ผู้จัดการรายวัน – ไคร่า พลิกตลาดชุดชั้นในสู่สินค้าแฟชั่น เร่งสร้างแบรนด์ติดลมบน ปั้นซับแบรนด์ “ศรีริต้า เจนเซ่น ฟอร์ ไคร่า” ชูคอนเซปต์ชุดชั้นในแฟชั่นใส่ในชีวิตจริง หวังขยายกลุ่มนิชมาร์เก็ตสู่กลุ่มแมส ระเบิดคอลเลกชั่นทะลวงสาวไทย 3รูปแบบ พร้อมดึงศรีริต้า ดีไซเนอร์การันตีแบรนด์ สิ้นปีโต 25% กวาด 140-150 ล้านบาท
นางสาวศิวรักษ์ ศรีชวาลา กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไคร่า โมด จำกัด ผู้นำเข้าชุดชั้นในแบรนด์เพลย์บอยและไคร่า เปิดเผยว่า จากการดำเนินธุรกิจชุดชั้นในภายใต้แบรนด์ไคร่ามากว่า 3 ปี บริษัทฯต้องการสร้างแบรนด์ให้เป็นที่รู้จักในวงกว้างมากขึ้น ดังนั้นจึงได้เปิดตัวชุดชั้นในภายใต้ซับแบรนด์ “ศรีริต้า เจนเซ่น ฟอร์ ไคร่า” โดยวางโพซิชันนิ่งเป็นชุดชั้นในแฟชั่นสามารถสวมใส่ได้ในชีวิตประจำวันตามไลฟ์สไตล์ของกลุ่มเป้าหมายวัยทำงาน แตกต่างกับชุดชั้นในไคร่า ซึ่งเป็นชุดชั้นในนิชมาร์เก็ต เจาะกลุ่มเป้าหมายอายุ 20-40 ปีขึ้นไป และชุดชั้นในเพลย์บอย เจาะกลุ่มผู้หญิงอายุ 18-25 ปี
“ที่ผ่านมาเราทำแบรนด์ไคร่า โดยวางโพซิชั่นนิ่งเป็นชุดชั้นในแฟชั่น แต่ด้วยดีไซน์ทำให้ไม่สามารถใส่ได้ในชีวิตจริง เราจึงได้กลุ่มเป้าหมายเฉพาะบางกลุ่มเท่านั้น เป้าหมายเราต้องการสร้างแบรนด์เป็นที่รู้จัก และเกิดการทดลอง เพราะตลาดชุดชั้นในลูกค้ามีแบรนด์รอยัลตี้สูง เลือกซื้อเพราะคุ้นเคย แม้ว่าเราจะขึ้นเป็นผู้นำ 1 ใน 3 ของชุดชั้นในแฟชั่น แต่ในแง่ของยอดขายทำไม่ได้ ดังนั้นเพื่อให้ยอดขายที่เพิ่มมากขึ้น จึงต้องขยายตลาดแมสให้มากขึ้น และมีคอลเลกชันพื้นฐานเพิ่มขึ้น”
บริษัทฯได้ใช้งบการตลาด 10 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีที่ผ่านมาเท่าตัว โดยการทำตลาดบริษัทฯได้นำศรีริต้า เจนเซ่น มาเป็นดีไซน์เนอร์ชุดชั้นใน ซึ่งคอลเลกชั่นถูกออกแบบให้มีลักษณะการใช้งานที่แตกต่างกัน เพื่อสร้างตลาดชุดชั้นใหม่จากใส่ข้างในอย่างเดียวสู่ชุดชั้นในแฟชั่น ซึ่งขณะนี้ในตลาดยังไม่มีคู่แข่งที่ทำตลาดในลักษณะดังกล่าว โดยมีด้วยกัน 3 แบบ ได้แก่ แบบแรก Everyday Vogue ชุดชั้นในใส่ทำงาน แบบ Catwalk ชุดชั้นในสไตล์เซ็กซี่ และ แบบ Celebutante ชุดชั้นในแนวหรูหรา ซึ่งในช่วงแรกจะเปิดตัว 8 คอลเลกชัน และทยอยเปิดตัว 5 คอลเลกชัน โดยวางราคาระดับกลางทั้งเซ็ตตั้งแต่ 900-1,600 บาท ใกล้เคียงกับสินค้าคู่แข่งบีเอสซี มอร์แกน
