"โอบามา" และ "แมคเคน" รอลุ้นคำตัดสินจากผู้มีสิทธิออกเสียง ซึ่งมาลงคะแนนเลือกตั้งกันล้นหลามเมื่อวานนี้(4) คาดรู้ผลก่อนเที่ยงวันนี้(5)เวลาเมืองไทย สหรัฐฯจะได้โอบามาเป็นประธานาธิบดีผิวสีคนแรกอย่างที่โพลทุกสำนักชี้ หรือแมคเคนจะพลิกล็อกแซงโค้งตามที่คุยเอาไว้
บารัค โอบามา ผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ จากพรรคเดโมแครต และจอห์น แมคเคน ผู้สมัครจากพรรครีพับลิกัน ต่างรอคอยคำตัดสินจากผู้มีสิทธิออกเสียง หลังจากรณรงค์ขับเคี่ยวกันอย่างดุเดือดมาเป็นเวลายาวนานและใช้จ่ายเงินมหาศาล เพื่อชิงทำเนียบขาว โดยผลสำรวจความเห็นล่าสุดทุกสำนักระบุตรงกันว่าโอบามาเป็นฝ่ายมีคะแนนนำ
คาดหมายกันว่าชาวอเมริกันกว่า 130 ล้านคนจะออกมาใช้สิทธิเลือกประธานาธิบดี ซึ่งจะเข้ารับตำแหน่งสืบต่อจากจอร์จ ดับเบิลยู บุช และจะต้องเป็นผู้กำหนดทิศทางของประเทศในอีก 4 ปีข้างหน้า ท่ามกลางภาวะวิกฤตทางเศรษฐกิจ, ภาระการทำสงครามในอิรักและอัฟกานิสถาน, การยกเครื่องระบบสาธารณสุข และปัญหาอื่นๆ อีกมาก
เนื่องจากทั่วประเทศสหรัฐฯใช้เวลาที่ไม่ตรงกันโดยมีถึง 4 เขตเวลา กำหนดการเปิด-ปิดคูหาเลือกตั้งจึงแตกต่างกันไปด้วย โดยพื้นที่เกือบทั้งมลรัฐอินดิแอนา และส่วนตะวันออกของเคนทักกี จะปิดหีบเลือกตั้งก่อนที่อื่น คือในเวลา 18.00 น. อีเอสที (เวลาภาคตะวันออกของสหรัฐฯ) ซึ่งตรงกับ 6.00 น.วันพุธ(5) เวลาเมืองไทย จากนั้นดินแดนอื่นๆ ที่เหลือจะปิดหีบหมดสิ้นในอีก 6 ชั่วโมงถัดไป
แต่ถ้าหากนับมลรัฐที่ปิดการลงคะแนนทั้งพื้นที่มลรัฐก่อนใครๆ ก็จะมี 6 มลรัฐ ได้แก่ อินดีแอนา, เคนทักกี, จอร์เจีย, เซาท์แคโรไลนา, เวอร์มอนต์, และเวอร์จิเนีย โดยปิดในเวลา19.00 น. อีเอสที (ตรงกับ 7.00 น.วันพุธเวลาเมืองไทย)
อย่างไรก็ตาม คาดหมายกันว่าหากผลการเลือกตั้งไม่ได้เป็นไปอย่างคู่คี่ ก็น่าจะทราบผลค่อนข้างแน่นอนเด็ดขาดได้ตั้งแต่ก่อนเที่ยงวันนี้ตามเวลาเมืองไทย หรือก่อนการลงคะแนนจะเสร็จสิ้นที่อะแลสกา มลรัฐสุดท้ายที่จะปิดหีบเลือกตั้งในเวลา 1.00 น. อีเอสที วันพุธ (ตรงกับ 13.00 น.วันพุธ เวลาเมืองไทย)
