เอเอฟพี - ฮิลลารี คลินตัน ได้รับการต้อนรับอย่างอบอุ่นในการกล่าวสุนทรพจน์ต่อที่ประชุมใหญ่พรรคเดโมแครตเมื่อวันอังคาร (26) พร้อมสั่งการให้บรรดาผู้สนับสนุนเธอรักษาเอกภาพของพรรคโดยร่วมมือกันสนับสนุนบารัค โอบามาเพื่อชิงเก้าอี้ทำเนียบขาว ด้านรีพับลิกันโต้กลับทันทีว่าสุนทรพจน์ไม่พูดถึงความพร้อมของโอบามาในตำแหน่งผู้นำเหล่าทัพ
"ไม่ว่าท่านจะลงคะแนนให้ดิฉัน หรือให้บารัค ขณะนี้เป็นเวลาที่พวกเราต้องประสานสามัคคีภายในพรรคเพื่อเป้าหมายเพียงหนึ่งเดียว" คลินตันประกาศ
"พวกเราอยู่ในทีมเดียวกัน และไม่มีใครที่จะไปหลบอยู่ข้างสนาม" คลินตันให้คำมั่นว่าจะช่วยพรรคเพื่อเลือกคนที่ขัดขวางไม่ให้เธอบรรลุความฝันที่จะเป็นประธานาธิบดีหญิงคนแรกของอเมริกา แต่เป็นคนที่จะสร้างประวัติศาสตร์ของตัวเองด้วยการเป็นผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีที่เป็นคนผิวสีคนแรกของประเทศ
นอกจากนั้น คลินตันยังบอกกับผู้คนหลายพันในที่ประชุม และผู้สนับสนุนเธอซึ่งเป็นกลุ่มผู้หญิงและผู้ใช้แรงงานอีกนับล้านที่เฝ้าชมโทรทัศน์ว่า แม้ว่าการแข่งขันในช่วงการเลือกตั้งขั้นต้นระหว่างเธอกับโอบามาจะเป็นไปอย่างดุเดือด แต่ "บารัคคือคนที่ดิฉันจะเลือก และเขาต้องเป็นประธานาธิบดีของเรา"
อย่างไรก็ตาม เมื่อย้อนรำลึกถึงความหลังบนเส้นทางการหาเสียงหลายพันไมล์ อีกทั้งการกล่าวปราศรัยอีกนับพันครั้ง ซึ่งมาลงเอยด้วยการที่โอบามาได้เป็นผู้ได้รับการเสนอชิงตำแหน่งประธานาธิบดีของสหรัฐฯ คลินตันก็กล่าวว่า
"พวกคุณสอนอะไรดิฉันมากมาย พวกคุณทำให้ดิฉันได้หัวเราะ และก็ ... ทำให้ร้องไห้ด้วย พวกคุณทำให้ดิฉันเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตพวกคุณ และพวกคุณก็เป็นส่วนหนึ่งของชีวิตของดิฉันเช่นกัน"
ด้านโอบามาก็กล่าวชมว่าสุนทรพจน์ของคลินตันนั้นช่วยสร้างเอกภาพภายในพรรคได้อย่าง "สำคัญ" เขาบอกอีกว่า "เป็นสุนทรพจน์ที่ดีเลิศและมีพลัง เธออธิบายได้ชัดเจนถึงเหตุผลที่เราจะต้องมีความเป็นเอกภาพในการเลือกตั้งเดือนพฤศจิกายนนี้ รวมทั้งเหตุผลที่เราต้องชนะการเลือกตั้งด้วย"
นอกจากนั้น คลินตันยังเล่าถึงที่ทางของเธอในประวัติศาสตร์ว่า ตอนที่แม่เธอเกิดนั้น ผู้หญิงยังไม่มีสิทธิลงคะแนนเลือกตั้ง แต่ได้เห็นหลานสาวของตนเลือกผู้หญิงเป็นประธานาธิบดี
"นี่คือประวัติศาสตร์ของอเมริกา ของผู้คนทั้งหญิงและชายซึ่งกล้าท้าทายแม้ถูกระบุว่าเป็นฝ่ายเสียเปรียบ และไม่เคยยอมพ่ายแพ้"
