รัสเซียถือวิสาสะใช้อำนาจบาตรใหญ่บุกเข้าไปในดินแดนจอร์เจีย ไม่รู้ว่าจะสั่งสอนอะไรหรือจะให้เข็ดหราบกันไปถึงไหน ย่อมส่งผลกระทบไปถึงความสัมพันธ์กับนานาประเทศอย่างมิพักต้องสงสัยเลย
ประธานาธิบดีบุชต้องส่งสาสน์ไปถึงนายกรัฐมนตรีวลาดิเมียร์ ปูติน ขณะที่บุชเองกำลังอยู่ที่โอลิมปิกปักกิ่งเพื่อหาทางยับยั้งการรุกรานในจอร์เจีย แต่ดูเหมือนว่าการบุกจอร์เจียยังดำเนินต่อไป แม้ว่ามีความพยายามที่จะเจรจาให้หยุดยิงกันก่อน
ทางเจ้าหน้าที่รัสเซียกล่าวหาว่า ทางฝ่ายรัสเซียนั้นไม่ได้เป็นฝ่ายเริ่มสงคราม แต่ทางจอร์เจียกลับเข้ามาโจมตีเมืองทางตอนใต้ ออสเซเตีย แหล่งซ่อมสุมขบวนการแยกดินแดนที่รัสเซียเองก็สนับสนุนอยู่ในจอร์เจีย รัสเซียอ้างว่าการมาโจมตีของกองกำลังจอร์เจียที่เริ่มก่อนนี้ ได้ทำให้พลเรือนซึ่งถือพาสปอร์ตของรัสเซียบาดเจ็บและเสียชีวิตบ้าง รวมถึงกองกำลังรักษาสันติภาพที่อยู่ในที่เกิดเหตุด้วย
“ถ้าอเมริกามีพลเมืองของพวกเขาโดนฆ่าตายในประเทศอื่น จะคิดอย่างไรล่ะ คุณก็ต้องส่งทหารเข้าไปดำเนินการเหมือนกันแหละนะ” นี่เป็นคำตอบโต้ของเจ้าหน้าที่รัสเซียที่กล่าวอย่างมีอารมณ์หลังอเมริกาออกมาเรียกร้องให้รัสเซียถอนกำลังออกจากจอร์เจีย
ประธานาธิบดีรัสเซียรวมทั้งนายกรัฐมนตรีปูตินนั้น ใช้ข้อหารุนแรงมากถึงกับกล่าวหาว่า ทางจอร์เจียนั้นได้มีการล้างเผ่าพันธุ์กับประชาชนในออสเซเตีย
แต่ชาติตะวันตกบอกว่า มันเกินไปที่จะไปประณามถึงขั้นนั้น และก็ไม่เป็นความจริง มันเป็นข้ออ้างที่จะบุกเข้าไปในจอร์เจียมากกว่า
การส่งกำลังเข้าบุกจอร์เจียนั้นยังใช้เครื่องบินทิ้งระเบิดและยิงขีปนาวุธทำลายฐานที่มั่นทางทหารด้วย ทำให้ทำลายสนามบินและโครงสร้างพื้นฐานหลายแห่ง แถมรัสเซียยังรุกเข้าไปในเขตแดนใหม่ที่อับคาเซียด้วย ที่นี่รัสเซียก็แอบสนับสนุนพวกแบ่งแยกดินแดนที่ซ่องสุมผู้คนอยู่เช่นเดียวกัน
“พวกรัสเซียปฏิบัติการนอกเขตที่เคยกำหนดมากไปแล้ว และก็ไม่รู้ว่าจะขยายพื้นที่การรบไปอีกหรือเปล่า สงครามแบบนี้ไม่น่ามีที่สิ้นสุดง่ายๆ”
เจ้าหน้าที่ของรัฐบาลท้องถิ่นจอร์เจียกล่าวอย่างท้อแท้ประหนึ่งว่า การเจรจาน่าจะล้มเหลว
รัสเซียนั้นแต่แรกก็ไม่ได้สนใจไยดีอะไรกับข้อเรียกร้องจากชาติตะวันตกอื่นๆ ที่ขอให้ยุติการรุกราน และให้พักรบหันมาเจรจากันก่อน อย่างน้อยก็ควรหยุดยิง