โอบามา ซึ่งอยู่ในวัย 47 ปี และเป็นวุฒิสมาชิกสมัยแรกของมลรัฐอิลลินอยส์ ได้รับการคาดหมายว่าจะได้เป็นประธานาธิบดีผิวสีคนแรกของสหรัฐฯ โดยผลสำรวจความเห็นสำนักต่างๆ ชี้ว่าเขามีคะแนนนำแมคเคนในหลายมลรัฐที่เป็นสมรภูมิช่วงชิงกันอยู่ ซึ่งหากเป็นจริงแม้ไม่ต้องครบหมด ก็จะเพียงพอให้เขามีคะแนนคณะผู้เลือกตั้งถึง 270 เสียง อันเป็นคะแนนที่จำเป็นต้องได้มาเพื่อเข้าสู่ทำเนียบขาว
ส่วนแมคเคนในวัย 72 ปี หากได้ชัยชนะในครั้งนี้เขาจะเป็นประธานาธิบดีสหรัฐฯผู้มีอายุสูงสุดขณะเข้าสาบานตนรับตำแหน่งประธานาธิบดีในสมัยแรก และแซราห์ แพลินก็จะได้เป็นรองประธานาธิบดีหญิงคนแรกของสหรัฐฯ พร้อมกันด้วย
ดัชนีวัดภาพรวมตลาดหุ้นโลกวานนี้ ดีดตัวขึ้นสู่ระดับสูงสุดในรอบ 2 สัปดาห์ เมื่อนักลงทุนต่างให้ความสนใจกับการเลือกตั้งในอเมริกา โดยที่ดัชนีหุ้นอุตสาหกรรมดาวโจนส์ของตลาดวอลล์สตรีท พุ่งขึ้น 1.65% ตอนช่วงเปิดตลาด ท่ามกลางการมองโลกในแง่ดีว่าวิกฤตเศรษฐกิจจะคลี่คลายภายใต้ประธานาธิบดีคนใหม่
เห็นกันว่าถ้าพรรคเดโมแครตได้ครองทั้งทำเนียบขาว อีกทั้งคุมเสียงในรัฐสภาได้แน่นหนาขึ้นอีก ก็จะทำให้คณะรัฐบาลชุดใหม่สามารถจัดการกับวิกฤตคราวนี้ได้ง่ายขึ้น ซึ่งเทรดเดอร์บางคนแสดงความเห็นว่าต้องการให้เดโมแครตได้ชัยชนะอย่างชัดเจนเช่นนี้ และยุติความไม่แน่นอนทางการเมืองลงไป
ก่อนถึงวันลงคะแนน ประมาณกันว่ามีผู้ออกไปสิทธิล่วงหน้ากันแล้วถึงเกือบ 31 ล้านคน กระนั้นก็ตาม ตั้งแต่ช่วงเช้าวานนี้ก็มีผู้คนเข้าแถวยาวเหยียดเพื่อไปใช้สิทธิ ตามหน่วยเลือกตั้งบางแห่งในมลรัฐที่ถือเป็นสนามช่วงชิงสำคัญ อาทิ เพนซิลเวเนีย, โอไฮโอ, และเวอร์จิเนีย
โอบามาและ มิเชล ผู้เป็นภรรยา หลบหลีกการเข้าแถวที่หน่วยเลือกตั้งของพวกเขาในนครชิคาโก โดยเจ้าหน้าที่ยินยอมให้พวกเขาพร้อมบุตรสาว 2 คนเข้าทางด้านข้างเพื่อไปลงคะแนน เจ้าหน้าที่หน่วยเลือกตั้งและผู้ออกเสียงคนอื่นๆ ต่างถ่ายภาพและส่งเสียงเชียร์เมื่อมองเห็นผู้สมัครผิวสีผู้นี้
ทั้งโอบามาและแมคเคนต่างวางแผนที่จะรณรงค์หาเสียงต่อในวันเลือกตั้ง "เราจะทำงานอย่างหนักจนกระทั่งปิดหีบเลือกตั้ง" แมคเคน ซึ่งเป็นวุฒิสมาชิกของรัฐแอริโซนากล่าว
