xs
xsm
sm
md
lg

ป.ป.ช.เชือด"พิจิตต"ทุจริตที่ดินบางซื่อ270ล้าน

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ป.ป.ช.เชือดอาญาและวินัยร้ายแรง "พิจิตต-สมคาด-ญาณเดช-มหินทร์-ประเสริฐ " จากกรณีทุจริตซื้อที่ดินตาบอดที่เขตบางซื่อ มูลค่า 270 ล้านบาท ชงอัยการสูงสุดเพื่อดำเนินคดีในศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของนักการเมือง

ตามที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ได้มีคำสั่งแต่งตั้งคณะอนุกรรมการไต่สวน เพื่อดำเนินการไต่สวนข้อเท็จจริง เรื่องกล่าวหา นายพิจิตต รัตตกุล เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กับพวก ว่า ร่วมกันทุจริตการจัดซื้อที่ดินเขตบางซื่อ เพื่อใช้เป็นที่จอดรถขยะของกรุงเทพมหานคร เมื่อปี 2540 วงเงิน 270,000,000 บาท นั้น การกระทำของผู้ถูกกล่าวหากับพวก ทำให้กรุงเทพมหานครได้รับความเสียหายต้องซื้อที่ดินในราคาแพงเกินความเป็นจริงมาก และเป็นที่ดินไม่ติดทางสาธารณะไม่สามารถใช้ประโยชน์ในที่ดินได้ตามวัตถุประสงค์ของการจัดซื้อ ทำให้ทางราชการเสียหาย

คณะกรรมการ ป.ป.ช.พิจารณาแล้ว มีมติว่า 1.นายพิจิตต รัตตกุล เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร นายสมคาด สืบตระกูล เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งเลขานุการผู้ว่าราชการจังหวัดกรุงเทพมหานคร และนายชวน พัฒนวรานนท์ เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการเขตบางซื่อ มีมูลความผิดทางอาญา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 149 มาตรา 151 และ มาตรา 157 นอกจากนี้ นายชวน พัฒนวรานนท์ ยังมีมูลความผิดทางวินัยอย่างร้ายแรงอีกด้วย

2.นายญาณเดช ทองสิมา เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งรองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร นายมหินทร์ ตันบุญเพิ่ม เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร มีมูลความผิดทางอาญา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 151 และ มาตรา 157

3.นายประเสริฐ สมะลาภา เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งปลัดกรุงเทพมหานคร นายสมควร รวิรัฐ เมื่อครั้งดำรงตำแน่งผู้อำนวยการสำนักการคลัง และ นางอรุณพรรณ แก้วมรินทร์ เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการกองระบบการคลัง มีมูลความผิดทางวินัยอย่างร้ายแรง และมีมูลความผิดทางอาญา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรตรา 151 และ มาตรา 157

4.นางอุไรวรรณ วัลยานนท์ เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งหัวหน้าฝ่ายการคลัง นายประยูร ดอกอังกาบ เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งนายช่างสำรวจ 6 ฝ่ายโยธา และนายวินัย สุขมาก เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งเจ้าพนักงานปกครอง 6 ฝ่ายทะเบียน สำนักงานเขตบางซื่อ มีมูลความผิดทางวินัยอย่างร้ายแรง

ทั้งนี้ให้ส่งรายงาน และเอกสาร พร้อมทั้งความเห็นไปยังผู้บังคับบัญชา เพื่อพิจารณาโทษทางวินัย และไปยังอัยการสูงสุด เพื่อดำเนินคดีอาญา ในศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองกับผู้ถูกกล่าวหาดังกล่าว แล้วแต่กรณีต่อไป
กำลังโหลดความคิดเห็น