ส่วนอเมริกานั้นก็เพิ่มแรงกดดันไปที่นาโตที่กำลังประชุมกันที่บูคาเรสในการชักนำให้จอร์เจียกับยูเครนเข้ามาร่วมวงสมาชิกอยู่พอดี
แต่เมื่อเป็นอย่างนี้ทางเยอรมนีก็อยากให้เลื่อนการหารือนี้ไปพลางก่อน และพยายามหาทางล็อบบี้ นายกฯ ปูตินให้จัดการปัญหาด้วยสันติวิธี
นักวิเคราะห์บอกว่า การที่รัสเซียใช้อิทธิพลและมีไม้เข็งกับอดีตบริวารของตนแบบนี้ ก็เพื่อแสดงให้ชาติตะวันตกเห็นว่า อย่ามาหวังที่จะแทรกแซงหรือพยายามเข้ามามีอิทธิพลต่อรัฐเหล่านี้ ซึ่งแต่เดิมอยู่ในสังกัดของรัสเซียและเป็นประเทศเดียวกันมาก่อน
จอร์เจียนั้นมีประวัติศาสตร์อันยาวนานว่าตกอยู่ภายใต้ของจักรวรรดิรัสเซียมานานหลายศตวรรษ
เมื่อจอร์เจียหวังจะอยู่ภายใต้ร่มเงาของนาโตรัสเซียก็ไม่ค่อยพอใจเอาเลย เห็นว่าผลประโยชน์กำลังถูกคุกคาม อย่างน้อยทรัพยากร เช่น ก๊าซธรรมชาติ รวมทั้งน้ำมันที่มีมูลค่ามหาศาลอีกมาก
ทั้งยังกระเทือนต่อฐานะของรัสเซียในการเมืองระหว่างประเทศด้วย
ดังนั้นทั้งหมดจึงเลี่ยงไม่ได้ที่รัสเซียต้องใช้ไม้แข็ง เป็นเหมือนไม้เรียวสั่งสอนให้จอร์เจียรู้จักสำนึกว่าดินแดนแถบนี้ รัสเซียยังเป็นใหญ่อยู่ อย่าได้คิดฮึกเหิมเป็นอันขาด
นี่แหละจิตสำนึกของมหาอำนาจที่กำลังคิดว่ากำลังสูญเสียอิทธิพลไป และไม่อยากให้จอร์เจียสร้างตัวอย่างให้รัฐบริวารที่อื่นๆ พลอยแข็งข้อไปด้วย
นักการทูตตะวันตกนั้น วิเคราะห์ว่า เหตุการณ์คราวนี้ไม่ต่างไปจากเมื่อปี 1999 ที่ทางนาโตใช้กำลังทางอากาศกับเซอร์เบีย เพื่อทำลายล้างอำนาจของนายสโลโบดาน มิโลเซวิค
“รัสเซียนั้นต้องการทำแบบนี้ ก็เหมือนที่ทางประเทศตะวันตกเคยทำกับเซอร์เบียนั่นแหละ”
นี่พูดแบบเห็นใจรัสเซียนะครับ
แต่มุมมองของรัสเซียเห็นว่า สิ่งที่คือเป้าหมายจริงๆ ก็แค่เป็นการเข้าไปยึดพื้นที่ซึ่งจะคุมกลุ่มแบ่งแยกดินแดนให้ได้เท่านั้น
รัสเซียได้ใช้กำลังภาคพื้นดินและสิ่งอุปกรณ์การรบภาคพื้นไปยังสนามรบที่ออสเซเตียมากมาย และมีการรบหนักในช่วงแรกๆ
พวกเขากล่าวว่าในอาทิตย์ต่อมา กำลังทหารจอร์เจียก็ได้ถอนออกมาจากสนามรบเพราะทานกำลังฝ่ายรัสเซียไม่ไหว
ครับ... เรื่องแบบนี้ มันเป็นเรื่องของศักดิ์ศรีและความรู้สึกของรัสเซียที่ถึงที่สุดแล้วก็ยังคงนึกตลอดเวลาว่าจอร์เจียนั้นเป็นรัฐบริวารของตนอยู่ดี