แมคเคนยอมรับว่าตัวเองตกเป็นเบี้ยล่างอยู่ แต่ก็ยืนยันว่าจะตีตื้นเอาชนะโอบามาได้ เขายุติการเดินสายหาเสียงข้ามประเทศรวม 7 มลรัฐที่มลรัฐบ้านเกิดในตอนเช้ามืดวันอังคาร โดยยังคงยืนกรานว่าเขาจะสามารถสร้างปรากฏการณ์พลิกล็อกครั้งมโหฬารที่สุดในประวัติศาสตร์การเมืองสมัยใหม่
ที่เมืองเพรสคอตต์ มลรัฐแอริโซนา เขาเตือนความทรงจำของผู้คนให้นึกถึงสถิติความโชคร้ายของผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีจากมลรัฐนี้ที่ผ่านมา พร้อมกับบอกว่า "วันพรุ่งนี้เราจะพลิกเรื่องร้ายให้กลายเป็นเรื่องดี และผมจะเป็นประธานาธิบดีของสหรัฐฯ"
ส่วนโอบามานั้นได้ชัยชนะที่เมืองดิกซ์วิลล์ น็อตช์ มลรัฐนิวแฮมป์เชียร์ ไปแล้ว โดยเมืองเล็กๆ แห่งนี้มีประเพณีเริ่มลงคะแนนเลือกตั้งประธานาธิบดีทันทีหลังเที่ยงคืน และผลการนับคะแนนปรากฏว่าโอบามาได้รับไป 15 เสียง ส่วนแมคเคนได้ 6 เสียง กลายเป็นผู้สมัครของเดโมแครตคนแรกที่ชนะในเมืองดังกล่าวนับจาก ฮิวเบิร์ต ฮัมฟรีย์ เมื่อปี 1968
ผู้สมัครทั้งสองรณรงค์หาเสียงในชั่วโมงท้ายๆ ก่อนวันเลือกตั้ง โดยโอบามามุ่งกล่าวหาแมคเคนว่า เป็นตัวแทนที่จะมาดำเนินนโยบายของบุชต่อไปเป็นสมัยที่สาม และจะเป็นอันตรายต่อเศรษฐกิจ
"เมื่อพูดถึงเรื่องเศรษฐกิจ ความจริงก็คือว่าจอห์น แมคเคนนั้นยืนอยู่ข้างประธานาธิบดีบุชในทุกขั้นตอน" โอบามาบอกกับผู้สนับสนุน 90,000 คนในการหาเสียงครั้งสุดท้ายที่เมืองมานาสซัส เวอร์จิเนีย ซึ่งเป็นรัฐที่เดโมแครตไม่เคยชนะการเลือกตั้งประธานาธิบดีนับตั้งแต่ปี 1964 เป็นต้นมา แต่ในคราวนี้โพลชี้ว่าโอบามามีคะแนนนำแมคเคนอยู่
ส่วนแมคเคนโจมตีโอบามาว่าเป็นพวกสังคมนิยม และยังกล่าวหาว่าเขาเป็น "เพื่อน" กับผู้ก่อการร้าย และสร้างภาพว่าโอบามาเป็นพวกเสรีนิยมที่จะมาขึ้นภาษี
"เขาเป็นพวกซ้ายสุดในการเมืองอเมริกัน และเขาก็ยืนอยู่ตรงนั้นแหละ" แมคเคนกล่าวที่เทนเนสซี
