เอเอฟพี – บารัค โอบามาใกล้ได้สร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ให้สหรัฐฯ โดยเตรียมก้าวขึ้นเป็นผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีผิวสีคนแรกของประเทศ หลังกระบวนการเลือกตั้งขั้นต้น ที่เขาต้องขับเคี่ยวต่อสู้อย่างยืดเยื้อกับ ฮิลลารี คลินตัน กำลังยุติลงด้วยการโหวตในสองสนามสุดท้ายในวันอังคาร(3)
ขณะที่ผู้ออกเสียงในการเลือกตั้งขั้นต้น 2 มลรัฐสุดท้าย คือ มอนแทนา และ เซาท์ดาโคตา พากันออกมาใช้สิทธิซึ่งจะเป็นการปิดฉากการต่อสู้แบบมาราธอนเพื่อชิงสิทธิเป็นตัวแทนพรรคเดโมแครตในการลงแข่งขันเลือกตั้งประธานาธิบดีปลายปีนี้ ก็ดูจะค่อนข้างแน่นอนแล้วว่า คลินตันจะต้องพบกับความปราชัยในการพยายามสร้างประวัติศาสตร์ ด้วยเป็นประธานาธิบดีหญิงคนแรกของอเมริกา
คำถามที่ยังค้างคาอยู่ในการแข่งขันของทางเดโมแครต ก็คือ โอบามาจะสามารถเก็บคะแนนคณะผู้แทน (เดลีเกต) ได้ครบจำนวนชี้ขาด คือ 2,118 คนกันในคืนวันอังคารนี้ (ตรงกับเช้าวันพุธที่ 4 เวลาเมืองไทย) เลยหรือไม่ อีกทั้งคลินตันเองจะยอมแพ้อย่างเป็นทางการหรือยัง
แต่ไม่ว่าคำตอบจะเป็นเช่นใด โอบามาซึ่งเป็นวุฒิสมาชิกวัย 46 ปี จากมลรัฐอิลลินอยส์ ก็มีแผนการรุกเต็มตัวสู่การเลือกตั้งประธานาธิบดี ที่จะต้องแข่งขันกับผู้สมัครของฝ่ายพรรครีพับลิกันแล้ว โดยเขามีกำหนดการว่า หลังทราบผลจาก 2 มลรัฐสุดท้ายนี้ เขาจะไปปรากฏตัวที่เป็น “การฉลองชัย”ในทางเป็นจริง ณ สนามกีฬาในมลรัฐมินนิโซตา แห่งเดียวกับที่พรรครีพับลิกันจะจัดการประชุมใหญ่ระดับชาติเดือนกันยายนนี้ เพื่อยืนยันการเลือก จอห์น แมคเคน ให้เป็นผู้สมัครของพรรคเข้าชิงเก้าอี้ประธานาธิบดี
ขณะเดียวกัน โอบามาก็ได้หาทางสมานรอยร้าวภายในพรรคอันเกิดจากการต่อสู้ระหว่างเขากับคลินตัน โดยเขาเล่าว่า ได้โทรศัพท์พูดคุยกับคลินตันหลังจากที่เธอกวาดชัยชนะในการเลือกตั้งขั้นต้นที่เปอร์โตริโกเมื่อวันอาทิตย์(1)
“ผมเน้นกับเธอว่า เธอทำการแข่งขันมาได้อย่างยอดเยี่ยม และคงมีไม่กี่คนที่เข้าใจดีว่าเธอลงแรงไปมากมายขนาดไหน แต่ผมเป็นคนหนึ่งที่เข้าใจ”
เขายังบอกกับคู่แข่งวัย 60 ปีด้วยว่า “เมื่อฝุ่นที่ปลิวคลุ้งจางลงไปแล้ว” เขาพร้อมที่จะไปพบเธอได้ทุกที่ทุกเวลาตามที่เธอต้องการ
