ททท.การบินไทย จูบปาก ตั้งคณะทำงานร่วม 2 ฝ่าย บูรณาการแผนตลาดและประชาสัมพันธ์ แท็กทีมดูดนักท่องเที่ยวเข้าไทยปีหน้า ขณะที่ความเห็นเรื่องลดค่าธรรมเนียมน้ำมัน ดีดี และ ดีเอ็น การบินไทย ความคิดสวนทาง
วานนี้(20ส.ค.51) การประชุมแนวทางการดำเนินงานในการส่งเสริมอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวร่วมกัน ระหว่างการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย(ททท.) และบริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน)ซึ่งมีผู้ว่าการ ททท. กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บมจ. การบินไทย และ คณะผู้บริหารระดับสูงทั้งสองฝ่ายร่วมประชุม นายวันชัน ศารทูลทัต ประธานบอร์ด ททท. ในฐานะประธานการประชุมครั้งนี้ กล่าวว่า ที่ประชุมมีมติตั้งคณะทำงานร่วมกันในเรื่องของการวางแผนการตลาดและการประชาสัมพันธ์ โดยทั้งการบินไทย และ ททท. จะตั้งทีมขึ้นมาเพื่อติดต่อประสานการทำงานร่วมกันอย่างเป็นรูปธรรมและตลอดไป
***ตั้งคณะทำงานร่วมบูมเที่ยวไทย***
ทั้งนี้ทีมงานของ ททท. เช่น รองผู้ว่าการด้านต่างประเทศ รองผู้ว่าการ รองผู้ว่าการด้านสื่อสารการตลาด รองผู้ว่าการด้านตลาดในประเทศ รองผู้ว่าการด้านสินค้าท่องเที่ยว และศูนย์ไครซีส เมเนจเม้นต์ เป็นต้น ขณะที่ทีมงานฝ่ายการบินไทยมีตัวแทนมาจากหลายฝ่าย เช่น ฝ่ายการพาณิชย์ ฝ่ายการตลาด และ ฝ่ายประชาสัมพันธ์
"ที่ผ่านมา ททท.และการบินไทย ก็ทำงานร่วมกันมาโดยตลอด แต่ครั้งนี้ เป็นข้อตกลงอย่างเป็นทางการ ที่จะทำงานร่วมกันอย่างบูรณาการและเป็นระบบ และผ่านการทำงานของทีมไทยแลนด์ด้วย แต่ทั้งนี้ไม่จำเป็นว่า ทั้ง 2 หน่วยงานต้องมีแผนเหมือนกันทุกประการ แต่ สุดท้ายคือบรรลุวัตถุประสงค์เดียวกันเพื่อประโยชน์ของประเทศ และประหยัดงบที่จะทำงานซ้ำซ้อน"
***เล็งปรับลดค่าธรรมเนียมน้ำมัน***
ทางด้านเรืออากาศโท อภินันท์ สุมนะเศรณี กรรมการผู้อำนวยการใหญ่(DD) บมจ.การบินไทย กล่าวว่า ขณะนี้ บริษัท กำลังเฝ้าดูราคาน้ำมัน ที่ปรับลดลงอย่างต่อเนื่อง หากสถานการณ์เป็นเช่นนี้ต่อไป อีกราว 1-2 เดือน การบินไทยก็จะพิจารณาปรับลดค่าธรรมเนียมน้ำมัน(ฟิวเซอร์ชาร์จ) ซึ่งจะช่วยจูงใจให้นักท่องเที่ยวรู้สึกอยากเดินทางท่องเที่ยวมากขึ้น ส่วนเรื่องเที่ยวบิน ล่าสุด มีการปรับเพิ่ม-ลดในหลายเส้นทาง ให้สอดคล้องกับความต้องการของผู้โดยสาร ซึ่งไฮซีซั่นปีนี้ มั่นใจว่า จำนวนที่นั่งและเที่ยวบินของการบินไทยที่มีอยู่จะเพียงพอรองรับผู้โดยสารที่จะเดินทางเข้ามา