ทั้งนี้ ผลสำรวจความเห็นหลายสำนักระบุว่า โอบามานำหน้าหรือมีคะแนนคู่คี่กับแมคเคนในมลรัฐที่บุชเคยชนะในการเลือกตั้งปี 2004 อย่างน้อย 8 รัฐ ซึ่งรวมถึงรัฐที่มีคะแนนคณะผู้เลือกตั้งค่อนข้างมาก อย่างโอไฮโอและฟลอริดา ส่วนในมลรัฐที่จอห์น แคร์รีของเดโมแครตเคยมีชัยในปี 2004 นั้น โอบามาก็มีคะแนนนำแบบลอยลำในทุกรัฐ และหากโอบามาฝ่าด่านเข้าไปชิงคะแนนจากมลรัฐที่เป็นฐานเสียงของรีพับลิกันได้อีก เช่น เวอร์จิเนีย อินดีแอนา และนอร์ทแคโรไลนา ก็จะเป็นพลังขับดันเขาเข้าสู่ทำเนียบขาวอย่างแน่นอน
โอบามาขึ้นนำหน้าในการแข่งขันตั้งแต่เมื่อเดือนที่แล้วในช่วงที่วิกฤตการณ์ทางการเงินได้ขับเน้นให้เห็นถึงจุดแข็งของเขาทางด้านเศรษฐกิจ อีกทั้งในการโต้วาทีทั้ง 3 ยกที่ผ่านมา เขาก็ทำได้ดีอย่างต่อเนื่องจนผู้มีสิทธิเลือกตั้งส่วนหนึ่งคลายความคลางแคลงใจที่เคยมีต่อเขาลง
อย่างไรก็ตาม แมคเคนก็ดิ้นรนอย่างเต็มที่เพื่อสลัดตัวเองจากบุช ในภาวะที่พรรครีพับลิกันก็ตกที่นั่งลำบาก
ด้านพรรคเดโมแครตเองคาดหวังว่าจะเพิ่มจำนวนที่นั่งในสภาทั้งสองของคองเกรสให้ได้ด้วยในการเลือกตั้งครั้งนี้ โดยต้องการที่นั่งของวุฒิสมาชิกเพิ่มอีก 9 ที่นั่งเพื่อให้ครบจำนวน 60 ที่นั่ง ซึ่งจะเป็นเสียงข้างมากอย่างเด็ดขาด ที่จะทำให้ลงมติในเรื่องต่างๆ ได้โดยไม่ต้องกังวลกับเสียงคัดค้านจากรีพับลิกัน
ทั้งนี้ เดโมแครตมีแรงกดดันสูงในการต้องทำตามคำมั่นสัญญาในระหว่างการรณรงค์หาเสียง ไม่ว่าจะเรื่องการยุติสงครามในอิรัก การยกเลิกแนวทางลดภาษีของบุชที่เน้นช่วยคนรวย และยกเครื่องระบบสาธารณสุขที่ยังไม่ได้ครอบคลุมคนอเมริกันถึง 47 ล้านคน
ตัวโอบามานั้นเผชิญกับความทุกข์โศกครั้งใหญ่ในวันสุดท้ายของการรณรงค์หาเสียง เมื่อทราบข่าวว่า แมเดลิน ดันแฮม ยายผู้เลี้ยงดูเขามาได้เสียชีวิตด้วยโรคมะเร็งในเช้าวันนั้น ระหว่างการหาเสียงในวันเดียวกัน เขาหลั่งน้ำตาขณะที่กล่าวถึงการเสียชีวิตของยาย โดยเรียกเธอว่า เป็น "วีรบุรุษผู้ไม่เคยปริปากบ่น"
เห็นกันว่า จำนวนผู้ออกมาใช้สิทธิจะเป็นตัวกำหนดผลลัพธ์การเลือกตั้งครั้งนี้ด้วย และทีมรณรงค์หาเสียงของทั้งสองฝ่ายต่างก็ทุ่มเงินหลายล้านดอลลาร์เพื่อค้นให้พบผู้สนับสนุนตน ตลอดจนกระตุ้นให้คนเหล่านี้ออกไปลงคะแนนที่หน่วยเลือกตั้งให้ได้