และไม่อยากให้ล้ำหน้าเป็นอิสระหรือตกอยู่ภายใต้อิทธิพลของประเทศตะวันตกไปง่ายๆ
ประธานาธิบดีบุชต้องส่งสาสน์ไปถึงนายกรัฐมนตรีวลาดิเมียร์ ปูติน ขณะที่บุชเองกำลังอยู่ที่โอลิมปิกปักกิ่งเพื่อหาทางยับยั้งการรุกรานในจอร์เจีย แต่ดูเหมือนว่าการบุกจอร์เจียยังดำเนินต่อไป แม้ว่ามีความพยายามที่จะเจรจาให้หยุดยิงกันก่อน
ทางเจ้าหน้าที่รัสเซียกล่าวหาว่า ทางฝ่ายรัสเซียนั้นไม่ได้เป็นฝ่ายเริ่มสงคราม แต่ทางจอร์เจียกลับเข้ามาโจมตีเมืองทางตอนใต้ ออสเซเตีย แหล่งซ่อมสุมขบวนการแยกดินแดนที่รัสเซียเองก็สนับสนุนอยู่ในจอร์เจีย รัสเซียอ้างว่าการมาโจมตีของกองกำลังจอร์เจียที่เริ่มก่อนนี้ ได้ทำให้พลเรือนซึ่งถือพาสปอร์ตของรัสเซียบาดเจ็บและเสียชีวิตบ้าง รวมถึงกองกำลังรักษาสันติภาพที่อยู่ในที่เกิดเหตุด้วย
“ถ้าอเมริกามีพลเมืองของพวกเขาโดนฆ่าตายในประเทศอื่น จะคิดอย่างไรล่ะ คุณก็ต้องส่งทหารเข้าไปดำเนินการเหมือนกันแหละนะ” นี่เป็นคำตอบโต้ของเจ้าหน้าที่รัสเซียที่กล่าวอย่างมีอารมณ์หลังอเมริกาออกมาเรียกร้องให้รัสเซียถอนกำลังออกจากจอร์เจีย
ประธานาธิบดีรัสเซียรวมทั้งนายกรัฐมนตรีปูตินนั้น ใช้ข้อหารุนแรงมากถึงกับกล่าวหาว่า ทางจอร์เจียนั้นได้มีการล้างเผ่าพันธุ์กับประชาชนในออสเซเตีย
แต่ชาติตะวันตกบอกว่า มันเกินไปที่จะไปประณามถึงขั้นนั้น และก็ไม่เป็นความจริง มันเป็นข้ออ้างที่จะบุกเข้าไปในจอร์เจียมากกว่า
การส่งกำลังเข้าบุกจอร์เจียนั้นยังใช้เครื่องบินทิ้งระเบิดและยิงขีปนาวุธทำลายฐานที่มั่นทางทหารด้วย ทำให้ทำลายสนามบินและโครงสร้างพื้นฐานหลายแห่ง แถมรัสเซียยังรุกเข้าไปในเขตแดนใหม่ที่อับคาเซียด้วย ที่นี่รัสเซียก็แอบสนับสนุนพวกแบ่งแยกดินแดนที่ซ่องสุมผู้คนอยู่เช่นเดียวกัน
“พวกรัสเซียปฏิบัติการนอกเขตที่เคยกำหนดมากไปแล้ว และก็ไม่รู้ว่าจะขยายพื้นที่การรบไปอีกหรือเปล่า สงครามแบบนี้ไม่น่ามีที่สิ้นสุดง่ายๆ”
เจ้าหน้าที่ของรัฐบาลท้องถิ่นจอร์เจียกล่าวอย่างท้อแท้ประหนึ่งว่า การเจรจาน่าจะล้มเหลว
รัสเซียนั้นแต่แรกก็ไม่ได้สนใจไยดีอะไรกับข้อเรียกร้องจากชาติตะวันตกอื่นๆ ที่ขอให้ยุติการรุกราน และให้พักรบหันมาเจรจากันก่อน อย่างน้อยก็ควรหยุดยิง