ส่วนเรื่องการใช้งบประมาณเพื่อการตลาดและประชาสัมพันธ์ ขณะนี้ ปีงบประมาณของ ททท .และ การบินไทยยังไม่ตรงกัน โดย ททท.เริ่มวันที่ 1 ตุลาคมของทุกปี ขณะที่ การบินไทยจะเริ่ม 1 มกราคมของทุกปี ดังนั้นปีนี้ อาจทำให้ความร่วมมือยังไม่เห็นผลมากนัก แต่ปีหน้า ทั้ง 2 องค์กร จะร่วมกันวางกรอบการทำงานร่วมกันตั้งแต่ต้นปี เช่น แผนโปรโมชั่น โฆษณา ประชาสัมพันธ์ เป็นต้น
**TG ระบุทุกเส้นทางต้องกำไร**
นายปานฑิต ชนะภัย รองกรรมการผู้อำนวยการฝ่ายการพาณิชย์ (DN) บมจ.การบินไทย กล่าวว่า จำนวนนักท่องเที่ยวที่เดินทางมากับการบินไทย ขณะนี้ ยังเป็นปกติ ขณะที่ไฮซีซั่นปีนี้ คาดว่าอัตราบรรทุกผู้โดยสารจะเพิ่มเป็นกว่า 80% จากขณะนี้เฉลี่ยที่กว่า 60% โดยปัจจุบัน ตลาดระยะไกล ข้ามทวีป จำนวนผู้โดยสารใช้บริการไม่เปลี่ยนแปลง บางเส้นทางเพิ่มขึ้น แต่ที่น่าสังเกตคือ เส้นทางในภูมิภาคเดียวกัน กลับถดถอย เช่น เส้นทางที่ จีน อินเดีย เกาหลี และ ญี่ปุ่น สาเหตุจาก ความกังวลด้านเศรษฐกิจ จึงชะลอการเดินทาง รวมถึง การแข่งขันโอลิมปิก และ เหตุการณ์แผ่นดินไหวที่จีน ดังนั้น แผนการเพิ่มเที่ยวบิน หรือ เปิดเส้นทางใหม่ ต้อง ดูดีมานด์ของตลาดด้วย โดยจะต้องได้อัตราบรรทุกผู้โดยสารเที่ยวละไม่น้อยกว่า 70% และต้องสามารถทำกำไรให้องค์กรได้ เพราะ น้ำมัน เป็นปัจจัยหลัก ที่ทำให้เราต้องเคร่งครัดวางแผนงาน หากมองในมุมกลับ ราคาน้ำมัน ขณะนี้แม้ลดลงต่อเนื่อง จาก 140 ดอลล่าร์ มาอยู่ที่ 113 ดอลล่าร์ต่อบาเรล แต่ยังเป็นราคาที่สูงกว่าปีก่อน ที่มีราคา 80 ดอลล่าร์ต่อบาเรล
***ปลื้มสิ้นปีชาร์เตอร์ไฟล์ทมาเพียบ***
นางพรศิริ มโนหาญ ผู้ว่าการ ททท. กล่าวว่า คณะทำงานทั้งสององค์กร จะเริ่มประชุมร่วมกันนัดแรกในสัปดาห์หน้า ซึ่งปีงบประมาณ 2552 ททท. มีแผนจะออกไปประมูลงานด้านการท่องเที่ยวหลายงานเข้ามาจัดที่ประเทศไทย ซึ่งตรงนี้การบินไทยก็จะให้การสนับสนุน รวมถึงอีกหลายๆโครงการด้วย นอกจากนั้น ททท.จะผลิตสื่อ เพื่อนำออกไปโฆษณาในพื้นที่ของ การบินไทย เช่น บนเครื่องบิน และสำนักงานขายทั้งในประเทศและต่างประเทศ เป็นต้น
นายสันติชัย เอื้อจงประสิทธิ์ รองผู้ว่าการด้านตลาดต่างประเทศ กล่าวว่า ในเรื่องของเที่ยวบินที่จะขนนักท่องเที่ยวเข้ามาประเทศไทยไฮซีซั่นปีนี้ รายงานระบุว่า จำนวนนักท่องเที่ยวที่จองในเที่ยวบินโดยสาร มีจำนวนมากไม่เปลี่ยนแปลจากปีก่อน ขณะที่ เที่ยวบินเช่าเหมาลำ(ชาร์เตอร์ไฟล์ท) กลับมีจำนวนเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับปีก่อน โดยหลักๆ จะเดินทางมาจาก กลุ่มประเทศ สแกนดิเนเวีย ญี่ปุ่น จีนและรัสเซีย