ทีมหาเสียงของโอบามาดูจะใจชื้นขึ้นมาก หลังมีรายงานชี้ว่า พวกที่ออกไปใช้สิทธิเลือกตั้งล่วงหน้า ซึ่งปีนี้มีจำนวนมากเป็นพิเศษนั้น ส่วนใหญ่เป็นผู้สนับสนุนเดโมแครต
บารัค โอบามา ผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ จากพรรคเดโมแครต และจอห์น แมคเคน ผู้สมัครจากพรรครีพับลิกัน ต่างรอคอยคำตัดสินจากผู้มีสิทธิออกเสียง หลังจากรณรงค์ขับเคี่ยวกันอย่างดุเดือดมาเป็นเวลายาวนานและใช้จ่ายเงินมหาศาล เพื่อชิงทำเนียบขาว โดยผลสำรวจความเห็นล่าสุดทุกสำนักระบุตรงกันว่าโอบามาเป็นฝ่ายมีคะแนนนำ
คาดหมายกันว่าชาวอเมริกันกว่า 130 ล้านคนจะออกมาใช้สิทธิเลือกประธานาธิบดี ซึ่งจะเข้ารับตำแหน่งสืบต่อจากจอร์จ ดับเบิลยู บุช และจะต้องเป็นผู้กำหนดทิศทางของประเทศในอีก 4 ปีข้างหน้า ท่ามกลางภาวะวิกฤตทางเศรษฐกิจ, ภาระการทำสงครามในอิรักและอัฟกานิสถาน, การยกเครื่องระบบสาธารณสุข และปัญหาอื่นๆ อีกมาก
เนื่องจากทั่วประเทศสหรัฐฯใช้เวลาที่ไม่ตรงกันโดยมีถึง 4 เขตเวลา กำหนดการเปิด-ปิดคูหาเลือกตั้งจึงแตกต่างกันไปด้วย โดยพื้นที่เกือบทั้งมลรัฐอินดิแอนา และส่วนตะวันออกของเคนทักกี จะปิดหีบเลือกตั้งก่อนที่อื่น คือในเวลา 18.00 น. อีเอสที (เวลาภาคตะวันออกของสหรัฐฯ) ซึ่งตรงกับ 6.00 น.วันพุธ(5) เวลาเมืองไทย จากนั้นดินแดนอื่นๆ ที่เหลือจะปิดหีบหมดสิ้นในอีก 6 ชั่วโมงถัดไป
แต่ถ้าหากนับมลรัฐที่ปิดการลงคะแนนทั้งพื้นที่มลรัฐก่อนใครๆ ก็จะมี 6 มลรัฐ ได้แก่ อินดีแอนา, เคนทักกี, จอร์เจีย, เซาท์แคโรไลนา, เวอร์มอนต์, และเวอร์จิเนีย โดยปิดในเวลา19.00 น. อีเอสที (ตรงกับ 7.00 น.วันพุธเวลาเมืองไทย)
อย่างไรก็ตาม คาดหมายกันว่าหากผลการเลือกตั้งไม่ได้เป็นไปอย่างคู่คี่ ก็น่าจะทราบผลค่อนข้างแน่นอนเด็ดขาดได้ตั้งแต่ก่อนเที่ยงวันนี้ตามเวลาเมืองไทย หรือก่อนการลงคะแนนจะเสร็จสิ้นที่อะแลสกา มลรัฐสุดท้ายที่จะปิดหีบเลือกตั้งในเวลา 1.00 น. อีเอสที วันพุธ (ตรงกับ 13.00 น.วันพุธ เวลาเมืองไทย)