แนวโน้มตลาดชุดชั้นในแข่งขันรุนแรง ทั้งในแง่ของการออกแบบโดยมีคอลเลกชันใหม่ๆ เปิดตัวอย่างต่อเนื่อง ตลอดจนการแข่งขันทำโปรโมชันซึ่งปีนี้มีความรุนแรงมาก โดยช่วงที่ผ่านมาบริษัทฯเพิ่มความถี่ในการทำโปรโมชัน 7-8 ครั้ง จากเมื่อปีที่ผ่านมา 4-5 ครั้งเท่านั้น เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจไม่มี ผู้บริโภคระมัดระวังการจับจ่ายใช้สอย โดยพบว่าอัตราการซื้อต่อบิลของบริษัทฯลดลงจาก 4,000-5,000 บาทต่อบิลต่อครั้ง เหลือเป็น 1,000 บาทต่อบิลต่อครั้ง ซึ่งบริษัทกังวลการแข่งขันทำโปรโมชันกันมากขึ้น อาจส่งผลเสียภาพลักษณ์ของแบรนด์
นางสาวศิวรักษ์ กล่าวว่า ขณะนี้ยังไม่มีแผนขยายจุดจำหน่าย จากปัจจุบันมี 30 แห่ง โดยการเปิดสาขาจะไปตามห้างสรรพสินค้าที่เปิดใหม่ นอกจากนี้บริษัทยังฯได้วางแผนส่งออก ศรีริต้า เจนเซ่น ฟอร์ ไคร่า ไปยังตลาดต่างประเทศ เช่นเดียวกับไคร่าที่ส่งออกไปแล้วในหลายประเทศ สำหรับผลประกอบการปีนี้บริษัทฯตั้งเป้าเติบโต 25% หรือมีรายได้ 140-150 ล้านบาท จากปีที่ผ่านมามีรายได้ 100 ล้านบาท ในช่วง 7 เดือนที่ผ่านมา เติบโตเกือบ 20% และจากการเปิดตัวซับแบรนด์ ศรีริต้า เจนเซ่น ฟอร์ ไคร่า ในช่วง 4 เดือนมียอดขาย 12-15 ล้านบาท และผลักดันให้แบรนด์ไคร่า มีรายได้ 35 ล้านบาท ที่เหลือกว่า 100 ล้านบาท เป็น เพลย์บอย
นางสาวศิวรักษ์ ศรีชวาลา กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไคร่า โมด จำกัด ผู้นำเข้าชุดชั้นในแบรนด์เพลย์บอยและไคร่า เปิดเผยว่า จากการดำเนินธุรกิจชุดชั้นในภายใต้แบรนด์ไคร่ามากว่า 3 ปี บริษัทฯต้องการสร้างแบรนด์ให้เป็นที่รู้จักในวงกว้างมากขึ้น ดังนั้นจึงได้เปิดตัวชุดชั้นในภายใต้ซับแบรนด์ “ศรีริต้า เจนเซ่น ฟอร์ ไคร่า” โดยวางโพซิชันนิ่งเป็นชุดชั้นในแฟชั่นสามารถสวมใส่ได้ในชีวิตประจำวันตามไลฟ์สไตล์ของกลุ่มเป้าหมายวัยทำงาน แตกต่างกับชุดชั้นในไคร่า ซึ่งเป็นชุดชั้นในนิชมาร์เก็ต เจาะกลุ่มเป้าหมายอายุ 20-40 ปีขึ้นไป และชุดชั้นในเพลย์บอย เจาะกลุ่มผู้หญิงอายุ 18-25 ปี
“ที่ผ่านมาเราทำแบรนด์ไคร่า โดยวางโพซิชั่นนิ่งเป็นชุดชั้นในแฟชั่น แต่ด้วยดีไซน์ทำให้ไม่สามารถใส่ได้ในชีวิตจริง เราจึงได้กลุ่มเป้าหมายเฉพาะบางกลุ่มเท่านั้น เป้าหมายเราต้องการสร้างแบรนด์เป็นที่รู้จัก และเกิดการทดลอง เพราะตลาดชุดชั้นในลูกค้ามีแบรนด์รอยัลตี้สูง เลือกซื้อเพราะคุ้นเคย แม้ว่าเราจะขึ้นเป็นผู้นำ 1 ใน 3 ของชุดชั้นในแฟชั่น แต่ในแง่ของยอดขายทำไม่ได้ ดังนั้นเพื่อให้ยอดขายที่เพิ่มมากขึ้น จึงต้องขยายตลาดแมสให้มากขึ้น และมีคอลเลกชันพื้นฐานเพิ่มขึ้น”
