xs
xsm
sm
md
lg

“สนธิ” เชื่อ “แม้ว” ลอบโฟนอินที่เชียงราย อัดยับ “มติชน” บิดเบือนข่าวสุดด้าน

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


“สนธิ” จับพิรุธ “นช.แม้ว” เชื่อลอบจัดฉากโฟนอินอยู่แถวสามเหลี่ยมทองคำ จ.เชียงราย เพราะเป็นพื้นที่ของ “ยุทธ ตู้เย็น” ก่อนย้ำคำพูด “ผรณเดช” ตอกหน้าอดีตนายกฯ ติง “ผู้พิพากษา” บ้าจี้ยอมให้นักโทษมอบอำนาจฟ้องร้อง อัดยับ “มติชน” สุดด้านบิดเบือนข่าว-ยอมขายวิญญาณให้ “ทักษิณ”



 คลิกที่นี่ เพื่อฟัง รายการ “Good Morning Thailand” 

รายการ “Good Morning Thailand” ดำเนินรายการโดย นายสนธิ ลิ้มทองกุล ออกอากาศทางสถานีโทรทัศน์เอเอสทีวี-ทีวีของประชาชน เวลา 06.00-07.00 น.วันจันทร์ถึงศุกร์ สำหรับวันอังคารที่ 24 มีนาคม 2552 ได้นำข่าวคราวต่างๆ มาวิเคราะห์ และนำเสนออย่างหลากหลายเช่นเคย โดยนายสนธิ กล่าวถึงกรณีที่คนเสื้อแดงประกาศที่จะรวมพลในอีก 2 วันข้างหน้าเพื่อปิดล้อมรัฐบาลว่า เชื่อว่าการที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี โฟนอินนั้น โดยส่วนตัวแล้วเชื่อว่าน่าจะอัดรายการแถวๆ จ.เชียงราย โดยจะเห็นได้จากการทำลิปซิงค์ซึ่งเสียงไม่ตรงกับปาก และมีลักษณะอัดรายการจากในสตูดิโอ

“ประกอบกับเวลา พ.ต.ท.ทักษิณ โฟนอิน มีเสียงโทรศัพท์ดังเป็นเสียงริงโทน ซึ่ง พ.ต.ท.ทักษิณ น่าจะอยู่แถวๆ ประเทศพม่า หรือฮ่องกง ซึ่งผมมั่นใจว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ขณะนี้อยู่แถวๆ สามเหลี่ยมทองคำ จ.เชียงราย ซึ่งเป็นพื้นที่ของนายยงยุทธ ติยะไพรัช อดีตกรรมการพรรคไทยรักไทย จึงอยากจะเตือนสติ ส.ส.เชียงราย ที่เทตัวเองให้กับ พ.ต.ท.ทักษิณ อย่างไม่ลืมหูลืมตา” นายสนธิ กล่าว

นายสนธิยังกล่าวถึงนายผรณเดช พูนศิริวงศ์ กรรมการผู้จัดการบริษัท หนังสือพิมพ์แนวหน้า จำกัด บุตรชายของนายวารินทร์ พูนศิริวงศ์ ประธานหนังสือพิมพ์แนวหน้า ได้ให้สัมภาษณ์ ดร.เจิมศักดิ์ ปิ่นทอง ทางรายการ “รู้ทันประเทศไทย” ของเอเอสทีวี ถึงกรณีที่มีกระแสข่าวว่าไปรับประทานอาหารกับ พ.ต.ท.ทักษิณ ว่า นายผรณเดชออกมาปฏิเสธว่ายืนยันไม่เคยพบกับ พ.ต.ท.ทักษิณ ตามที่เป็นข่าว และไม่อยากคุยกับคนที่ทำไม่บริสุทธิ์ต่อประเทศชาติ

“ในสมัยที่ พ.ต.ท.ทักษิณ มีอำนาจนั้น หนังสือพิมพ์แนวหน้าถูกกลั่นแกล้งเป็นอย่างมาก โดยนายวารินทร์ถูกตรวจสอบบัญชีทรัพย์สินเป็นครั้งแรกตั้งแต่เคยทำธุรกิจมา รวมทั้งหนังสือพิมพ์แนวหน้าถูกฟ้องร้องหลายคดี โดยแต่ละคดีจะถูกฟ้องในจังหวัดที่ไม่มีเครื่องบินลง อีกทั้งยังกลั่นแกล้งธุรกิจอื่นๆ ที่นายวารินทร์ทำอยู่” นายสนธิ ระบุ