วานนี้(20ส.ค.51) การประชุมแนวทางการดำเนินงานในการส่งเสริมอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวร่วมกัน ระหว่างการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย(ททท.) และบริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน)ซึ่งมีผู้ว่าการ ททท. กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บมจ. การบินไทย และ คณะผู้บริหารระดับสูงทั้งสองฝ่ายร่วมประชุม นายวันชัน ศารทูลทัต ประธานบอร์ด ททท. ในฐานะประธานการประชุมครั้งนี้ กล่าวว่า ที่ประชุมมีมติตั้งคณะทำงานร่วมกันในเรื่องของการวางแผนการตลาดและการประชาสัมพันธ์ โดยทั้งการบินไทย และ ททท. จะตั้งทีมขึ้นมาเพื่อติดต่อประสานการทำงานร่วมกันอย่างเป็นรูปธรรมและตลอดไป
***ตั้งคณะทำงานร่วมบูมเที่ยวไทย***
ทั้งนี้ทีมงานของ ททท. เช่น รองผู้ว่าการด้านต่างประเทศ รองผู้ว่าการ รองผู้ว่าการด้านสื่อสารการตลาด รองผู้ว่าการด้านตลาดในประเทศ รองผู้ว่าการด้านสินค้าท่องเที่ยว และศูนย์ไครซีส เมเนจเม้นต์ เป็นต้น ขณะที่ทีมงานฝ่ายการบินไทยมีตัวแทนมาจากหลายฝ่าย เช่น ฝ่ายการพาณิชย์ ฝ่ายการตลาด และ ฝ่ายประชาสัมพันธ์
"ที่ผ่านมา ททท.และการบินไทย ก็ทำงานร่วมกันมาโดยตลอด แต่ครั้งนี้ เป็นข้อตกลงอย่างเป็นทางการ ที่จะทำงานร่วมกันอย่างบูรณาการและเป็นระบบ และผ่านการทำงานของทีมไทยแลนด์ด้วย แต่ทั้งนี้ไม่จำเป็นว่า ทั้ง 2 หน่วยงานต้องมีแผนเหมือนกันทุกประการ แต่ สุดท้ายคือบรรลุวัตถุประสงค์เดียวกันเพื่อประโยชน์ของประเทศ และประหยัดงบที่จะทำงานซ้ำซ้อน"
***เล็งปรับลดค่าธรรมเนียมน้ำมัน***
ทางด้านเรืออากาศโท อภินันท์ สุมนะเศรณี กรรมการผู้อำนวยการใหญ่(DD) บมจ.การบินไทย กล่าวว่า ขณะนี้ บริษัท กำลังเฝ้าดูราคาน้ำมัน ที่ปรับลดลงอย่างต่อเนื่อง หากสถานการณ์เป็นเช่นนี้ต่อไป อีกราว 1-2 เดือน การบินไทยก็จะพิจารณาปรับลดค่าธรรมเนียมน้ำมัน(ฟิวเซอร์ชาร์จ) ซึ่งจะช่วยจูงใจให้นักท่องเที่ยวรู้สึกอยากเดินทางท่องเที่ยวมากขึ้น ส่วนเรื่องเที่ยวบิน ล่าสุด มีการปรับเพิ่ม-ลดในหลายเส้นทาง ให้สอดคล้องกับความต้องการของผู้โดยสาร ซึ่งไฮซีซั่นปีนี้ มั่นใจว่า จำนวนที่นั่งและเที่ยวบินของการบินไทยที่มีอยู่จะเพียงพอรองรับผู้โดยสารที่จะเดินทางเข้ามา