ยิ่งกว่านั้น คลินตันยังได้เล่นงานจอห์น แมคเคนแห่งพรรครีพับลิกันโดยกล่าวว่าเขาเป็น "คู่แฝด" ของประธานาธิบดีจอร์จ ดับเบิลยู บุช ที่ประชาชนไม่ชื่นชมอีกแล้ว และยังว่าแมคเคนนั้นยืนกรานใช้นโยบาย "เพิ่มสงคราม ลดการเจรจาทางการทูต" รวมทั้ง "เฉื่อยชาทางเศรษฐกิจ และตัดงบประมาณด้านการรักษาพยาบาล"
อดีตสตรีหมายเลขหนึ่งบอกอีกว่า เธอไม่ได้ใช้เวลา "35 ปีในสนามเพลาะ" เพียงเพื่อจะมาลำบากลำบนกับ "ผู้นำที่ล้มเหลว" จากพรรครีพับลิกัน
"ไม่มีทาง และไม่ว่ายังไงก็ตาม ต้องไม่เอาแมคเคน" เธอบอก
อย่างไรก็ตาม คำกล่าวของคลินตันส่วนใหญ่จะเน้นไปที่ความสัมพันธ์กับโอบามาในทางการเมืองมากกว่าในเชิงส่วนตัว อีกทั้งเธอก็ไม่ได้พูดว่าโอบามานั้นพร้อมแล้วที่รับผิดชอบตำแหน่งผู้บัญชาการเหล่าทัพ
ประเด็นนี้จึงเป็นประเด็นที่ทีมหาเสียงของรีพับลิกันโจมตีกลับทันทีว่า ในสุนทรพจน์ของคลินตัน ไม่มีการระบุแม้แต่น้อยว่าโอบามาพร้อมที่จะเป็นผู้บัญชาการเหล่าทัพ ซึ่งแสดงว่า "ทั้งผู้สนับสนุนคลินตันนับล้านๆ และคนอเมริกันอีกมากมาย ต่างก็วิตกว่าบารัค โอบามาพร้อมจะเป็นประธานาธิบดีหรือไม่"
ทั้งนี้ การประชุมใหญ่ในวันที่สองมีขึ้นพร้อมกับการเฝ้าจับตาดูอย่างใกล้ชิดว่า คลินตันนั้นเต็มใจที่จะประสานรอยร้าวภายในพรรคจริงหรือไม่ ซึ่งปรากฏว่าคลินตันก็ได้กล่าวชมโอบามาตั้งแต่ประโยคแรกๆ ของเธอเลยทีเดียว ส่วนในวันพุธ บิล คลินตัน อดีตประธานาธิบดีสหรัฐฯ ก็มีกำหนดขึ้นกล่าวสุนทรพจน์ในที่ประชุมพรรคเช่นกัน
"ไม่ว่าท่านจะลงคะแนนให้ดิฉัน หรือให้บารัค ขณะนี้เป็นเวลาที่พวกเราต้องประสานสามัคคีภายในพรรคเพื่อเป้าหมายเพียงหนึ่งเดียว" คลินตันประกาศ
"พวกเราอยู่ในทีมเดียวกัน และไม่มีใครที่จะไปหลบอยู่ข้างสนาม" คลินตันให้คำมั่นว่าจะช่วยพรรคเพื่อเลือกคนที่ขัดขวางไม่ให้เธอบรรลุความฝันที่จะเป็นประธานาธิบดีหญิงคนแรกของอเมริกา แต่เป็นคนที่จะสร้างประวัติศาสตร์ของตัวเองด้วยการเป็นผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีที่เป็นคนผิวสีคนแรกของประเทศ
นอกจากนั้น คลินตันยังบอกกับผู้คนหลายพันในที่ประชุม และผู้สนับสนุนเธอซึ่งเป็นกลุ่มผู้หญิงและผู้ใช้แรงงานอีกนับล้านที่เฝ้าชมโทรทัศน์ว่า แม้ว่าการแข่งขันในช่วงการเลือกตั้งขั้นต้นระหว่างเธอกับโอบามาจะเป็นไปอย่างดุเดือด แต่ "บารัคคือคนที่ดิฉันจะเลือก และเขาต้องเป็นประธานาธิบดีของเรา"
อย่างไรก็ตาม เมื่อย้อนรำลึกถึงความหลังบนเส้นทางการหาเสียงหลายพันไมล์ อีกทั้งการกล่าวปราศรัยอีกนับพันครั้ง ซึ่งมาลงเอยด้วยการที่โอบามาได้เป็นผู้ได้รับการเสนอชิงตำแหน่งประธานาธิบดีของสหรัฐฯ คลินตันก็กล่าวว่า