โอบามา ซึ่งอยู่ในวัย 47 ปี และเป็นวุฒิสมาชิกสมัยแรกของมลรัฐอิลลินอยส์ ได้รับการคาดหมายว่าจะได้เป็นประธานาธิบดีผิวสีคนแรกของสหรัฐฯ โดยผลสำรวจความเห็นสำนักต่างๆ ชี้ว่าเขามีคะแนนนำแมคเคนในหลายมลรัฐที่เป็นสมรภูมิช่วงชิงกันอยู่ ซึ่งหากเป็นจริงแม้ไม่ต้องครบหมด ก็จะเพียงพอให้เขามีคะแนนคณะผู้เลือกตั้งถึง 270 เสียง อันเป็นคะแนนที่จำเป็นต้องได้มาเพื่อเข้าสู่ทำเนียบขาว
ส่วนแมคเคนในวัย 72 ปี หากได้ชัยชนะในครั้งนี้เขาจะเป็นประธานาธิบดีสหรัฐฯผู้มีอายุสูงสุดขณะเข้าสาบานตนรับตำแหน่งประธานาธิบดีในสมัยแรก และแซราห์ แพลินก็จะได้เป็นรองประธานาธิบดีหญิงคนแรกของสหรัฐฯ พร้อมกันด้วย
ดัชนีวัดภาพรวมตลาดหุ้นโลกวานนี้ ดีดตัวขึ้นสู่ระดับสูงสุดในรอบ 2 สัปดาห์ เมื่อนักลงทุนต่างให้ความสนใจกับการเลือกตั้งในอเมริกา โดยที่ดัชนีหุ้นอุตสาหกรรมดาวโจนส์ของตลาดวอลล์สตรีท พุ่งขึ้น 1.65% ตอนช่วงเปิดตลาด ท่ามกลางการมองโลกในแง่ดีว่าวิกฤตเศรษฐกิจจะคลี่คลายภายใต้ประธานาธิบดีคนใหม่
เห็นกันว่าถ้าพรรคเดโมแครตได้ครองทั้งทำเนียบขาว อีกทั้งคุมเสียงในรัฐสภาได้แน่นหนาขึ้นอีก ก็จะทำให้คณะรัฐบาลชุดใหม่สามารถจัดการกับวิกฤตคราวนี้ได้ง่ายขึ้น ซึ่งเทรดเดอร์บางคนแสดงความเห็นว่าต้องการให้เดโมแครตได้ชัยชนะอย่างชัดเจนเช่นนี้ และยุติความไม่แน่นอนทางการเมืองลงไป
ก่อนถึงวันลงคะแนน ประมาณกันว่ามีผู้ออกไปสิทธิล่วงหน้ากันแล้วถึงเกือบ 31 ล้านคน กระนั้นก็ตาม ตั้งแต่ช่วงเช้าวานนี้ก็มีผู้คนเข้าแถวยาวเหยียดเพื่อไปใช้สิทธิ ตามหน่วยเลือกตั้งบางแห่งในมลรัฐที่ถือเป็นสนามช่วงชิงสำคัญ อาทิ เพนซิลเวเนีย, โอไฮโอ, และเวอร์จิเนีย
โอบามาและ มิเชล ผู้เป็นภรรยา หลบหลีกการเข้าแถวที่หน่วยเลือกตั้งของพวกเขาในนครชิคาโก โดยเจ้าหน้าที่ยินยอมให้พวกเขาพร้อมบุตรสาว 2 คนเข้าทางด้านข้างเพื่อไปลงคะแนน เจ้าหน้าที่หน่วยเลือกตั้งและผู้ออกเสียงคนอื่นๆ ต่างถ่ายภาพและส่งเสียงเชียร์เมื่อมองเห็นผู้สมัครผิวสีผู้นี้
ทั้งโอบามาและแมคเคนต่างวางแผนที่จะรณรงค์หาเสียงต่อในวันเลือกตั้ง "เราจะทำงานอย่างหนักจนกระทั่งปิดหีบเลือกตั้ง" แมคเคน ซึ่งเป็นวุฒิสมาชิกของรัฐแอริโซนากล่าว