ขณะที่ทางด้านคลินตันนั้น บ่ายหน้าเดินทางกลับไปนิวยอร์ก มลรัฐบ้านเกิดของเธอ ทำให้มีการคาดเดาว่าเธอคงจะประกาศยุติการรณรงค์หาเสียง ในงานฉลองคะแนนเสียงที่เธอรวบรวมได้ในมือถึงเกือบ 17 ล้านเสียง ที่แมนฮัตตันในคืนวันอังคาร
อย่างไรก็ดี มีสัญญาณที่ดูขัดแย้งกันอยู่ออกมาจากฝ่ายคลินตันในวันจันทร์ โดยมีรายงานบางกระแสบอกว่า ตั้งแต่วันอังคาร ทีมหาเสียงของเธอจะเลิกจ้างพวกคนทำงานเตรียมการล่วงหน้าก่อนการออกไปหาเสียง อีกทั้งบรรดาพนักงานยังได้รับแจ้งให้ส่งรายงานค่าใช้จ่ายด้วย
นอกจากนั้น อดีตประธานาธิบดีบิล คลินตัน ได้กล่าวเป็นนัยอำลาในระหว่างปราศรัยที่เซาท์ดาโคตาว่า “ผมอยากบอกว่าวันนี้อาจจะเป็นวันสุดท้ายที่ผมจะเข้าร่วมในการหาเสียงแบบนี้”
“ผมคิดว่าตัวเองจะไม่ยุ่งเรื่องการเมืองแล้วจนกระทั่งฮิลลารีตัดสินใจลงสมัคร แต่ผมถือว่าเป็นเกียรติอย่างสูงสุดในชีวิตที่ผมได้เดินสายหาเสียงสนับสนุนการเป็นประธานาธิบดีกับเธอ” เขาเสริม
แต่ในเวลาต่อมา ทีมหาเสียงของคลินตันก็ได้สยบข่าวลือดังกล่าวและบอกว่าจะมีการประชุมระหว่างคลินตันกับที่ปรึกษาระดับสูงที่บ้านของเธอในนิวยอร์ก โดยคลินตันยังหวังอยู่ว่าคณะผู้แทนระดับสูงของพรรค (ซูเปอร์เดลิเกต) จะหันมาเทคะแนนให้เธอแทนโอบามา
อย่างไรก็ตาม มีสัญญาณบ่งชี้ว่า พวกซูเปอร์เดลิเกตร่วม 200 คน ที่ยังไม่ประกาศการตัดสินใจ กำลังเริ่มที่จะออกมาแถลงเทคะแนนให้กับโอบามาแล้ว โดยเฉพาะในเมื่อกระบวนการเลือกตั้งขั้นต้นปิดฉากลงเช่นนี้
ขณะที่ผู้ออกเสียงในการเลือกตั้งขั้นต้น 2 มลรัฐสุดท้าย คือ มอนแทนา และ เซาท์ดาโคตา พากันออกมาใช้สิทธิซึ่งจะเป็นการปิดฉากการต่อสู้แบบมาราธอนเพื่อชิงสิทธิเป็นตัวแทนพรรคเดโมแครตในการลงแข่งขันเลือกตั้งประธานาธิบดีปลายปีนี้ ก็ดูจะค่อนข้างแน่นอนแล้วว่า คลินตันจะต้องพบกับความปราชัยในการพยายามสร้างประวัติศาสตร์ ด้วยเป็นประธานาธิบดีหญิงคนแรกของอเมริกา
คำถามที่ยังค้างคาอยู่ในการแข่งขันของทางเดโมแครต ก็คือ โอบามาจะสามารถเก็บคะแนนคณะผู้แทน (เดลีเกต) ได้ครบจำนวนชี้ขาด คือ 2,118 คนกันในคืนวันอังคารนี้ (ตรงกับเช้าวันพุธที่ 4 เวลาเมืองไทย) เลยหรือไม่ อีกทั้งคลินตันเองจะยอมแพ้อย่างเป็นทางการหรือยัง