ส่วนอเมริกานั้นก็เพิ่มแรงกดดันไปที่นาโตที่กำลังประชุมกันที่บูคาเรสในการชักนำให้จอร์เจียกับยูเครนเข้ามาร่วมวงสมาชิกอยู่พอดี
แต่เมื่อเป็นอย่างนี้ทางเยอรมนีก็อยากให้เลื่อนการหารือนี้ไปพลางก่อน และพยายามหาทางล็อบบี้ นายกฯ ปูตินให้จัดการปัญหาด้วยสันติวิธี
นักวิเคราะห์บอกว่า การที่รัสเซียใช้อิทธิพลและมีไม้เข็งกับอดีตบริวารของตนแบบนี้ ก็เพื่อแสดงให้ชาติตะวันตกเห็นว่า อย่ามาหวังที่จะแทรกแซงหรือพยายามเข้ามามีอิทธิพลต่อรัฐเหล่านี้ ซึ่งแต่เดิมอยู่ในสังกัดของรัสเซียและเป็นประเทศเดียวกันมาก่อน
จอร์เจียนั้นมีประวัติศาสตร์อันยาวนานว่าตกอยู่ภายใต้ของจักรวรรดิรัสเซียมานานหลายศตวรรษ
เมื่อจอร์เจียหวังจะอยู่ภายใต้ร่มเงาของนาโตรัสเซียก็ไม่ค่อยพอใจเอาเลย เห็นว่าผลประโยชน์กำลังถูกคุกคาม อย่างน้อยทรัพยากร เช่น ก๊าซธรรมชาติ รวมทั้งน้ำมันที่มีมูลค่ามหาศาลอีกมาก
ทั้งยังกระเทือนต่อฐานะของรัสเซียในการเมืองระหว่างประเทศด้วย
ดังนั้นทั้งหมดจึงเลี่ยงไม่ได้ที่รัสเซียต้องใช้ไม้แข็ง เป็นเหมือนไม้เรียวสั่งสอนให้จอร์เจียรู้จักสำนึกว่าดินแดนแถบนี้ รัสเซียยังเป็นใหญ่อยู่ อย่าได้คิดฮึกเหิมเป็นอันขาด
นี่แหละจิตสำนึกของมหาอำนาจที่กำลังคิดว่ากำลังสูญเสียอิทธิพลไป และไม่อยากให้จอร์เจียสร้างตัวอย่างให้รัฐบริวารที่อื่นๆ พลอยแข็งข้อไปด้วย
นักการทูตตะวันตกนั้น วิเคราะห์ว่า เหตุการณ์คราวนี้ไม่ต่างไปจากเมื่อปี 1999 ที่ทางนาโตใช้กำลังทางอากาศกับเซอร์เบีย เพื่อทำลายล้างอำนาจของนายสโลโบดาน มิโลเซวิค
“รัสเซียนั้นต้องการทำแบบนี้ ก็เหมือนที่ทางประเทศตะวันตกเคยทำกับเซอร์เบียนั่นแหละ”
นี่พูดแบบเห็นใจรัสเซียนะครับ
แต่มุมมองของรัสเซียเห็นว่า สิ่งที่คือเป้าหมายจริงๆ ก็แค่เป็นการเข้าไปยึดพื้นที่ซึ่งจะคุมกลุ่มแบ่งแยกดินแดนให้ได้เท่านั้น
รัสเซียได้ใช้กำลังภาคพื้นดินและสิ่งอุปกรณ์การรบภาคพื้นไปยังสนามรบที่ออสเซเตียมากมาย และมีการรบหนักในช่วงแรกๆ
พวกเขากล่าวว่าในอาทิตย์ต่อมา กำลังทหารจอร์เจียก็ได้ถอนออกมาจากสนามรบเพราะทานกำลังฝ่ายรัสเซียไม่ไหว
ครับ... เรื่องแบบนี้ มันเป็นเรื่องของศักดิ์ศรีและความรู้สึกของรัสเซียที่ถึงที่สุดแล้วก็ยังคงนึกตลอดเวลาว่าจอร์เจียนั้นเป็นรัฐบริวารของตนอยู่ดี
และไม่อยากให้ล้ำหน้าเป็นอิสระหรือตกอยู่ภายใต้อิทธิพลของประเทศตะวันตกไปง่ายๆ