แมคเคนยอมรับว่าตัวเองตกเป็นเบี้ยล่างอยู่ แต่ก็ยืนยันว่าจะตีตื้นเอาชนะโอบามาได้ เขายุติการเดินสายหาเสียงข้ามประเทศรวม 7 มลรัฐที่มลรัฐบ้านเกิดในตอนเช้ามืดวันอังคาร โดยยังคงยืนกรานว่าเขาจะสามารถสร้างปรากฏการณ์พลิกล็อกครั้งมโหฬารที่สุดในประวัติศาสตร์การเมืองสมัยใหม่
ที่เมืองเพรสคอตต์ มลรัฐแอริโซนา เขาเตือนความทรงจำของผู้คนให้นึกถึงสถิติความโชคร้ายของผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีจากมลรัฐนี้ที่ผ่านมา พร้อมกับบอกว่า "วันพรุ่งนี้เราจะพลิกเรื่องร้ายให้กลายเป็นเรื่องดี และผมจะเป็นประธานาธิบดีของสหรัฐฯ"
ส่วนโอบามานั้นได้ชัยชนะที่เมืองดิกซ์วิลล์ น็อตช์ มลรัฐนิวแฮมป์เชียร์ ไปแล้ว โดยเมืองเล็กๆ แห่งนี้มีประเพณีเริ่มลงคะแนนเลือกตั้งประธานาธิบดีทันทีหลังเที่ยงคืน และผลการนับคะแนนปรากฏว่าโอบามาได้รับไป 15 เสียง ส่วนแมคเคนได้ 6 เสียง กลายเป็นผู้สมัครของเดโมแครตคนแรกที่ชนะในเมืองดังกล่าวนับจาก ฮิวเบิร์ต ฮัมฟรีย์ เมื่อปี 1968
ผู้สมัครทั้งสองรณรงค์หาเสียงในชั่วโมงท้ายๆ ก่อนวันเลือกตั้ง โดยโอบามามุ่งกล่าวหาแมคเคนว่า เป็นตัวแทนที่จะมาดำเนินนโยบายของบุชต่อไปเป็นสมัยที่สาม และจะเป็นอันตรายต่อเศรษฐกิจ
"เมื่อพูดถึงเรื่องเศรษฐกิจ ความจริงก็คือว่าจอห์น แมคเคนนั้นยืนอยู่ข้างประธานาธิบดีบุชในทุกขั้นตอน" โอบามาบอกกับผู้สนับสนุน 90,000 คนในการหาเสียงครั้งสุดท้ายที่เมืองมานาสซัส เวอร์จิเนีย ซึ่งเป็นรัฐที่เดโมแครตไม่เคยชนะการเลือกตั้งประธานาธิบดีนับตั้งแต่ปี 1964 เป็นต้นมา แต่ในคราวนี้โพลชี้ว่าโอบามามีคะแนนนำแมคเคนอยู่
ส่วนแมคเคนโจมตีโอบามาว่าเป็นพวกสังคมนิยม และยังกล่าวหาว่าเขาเป็น "เพื่อน" กับผู้ก่อการร้าย และสร้างภาพว่าโอบามาเป็นพวกเสรีนิยมที่จะมาขึ้นภาษี
"เขาเป็นพวกซ้ายสุดในการเมืองอเมริกัน และเขาก็ยืนอยู่ตรงนั้นแหละ" แมคเคนกล่าวที่เทนเนสซี
ทั้งนี้ ผลสำรวจความเห็นหลายสำนักระบุว่า โอบามานำหน้าหรือมีคะแนนคู่คี่กับแมคเคนในมลรัฐที่บุชเคยชนะในการเลือกตั้งปี 2004 อย่างน้อย 8 รัฐ ซึ่งรวมถึงรัฐที่มีคะแนนคณะผู้เลือกตั้งค่อนข้างมาก อย่างโอไฮโอและฟลอริดา ส่วนในมลรัฐที่จอห์น แคร์รีของเดโมแครตเคยมีชัยในปี 2004 นั้น โอบามาก็มีคะแนนนำแบบลอยลำในทุกรัฐ และหากโอบามาฝ่าด่านเข้าไปชิงคะแนนจากมลรัฐที่เป็นฐานเสียงของรีพับลิกันได้อีก เช่น เวอร์จิเนีย อินดีแอนา และนอร์ทแคโรไลนา ก็จะเป็นพลังขับดันเขาเข้าสู่ทำเนียบขาวอย่างแน่นอน