แต่ไม่ว่าคำตอบจะเป็นเช่นใด โอบามาซึ่งเป็นวุฒิสมาชิกวัย 46 ปี จากมลรัฐอิลลินอยส์ ก็มีแผนการรุกเต็มตัวสู่การเลือกตั้งประธานาธิบดี ที่จะต้องแข่งขันกับผู้สมัครของฝ่ายพรรครีพับลิกันแล้ว โดยเขามีกำหนดการว่า หลังทราบผลจาก 2 มลรัฐสุดท้ายนี้ เขาจะไปปรากฏตัวที่เป็น “การฉลองชัย”ในทางเป็นจริง ณ สนามกีฬาในมลรัฐมินนิโซตา แห่งเดียวกับที่พรรครีพับลิกันจะจัดการประชุมใหญ่ระดับชาติเดือนกันยายนนี้ เพื่อยืนยันการเลือก จอห์น แมคเคน ให้เป็นผู้สมัครของพรรคเข้าชิงเก้าอี้ประธานาธิบดี
ขณะเดียวกัน โอบามาก็ได้หาทางสมานรอยร้าวภายในพรรคอันเกิดจากการต่อสู้ระหว่างเขากับคลินตัน โดยเขาเล่าว่า ได้โทรศัพท์พูดคุยกับคลินตันหลังจากที่เธอกวาดชัยชนะในการเลือกตั้งขั้นต้นที่เปอร์โตริโกเมื่อวันอาทิตย์(1)
“ผมเน้นกับเธอว่า เธอทำการแข่งขันมาได้อย่างยอดเยี่ยม และคงมีไม่กี่คนที่เข้าใจดีว่าเธอลงแรงไปมากมายขนาดไหน แต่ผมเป็นคนหนึ่งที่เข้าใจ”
เขายังบอกกับคู่แข่งวัย 60 ปีด้วยว่า “เมื่อฝุ่นที่ปลิวคลุ้งจางลงไปแล้ว” เขาพร้อมที่จะไปพบเธอได้ทุกที่ทุกเวลาตามที่เธอต้องการ
ขณะที่ทางด้านคลินตันนั้น บ่ายหน้าเดินทางกลับไปนิวยอร์ก มลรัฐบ้านเกิดของเธอ ทำให้มีการคาดเดาว่าเธอคงจะประกาศยุติการรณรงค์หาเสียง ในงานฉลองคะแนนเสียงที่เธอรวบรวมได้ในมือถึงเกือบ 17 ล้านเสียง ที่แมนฮัตตันในคืนวันอังคาร
อย่างไรก็ดี มีสัญญาณที่ดูขัดแย้งกันอยู่ออกมาจากฝ่ายคลินตันในวันจันทร์ โดยมีรายงานบางกระแสบอกว่า ตั้งแต่วันอังคาร ทีมหาเสียงของเธอจะเลิกจ้างพวกคนทำงานเตรียมการล่วงหน้าก่อนการออกไปหาเสียง อีกทั้งบรรดาพนักงานยังได้รับแจ้งให้ส่งรายงานค่าใช้จ่ายด้วย
นอกจากนั้น อดีตประธานาธิบดีบิล คลินตัน ได้กล่าวเป็นนัยอำลาในระหว่างปราศรัยที่เซาท์ดาโคตาว่า “ผมอยากบอกว่าวันนี้อาจจะเป็นวันสุดท้ายที่ผมจะเข้าร่วมในการหาเสียงแบบนี้”
“ผมคิดว่าตัวเองจะไม่ยุ่งเรื่องการเมืองแล้วจนกระทั่งฮิลลารีตัดสินใจลงสมัคร แต่ผมถือว่าเป็นเกียรติอย่างสูงสุดในชีวิตที่ผมได้เดินสายหาเสียงสนับสนุนการเป็นประธานาธิบดีกับเธอ” เขาเสริม
แต่ในเวลาต่อมา ทีมหาเสียงของคลินตันก็ได้สยบข่าวลือดังกล่าวและบอกว่าจะมีการประชุมระหว่างคลินตันกับที่ปรึกษาระดับสูงที่บ้านของเธอในนิวยอร์ก โดยคลินตันยังหวังอยู่ว่าคณะผู้แทนระดับสูงของพรรค (ซูเปอร์เดลิเกต) จะหันมาเทคะแนนให้เธอแทนโอบามา
อย่างไรก็ตาม มีสัญญาณบ่งชี้ว่า พวกซูเปอร์เดลิเกตร่วม 200 คน ที่ยังไม่ประกาศการตัดสินใจ กำลังเริ่มที่จะออกมาแถลงเทคะแนนให้กับโอบามาแล้ว โดยเฉพาะในเมื่อกระบวนการเลือกตั้งขั้นต้นปิดฉากลงเช่นนี้