ส่วนเรื่องการใช้งบประมาณเพื่อการตลาดและประชาสัมพันธ์ ขณะนี้ ปีงบประมาณของ ททท .และ การบินไทยยังไม่ตรงกัน โดย ททท.เริ่มวันที่ 1 ตุลาคมของทุกปี ขณะที่ การบินไทยจะเริ่ม 1 มกราคมของทุกปี ดังนั้นปีนี้ อาจทำให้ความร่วมมือยังไม่เห็นผลมากนัก แต่ปีหน้า ทั้ง 2 องค์กร จะร่วมกันวางกรอบการทำงานร่วมกันตั้งแต่ต้นปี เช่น แผนโปรโมชั่น โฆษณา ประชาสัมพันธ์ เป็นต้น
**TG ระบุทุกเส้นทางต้องกำไร**
นายปานฑิต ชนะภัย รองกรรมการผู้อำนวยการฝ่ายการพาณิชย์ (DN) บมจ.การบินไทย กล่าวว่า จำนวนนักท่องเที่ยวที่เดินทางมากับการบินไทย ขณะนี้ ยังเป็นปกติ ขณะที่ไฮซีซั่นปีนี้ คาดว่าอัตราบรรทุกผู้โดยสารจะเพิ่มเป็นกว่า 80% จากขณะนี้เฉลี่ยที่กว่า 60% โดยปัจจุบัน ตลาดระยะไกล ข้ามทวีป จำนวนผู้โดยสารใช้บริการไม่เปลี่ยนแปลง บางเส้นทางเพิ่มขึ้น แต่ที่น่าสังเกตคือ เส้นทางในภูมิภาคเดียวกัน กลับถดถอย เช่น เส้นทางที่ จีน อินเดีย เกาหลี และ ญี่ปุ่น สาเหตุจาก ความกังวลด้านเศรษฐกิจ จึงชะลอการเดินทาง รวมถึง การแข่งขันโอลิมปิก และ เหตุการณ์แผ่นดินไหวที่จีน ดังนั้น แผนการเพิ่มเที่ยวบิน หรือ เปิดเส้นทางใหม่ ต้อง ดูดีมานด์ของตลาดด้วย โดยจะต้องได้อัตราบรรทุกผู้โดยสารเที่ยวละไม่น้อยกว่า 70% และต้องสามารถทำกำไรให้องค์กรได้ เพราะ น้ำมัน เป็นปัจจัยหลัก ที่ทำให้เราต้องเคร่งครัดวางแผนงาน หากมองในมุมกลับ ราคาน้ำมัน ขณะนี้แม้ลดลงต่อเนื่อง จาก 140 ดอลล่าร์ มาอยู่ที่ 113 ดอลล่าร์ต่อบาเรล แต่ยังเป็นราคาที่สูงกว่าปีก่อน ที่มีราคา 80 ดอลล่าร์ต่อบาเรล
***ปลื้มสิ้นปีชาร์เตอร์ไฟล์ทมาเพียบ***
นางพรศิริ มโนหาญ ผู้ว่าการ ททท. กล่าวว่า คณะทำงานทั้งสององค์กร จะเริ่มประชุมร่วมกันนัดแรกในสัปดาห์หน้า ซึ่งปีงบประมาณ 2552 ททท. มีแผนจะออกไปประมูลงานด้านการท่องเที่ยวหลายงานเข้ามาจัดที่ประเทศไทย ซึ่งตรงนี้การบินไทยก็จะให้การสนับสนุน รวมถึงอีกหลายๆโครงการด้วย นอกจากนั้น ททท.จะผลิตสื่อ เพื่อนำออกไปโฆษณาในพื้นที่ของ การบินไทย เช่น บนเครื่องบิน และสำนักงานขายทั้งในประเทศและต่างประเทศ เป็นต้น
นายสันติชัย เอื้อจงประสิทธิ์ รองผู้ว่าการด้านตลาดต่างประเทศ กล่าวว่า ในเรื่องของเที่ยวบินที่จะขนนักท่องเที่ยวเข้ามาประเทศไทยไฮซีซั่นปีนี้ รายงานระบุว่า จำนวนนักท่องเที่ยวที่จองในเที่ยวบินโดยสาร มีจำนวนมากไม่เปลี่ยนแปลจากปีก่อน ขณะที่ เที่ยวบินเช่าเหมาลำ(ชาร์เตอร์ไฟล์ท) กลับมีจำนวนเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับปีก่อน โดยหลักๆ จะเดินทางมาจาก กลุ่มประเทศ สแกนดิเนเวีย ญี่ปุ่น จีนและรัสเซีย