บริษัทฯได้ใช้งบการตลาด 10 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีที่ผ่านมาเท่าตัว โดยการทำตลาดบริษัทฯได้นำศรีริต้า เจนเซ่น มาเป็นดีไซน์เนอร์ชุดชั้นใน ซึ่งคอลเลกชั่นถูกออกแบบให้มีลักษณะการใช้งานที่แตกต่างกัน เพื่อสร้างตลาดชุดชั้นใหม่จากใส่ข้างในอย่างเดียวสู่ชุดชั้นในแฟชั่น ซึ่งขณะนี้ในตลาดยังไม่มีคู่แข่งที่ทำตลาดในลักษณะดังกล่าว โดยมีด้วยกัน 3 แบบ ได้แก่ แบบแรก Everyday Vogue ชุดชั้นในใส่ทำงาน แบบ Catwalk ชุดชั้นในสไตล์เซ็กซี่ และ แบบ Celebutante ชุดชั้นในแนวหรูหรา ซึ่งในช่วงแรกจะเปิดตัว 8 คอลเลกชัน และทยอยเปิดตัว 5 คอลเลกชัน โดยวางราคาระดับกลางทั้งเซ็ตตั้งแต่ 900-1,600 บาท ใกล้เคียงกับสินค้าคู่แข่งบีเอสซี มอร์แกน
แนวโน้มตลาดชุดชั้นในแข่งขันรุนแรง ทั้งในแง่ของการออกแบบโดยมีคอลเลกชันใหม่ๆ เปิดตัวอย่างต่อเนื่อง ตลอดจนการแข่งขันทำโปรโมชันซึ่งปีนี้มีความรุนแรงมาก โดยช่วงที่ผ่านมาบริษัทฯเพิ่มความถี่ในการทำโปรโมชัน 7-8 ครั้ง จากเมื่อปีที่ผ่านมา 4-5 ครั้งเท่านั้น เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจไม่มี ผู้บริโภคระมัดระวังการจับจ่ายใช้สอย โดยพบว่าอัตราการซื้อต่อบิลของบริษัทฯลดลงจาก 4,000-5,000 บาทต่อบิลต่อครั้ง เหลือเป็น 1,000 บาทต่อบิลต่อครั้ง ซึ่งบริษัทกังวลการแข่งขันทำโปรโมชันกันมากขึ้น อาจส่งผลเสียภาพลักษณ์ของแบรนด์
นางสาวศิวรักษ์ กล่าวว่า ขณะนี้ยังไม่มีแผนขยายจุดจำหน่าย จากปัจจุบันมี 30 แห่ง โดยการเปิดสาขาจะไปตามห้างสรรพสินค้าที่เปิดใหม่ นอกจากนี้บริษัทยังฯได้วางแผนส่งออก ศรีริต้า เจนเซ่น ฟอร์ ไคร่า ไปยังตลาดต่างประเทศ เช่นเดียวกับไคร่าที่ส่งออกไปแล้วในหลายประเทศ สำหรับผลประกอบการปีนี้บริษัทฯตั้งเป้าเติบโต 25% หรือมีรายได้ 140-150 ล้านบาท จากปีที่ผ่านมามีรายได้ 100 ล้านบาท ในช่วง 7 เดือนที่ผ่านมา เติบโตเกือบ 20% และจากการเปิดตัวซับแบรนด์ ศรีริต้า เจนเซ่น ฟอร์ ไคร่า ในช่วง 4 เดือนมียอดขาย 12-15 ล้านบาท และผลักดันให้แบรนด์ไคร่า มีรายได้ 35 ล้านบาท ที่เหลือกว่า 100 ล้านบาท เป็น เพลย์บอย