 5 แกนนำพันธมิตรฯออกมาเผาทำลายท่ามกลางการชุมนุมอีกด้วย
นักการเมืองลพบุรีม็อบหนุน
ผู้สื่อข่าวรายงานจาก จ.ลพบุรีว่า วานนี้นักการเมืองในฝ่ายรัฐบาลได้เกณฑ์หัวคะแนน กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน และประชาชนราว 3,000 คนออกมาเคลื่อนไหวชุมนุมให้กำลังใจนายสมัคร สุนทรเวช ที่บริเวณหน้าศาลากลางจังหวัดลพบุรี พร้อมทั้งล่ารายชื่อประชาชนที่ให้การสนับสนุนรัฐบาลและนายสมัคร ให้นั่งทำงานเป็นนายกรัฐมนตรีต่อไป
นอกจากนี้ ทางผู้แทนนักการเมืองท้องถิ่นใน จ.ลพบุรี ยังได้นำคณะกำนันผู้ใหญ่บ้าน และผู้นำชุมชนทั้งหมดขึ้นรถไปสมทบกับกลุ่ม นปก.ที่สนามหลวง ทั้งนี้ มีรายงานข่าวว่า ในการเกณฑ์คนครั้งนี้มีการจ่ายค่าจ้างให้แก่ชาวบ้านด้วย