โอบามาขึ้นนำหน้าในการแข่งขันตั้งแต่เมื่อเดือนที่แล้วในช่วงที่วิกฤตการณ์ทางการเงินได้ขับเน้นให้เห็นถึงจุดแข็งของเขาทางด้านเศรษฐกิจ อีกทั้งในการโต้วาทีทั้ง 3 ยกที่ผ่านมา เขาก็ทำได้ดีอย่างต่อเนื่องจนผู้มีสิทธิเลือกตั้งส่วนหนึ่งคลายความคลางแคลงใจที่เคยมีต่อเขาลง
อย่างไรก็ตาม แมคเคนก็ดิ้นรนอย่างเต็มที่เพื่อสลัดตัวเองจากบุช ในภาวะที่พรรครีพับลิกันก็ตกที่นั่งลำบาก
ด้านพรรคเดโมแครตเองคาดหวังว่าจะเพิ่มจำนวนที่นั่งในสภาทั้งสองของคองเกรสให้ได้ด้วยในการเลือกตั้งครั้งนี้ โดยต้องการที่นั่งของวุฒิสมาชิกเพิ่มอีก 9 ที่นั่งเพื่อให้ครบจำนวน 60 ที่นั่ง ซึ่งจะเป็นเสียงข้างมากอย่างเด็ดขาด ที่จะทำให้ลงมติในเรื่องต่างๆ ได้โดยไม่ต้องกังวลกับเสียงคัดค้านจากรีพับลิกัน
ทั้งนี้ เดโมแครตมีแรงกดดันสูงในการต้องทำตามคำมั่นสัญญาในระหว่างการรณรงค์หาเสียง ไม่ว่าจะเรื่องการยุติสงครามในอิรัก การยกเลิกแนวทางลดภาษีของบุชที่เน้นช่วยคนรวย และยกเครื่องระบบสาธารณสุขที่ยังไม่ได้ครอบคลุมคนอเมริกันถึง 47 ล้านคน
ตัวโอบามานั้นเผชิญกับความทุกข์โศกครั้งใหญ่ในวันสุดท้ายของการรณรงค์หาเสียง เมื่อทราบข่าวว่า แมเดลิน ดันแฮม ยายผู้เลี้ยงดูเขามาได้เสียชีวิตด้วยโรคมะเร็งในเช้าวันนั้น ระหว่างการหาเสียงในวันเดียวกัน เขาหลั่งน้ำตาขณะที่กล่าวถึงการเสียชีวิตของยาย โดยเรียกเธอว่า เป็น "วีรบุรุษผู้ไม่เคยปริปากบ่น"
เห็นกันว่า จำนวนผู้ออกมาใช้สิทธิจะเป็นตัวกำหนดผลลัพธ์การเลือกตั้งครั้งนี้ด้วย และทีมรณรงค์หาเสียงของทั้งสองฝ่ายต่างก็ทุ่มเงินหลายล้านดอลลาร์เพื่อค้นให้พบผู้สนับสนุนตน ตลอดจนกระตุ้นให้คนเหล่านี้ออกไปลงคะแนนที่หน่วยเลือกตั้งให้ได้
ทีมหาเสียงของโอบามาดูจะใจชื้นขึ้นมาก หลังมีรายงานชี้ว่า พวกที่ออกไปใช้สิทธิเลือกตั้งล่วงหน้า ซึ่งปีนี้มีจำนวนมากเป็นพิเศษนั้น ส่วนใหญ่เป็นผู้สนับสนุนเดโมแครต