"พวกคุณสอนอะไรดิฉันมากมาย พวกคุณทำให้ดิฉันได้หัวเราะ และก็ ... ทำให้ร้องไห้ด้วย พวกคุณทำให้ดิฉันเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตพวกคุณ และพวกคุณก็เป็นส่วนหนึ่งของชีวิตของดิฉันเช่นกัน"
ด้านโอบามาก็กล่าวชมว่าสุนทรพจน์ของคลินตันนั้นช่วยสร้างเอกภาพภายในพรรคได้อย่าง "สำคัญ" เขาบอกอีกว่า "เป็นสุนทรพจน์ที่ดีเลิศและมีพลัง เธออธิบายได้ชัดเจนถึงเหตุผลที่เราจะต้องมีความเป็นเอกภาพในการเลือกตั้งเดือนพฤศจิกายนนี้ รวมทั้งเหตุผลที่เราต้องชนะการเลือกตั้งด้วย"
นอกจากนั้น คลินตันยังเล่าถึงที่ทางของเธอในประวัติศาสตร์ว่า ตอนที่แม่เธอเกิดนั้น ผู้หญิงยังไม่มีสิทธิลงคะแนนเลือกตั้ง แต่ได้เห็นหลานสาวของตนเลือกผู้หญิงเป็นประธานาธิบดี
"นี่คือประวัติศาสตร์ของอเมริกา ของผู้คนทั้งหญิงและชายซึ่งกล้าท้าทายแม้ถูกระบุว่าเป็นฝ่ายเสียเปรียบ และไม่เคยยอมพ่ายแพ้"
ยิ่งกว่านั้น คลินตันยังได้เล่นงานจอห์น แมคเคนแห่งพรรครีพับลิกันโดยกล่าวว่าเขาเป็น "คู่แฝด" ของประธานาธิบดีจอร์จ ดับเบิลยู บุช ที่ประชาชนไม่ชื่นชมอีกแล้ว และยังว่าแมคเคนนั้นยืนกรานใช้นโยบาย "เพิ่มสงคราม ลดการเจรจาทางการทูต" รวมทั้ง "เฉื่อยชาทางเศรษฐกิจ และตัดงบประมาณด้านการรักษาพยาบาล"
อดีตสตรีหมายเลขหนึ่งบอกอีกว่า เธอไม่ได้ใช้เวลา "35 ปีในสนามเพลาะ" เพียงเพื่อจะมาลำบากลำบนกับ "ผู้นำที่ล้มเหลว" จากพรรครีพับลิกัน
"ไม่มีทาง และไม่ว่ายังไงก็ตาม ต้องไม่เอาแมคเคน" เธอบอก
อย่างไรก็ตาม คำกล่าวของคลินตันส่วนใหญ่จะเน้นไปที่ความสัมพันธ์กับโอบามาในทางการเมืองมากกว่าในเชิงส่วนตัว อีกทั้งเธอก็ไม่ได้พูดว่าโอบามานั้นพร้อมแล้วที่รับผิดชอบตำแหน่งผู้บัญชาการเหล่าทัพ
ประเด็นนี้จึงเป็นประเด็นที่ทีมหาเสียงของรีพับลิกันโจมตีกลับทันทีว่า ในสุนทรพจน์ของคลินตัน ไม่มีการระบุแม้แต่น้อยว่าโอบามาพร้อมที่จะเป็นผู้บัญชาการเหล่าทัพ ซึ่งแสดงว่า "ทั้งผู้สนับสนุนคลินตันนับล้านๆ และคนอเมริกันอีกมากมาย ต่างก็วิตกว่าบารัค โอบามาพร้อมจะเป็นประธานาธิบดีหรือไม่"
ทั้งนี้ การประชุมใหญ่ในวันที่สองมีขึ้นพร้อมกับการเฝ้าจับตาดูอย่างใกล้ชิดว่า คลินตันนั้นเต็มใจที่จะประสานรอยร้าวภายในพรรคจริงหรือไม่ ซึ่งปรากฏว่าคลินตันก็ได้กล่าวชมโอบามาตั้งแต่ประโยคแรกๆ ของเธอเลยทีเดียว ส่วนในวันพุธ บิล คลินตัน อดีตประธานาธิบดีสหรัฐฯ ก็มีกำหนดขึ้นกล่าวสุนทรพจน์ในที่ประชุมพรรคเช่นกัน