ส่วนกรณีที่ พ.ต.ท.ทักษิณ มุ่งทำลายล้างประเทศไทย โดยกล่าวหา พล.อ.พัลลภ ปิ่นมณี พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ. และ พล.อ.สุรยุทธ จุลานนท์ ว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับการยึดอำนาจล้มล้างรัฐบาลทักษิณนั้น นายสนธิ กล่าวว่า พ.ต.ท.ทักษิณ จะพูดอะไรก็พูดได้ เพราะตัวเองไม่ต้องรับผิดชอบ เหมือนกับกรณีที่ พ.ต.ท.ทักษิณ เที่ยวไปมอบอำนาจฟ้องร้องตน ซึ่งผู้พิพากษาบางท่านบ้าจี้ เพราะยอมให้นักโทษชายมอบอำนาจได้ แสดงให้เห็นว่าตนถูกลิดลอนสิทธิในการซักค้านโจทก์ ซึ่งนี่คือปัญหาของกระบวนการยุติธรรม

นายสนธิ กล่าวอีกว่า ที่น่าสังเกตคือ พ.ต.ท.ทักษิณ พูดอะไรแล้วเข้าตัวเอง โดยเฉพาะคำพูดที่ระบุว่า “ไม่เป็นไร ผมพูดความจริง ใครกล้าทำก็ต้องกล้ายอมรับ อยากจะบอกว่ากรรมของคนบางคนก็ออนไลน์ บางคนชดใช้กรรมในชาตินี้ไม่ได้ ก็ต้องใช้ในชาติหน้า หรือบางคนอาจจะชดใช้กรรมมาจากชาติที่แล้ว เพราะกรรมข้ามชาติได้” ตรงนี้น่าสนใจมาก เพราะ พ.ต.ท.ทักษิณ ไม่ได้พูดถึงกรรมของตัวเองเลยแม้แต่นิดเดียว ฉะนั้นนัยของ พ.ต.ท.ทักษิณ ก็คือทำมือ มากกว่า ไม่ใช่ธรรมะ

“ส่วนกรณีที่หลายคนสะดุ้ง เพราะ พ.ต.ท.ทักษิณ ระบุว่า “ไม่เคยกลัว ผมพร้อมที่จะเปิดเผยความจริงทุกอย่าง ความจริงไม่พูดไม่ได้ ถ้าไม่ให้พูดยอมตายเสียดีกว่า” นั้น พ.ต.ท.ทักษิณ คงลืมไปแล้วว่า สนธิ ลิ้มทองกุล ผู้จัดการรายสัปดาห์ เอเอสทีวี ก็พร้อมที่จะเปิดเผยความจริง จนโดน พ.ต.ท.ทักษิณ ไล่บี้มาโดยตลอดระยะเวลาที่ พ.ต.ท.ทักษิณ มีอำนาจ จนต่อเนื่องมาถึงรัฐบาลนอมินี ซึ่งสิ้นสุดเมื่อปลายปี พ.ศ.2551 ฉะนั้นเวลาจะกล่าวหาใคร ขอให้ดูตัวเองด้วย” แกนนำพันธมิตรฯ กล่าว

นายสนธิยังกล่าวถึงกรณีที่ พ.ต.ท.ทักษิณ โฟนอิน ที่ จ.น่าน เมื่อเวลา 15.00 น.ของวันที่ 23 มี.ค.ที่ผ่านมาว่า ต้องระบุชัดลงไปว่ามีทั้ง นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว นางศิริพร รามสูตร ดร.วัลลภ สุกริยสินธุ์ นายนนนรินทร์ เหล่าอารยะ นายก อบจ.น่าน ซึ่งถือว่า จ.น่าน แดงทั้งจังหวัด จนกระทั่งเวลา 20.00 น. พ.ต.ท.ทักษิณ ได้โฟนอิน เข้าไปอีกครั้ง โดยระบุว่า “ประการสำคัญ อย่าไปหลงเชื่อกับสิ่งที่รัฐบาลชุดนี้จัดหาให้ในเรื่องเงินทองต่างๆ รับได้ แต่อย่าไปเชื่อ เพราะเป็นการหาเสียงของพวกเขา” ต้องขอเตือนความจำ พ.ต.ท.ทักษิณ ว่าเราเป็นคนพูดตลอดเวลาว่า พ.ต.ท.ทักษิณ เอาเงินภาษีของประชาชน ไปใช้ในโครงการเอื้ออาทรต่างๆ โดยเฉพาะการเงินหวยบนดินไปใช้ แต่วันนี้ พ.ต.ท.ทักษิณ กลับมาใช้มุขของพวกเรา ดังนั้นถ้าใครอยากอาเจียน ก็ขอให้อาเจียนไปเลย ส่วนกรณีที่นายจตุพร พรหมพันธุ์ แกนนำกลุ่มเสื้อแดง ออกมาข่มขู่บุคคลที่จะเปิดเผยชื่อนั้น การพูดเช่นนี้ทำให้ลายคนได้รับความเดือนร้อน

