ผู้จัดการรายวัน - นายตัน ภาสกรนที กรรมการผู้จัดการ บริษัท โออิชิ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า จากปัญหาการเมืองและความวุ่นวายที่เกิดขึ้น เชื่อว่าทุกอย่างมีทางออก อีกไม่นานทุกอย่างก็จะจบลง ยกเว้นหากเกิดการปฏิวัติ เพราะหากสถานการณ์เปลี่ยนไปเช่นนั้น ภาพของนโยบายทางเศรษฐกิจจะเปลี่ยนไปทันที ในส่วนของโออิชิ ยังไม่คิดที่จะมีการปรับแผนการดำเนินธุรกิจแต่อย่างไร โดยในครึ่งปีหลังนี้ บริษัทฯมีแผนที่จะมีการทำโฆษณาประชาสัมพันธ์ทางสื่อโทรทัศน์ให้กับเครื่องดื่ม อะมิโน โอเค ภายใต้งบประมาณ 10 ล้านบาท
สำหรับเครื่องดื่ม อะมิโน โอเค ตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา บริษัทฯยังไม่ได้มีการทำตลาดและทำโฆษณาประชาสัมพันธ์ แต่กลับพบว่าอะมิโนโอเค สามารถครองความเป็นผู้นำตลาดเครื่องดื่มฟังก์ชันนอลดิ้งก์ มูลค่า 200 ล้านบาท ซึ่งในตลาดมีผู้เล่นอยู่ 3 แบรนด์ คือ อะมิโน โอเค, บี-อิงค์ และ ไอเฟิร์ม จึงมองว่าอะมิโน โอเคมีความแข็งแกร่งพอสมควร โดยเฉพาะช่องทางร้านเซเว่นอีเลฟเว่น สร้างรายได้ให้กว่า 80% ส่วนอีก 20% มาจากร้านค้าทั่วไป ดังนั้นการที่หันมาทำโฆษณาทางโทรทัศน์ครั้งนี้ เชื่อว่าจะกระตุ้นให้ยอดขายให้เติบโตขึ้นได้อย่างน้อยอีก 1-2 เท่าตัว
ขณะที่ ในส่วนของตลาดเครื่องดื่มชาพร้อมดื่ม โออิชิ ครองส่วนแบ่งกว่า 64% เป็นผู้นำตลาด รองลงมาคือ แบรนด์ เพียวริคุ อันดับสาม คือ ลิปตัน ส่วนอันดีสี่ คือ นะมาชะ
สำหรับเครื่องดื่ม อะมิโน โอเค ตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา บริษัทฯยังไม่ได้มีการทำตลาดและทำโฆษณาประชาสัมพันธ์ แต่กลับพบว่าอะมิโนโอเค สามารถครองความเป็นผู้นำตลาดเครื่องดื่มฟังก์ชันนอลดิ้งก์ มูลค่า 200 ล้านบาท ซึ่งในตลาดมีผู้เล่นอยู่ 3 แบรนด์ คือ อะมิโน โอเค, บี-อิงค์ และ ไอเฟิร์ม จึงมองว่าอะมิโน โอเคมีความแข็งแกร่งพอสมควร โดยเฉพาะช่องทางร้านเซเว่นอีเลฟเว่น สร้างรายได้ให้กว่า 80% ส่วนอีก 20% มาจากร้านค้าทั่วไป ดังนั้นการที่หันมาทำโฆษณาทางโทรทัศน์ครั้งนี้ เชื่อว่าจะกระตุ้นให้ยอดขายให้เติบโตขึ้นได้อย่างน้อยอีก 1-2 เท่าตัว
ขณะที่ ในส่วนของตลาดเครื่องดื่มชาพร้อมดื่ม โออิชิ ครองส่วนแบ่งกว่า 64% เป็นผู้นำตลาด รองลงมาคือ แบรนด์ เพียวริคุ อันดับสาม คือ ลิปตัน ส่วนอันดีสี่ คือ นะมาชะ