ส่วนกรณีที่หนังสือพิมพ์มติชนหน้า 3 ตำหนินายกษิต ภิรมย์ รมว.ต่างประเทศนั้น นายสนธิกล่าวว่า ทั้งหนังสือพิมพ์มติชน และหนังสือพิมพ์ข่าวสด ทำผิดจรรยาบรรณสื่อมวลชนอย่างหน้าด้านที่สุด โดยเฉพาะกรณีที่ระบุว่า “นายกษิตได้คะแนนไว้วางใจผ่านเกณฑ์ แต่การมีเสียงไม่ไว้วางใจจากร่วมรัฐบาล และพรรคประชาธิปัตย์เอง โดยยกกรณีนายเกียรติกร ภาคเพียรสิน ส.ส.ปราจีนบุรี พรรคประชาธิปัตย์ ว่าเป็นดุลพินิจของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกฯ และนายกษิตว่าจะพิจารณาตัวเองอย่างไร” นั้น ข้อเท็จจริงคือ คะแนนเสียงที่ไม่เอานายกษิตเป็นเสียงของ ส.ส.พรรคร่วมรัฐบาลที่เคยอยู่ร่วมกับรัฐบาลของนายสมัคร สุนทรเวช ที่สำคัญนายเกียรติกรนั้นย้ายมาจากพรรคมัชฌิมาธิปไตยที่ถูกยุบไปก่อนที่จะมาอยู่พรรคประชาธิปัตย์

“หน้า 3 ของหนังสือพิมพ์มติชน พูดหลายเรื่องที่โกหก โดยระบุถึงโพลประชาชน 18 จังหวัด โพลหนุนให้ปรับนายกษิตออกจากตำแหน่ง แต่ในเนื้อหาข่าวจริงๆ พบว่าผลสำรวจชี้ว่านายกษิตไม่สมควรที่จะถูกปรับออกถึงร้อยละ 58.4 ซึ่งเป็นสัดส่วนที่มากกว่า แต่หนังสือพิมพ์มติชนกลับพาดหัวข่าวบิดเบือน นอกจากนี้ยังมีข่าวทุเรศอีกหนึ่งข่าว คือ การพาดหัวข่าวย่อยว่า “มาร์คไม่แรงเท่าแม้ว” ซึ่งทำให้เข้าใจผิดว่าความนิยมของนายอภิสิทธิ์มีไม่เท่า พ.ต.ท.ทักษิณ ซึ่งเป็นนักโทษหลบหนีคดีอยู่ต่างประเทศ แต่ถ้าอ่านรายละเอียดในเนื้อข่าว กลับพบว่าความนิยมศรัทธาของประชาชนที่ถูกศึกษาต่อ พ.ต.ท.ทักษิณ อยู่ที่ร้อยละ 23.6 ส่วนนายอภิสิทธิ์ อยู่ที่ 50.6 ซึ่งถ้าคิดเทียบระดับกันแล้ว ถือว่า พ.ต.ท.ทักษิณ สอบตก และนายอภิสิทธิ์ ได้เกรดบีบวก” นายสนธิ กล่าว

แกนนำพันธมิตรฯ กล่าวอีกว่า ตนสงสารคนดีๆ ในหนังสือพิมพ์มติชน เพราะมีคอลัมนิสต์ดีๆ อยู่ 2-3 คน นอกนั้นใช้ไม่ได้เลย โดยเฉพาะเนื้อข่าว เพราะรับใช้ระบอบทักษิณอย่างเต็มตัว ตนจึงสงสารเพื่อนพ้องพี่น้องนักข่าวด้วยกันที่อยู่ในสภาพน้ำท่วมปาก ฉะนั้น ระบอบทักษิณจึงสร้างความแตกแยกทุกๆ และสร้างปัญหาทุกอย่างในสังคมไทย




กำลังโหลดความคิดเห็น