ผู้จัดการรายวัน – เอกชนท่องเที่ยวถอดใจ คนไทยเที่ยวไม่กระเตื้อง คาด 3 ไตรมาส ยอดวูบจากปีก่อน 40% เหตุยังเป็นเรื่องการเมืองและเศรษฐกิจ แจง 6 มาตรการ และ แคมเปญกระตุ้นของ ททท. ไม่ช่วยให้สถานการณ์ดีขึ้นได้ ด้านแอตต้าระบุ เดือนสิงหาคมนี้ นักท่องเที่ยวต่างชาติลด 10%
นางสาวมัยรัตน์ พีระญาณ์โกเศส นายกสมาคมท่องเที่ยวภายในประเทศ (สทน.) เปิดเผยว่า ราคาน้ำมันที่ลดลง และ 6 มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ ที่รัฐบาลได้ประกาศใช้อยู่ในขณะนี้ ไม่มีผลจูงใจให้คนไทยเดินทางท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นเลย ทั้งการเที่ยวกับบริษัททัวร์ และ การเดินทางท่องเที่ยวเอง ทั้งนี้เพราะ จากความแตกแยกของการเมืองภานในประเทศ และ สภาพเศรษบกิจที่ชะลอตัว ทำให้คนไทยหมดอารมณ์คิดเรื่องการท่องเที่ยว ดังนั้นในไตรมาส 3 ซึ่งเป็นช่วงโลว์ซีซั่นปีนี้ คาดว่าตลาดคนไทยจะลดลงจากปีก่อนถึง 60% ขณะที่ภาพรวม 3 ไตรมาสแรกจะลดลง 40% แต่ยังมีความหวังว่า คนไทยจะกลับมาเที่ยวกันคึกคักอีกครั้งช่วงปลายปี ซึ่งเป็นฤดูหนาว
จากข้อมูลดังกล่าว สทน. จึงต้องการให้ภาครัฐ และ หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เร่งยุติปัญหาความขัดแย้งที่มีอยู่ในขณะนี้โดยเณ้ว เพื่อให้บรรยากาศการเดินทางท่องเที่ยวของคนไทยกลับคืนมา เพราะหากเหตุการณ์เป็นเช่นนี้ แม้การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย(ททท.) จะออกแคมเปญ หรือ จัดกิจกรรมต่างๆมากระตุ้นมากมายก็ไม่เกิดผลดีขึ้น
อย่างไรก็ตาม ล่าสุด สทน. ได้ร่วมกับ สมาคมไทยบริการท่องเที่ยว(ทีทีเอเอ) บริษัทบัตรกรุงไทย และ บริษัทไทย-อะมาดิอุส เซาท์อีสต์เอเชีย จัดงาน “เที่ยวทั่วไทย ไปทั่วโลก” ครั้งที่ 6 โดยงานจะมีขึ้นระหว่างวันที่ 26 ก.พ.-1 มี.ค.52 ที่ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ โดยงานดังกล่าว ได้เปิดจำหน่ายบูธให้แก่ผู้ประกอบการ อาทิ บริษัทนำเที่ยว สายการบิน รถเช่า โรงแรมที่พัก เป็นต้น เป็นจำนวน 1,005 บูธ โดยทางกลุ่มผู้จัดงาน ตั้งเป้าว่าจะมีประชาชนสนใจเข้าร่วมชมงานไม่น้อยกว่า 6-7 แสนคน เกิดรายได้สะพัดกว่า 800 ล้านบาท เพิ่มจากปีนี้ ที่จัดงานไปแล้ว มีผู้เข้าชมงาน 4 แสนคน เกิดรายได้ 500 ล้านบาท และผู้จัดฯหวังว่างานดังกล่าวจะช่วยกระตุ้นตลาดคนไทยให้เดินทางท่องเที่ยวได้เพิ่มขึ้นในปีหน้า
ทางด้านนายเจริญ วังอนานนท์ นายกสมาคมไทยบริการท่องเที่ยว(ทีทีเอเอ) กล่าวว่า งานเที่ยวทั่วไทย ไปทั่วโลก ปีหน้า ตั้งงบจัดงานไว้ที่ 50 ล้านบาท โดยจะมีการขอปรับขึ้นราคาค่าบูธจากปีนี้อีก 15-20% ตามต้นทุนที่เพิ่มขึ้น สำหรับปีนี้คาดการณ์ว่า คนไทยจะเดินทางเที่ยวต่างประเทศเท่ากับปีก่อน หรือประมาณ 3.5 ล้านคน
ขณะที่นายอภิชาติ สังฆอารี นายกสมาคมไทยธุรกิจการท่องเที่ยว (แอตต้า)ในฐานะกรรมการสหพันธ์สมาคมท่องเที่ยว (เฟสต้า) กล่าวว่า ตัวเลขนักท่องเที่ยวต่างชาติ ที่เดินทางเข้ามาประเทศไทยโดยผ่านแอตต้า ในเดือนสิงหาคมนี้ ลดลง 10-15% เทียบกับปีก่อน สาเหตุจากเป็นช่วงเทศกาลบอลยูโร และ กีฬาโอลิม ประกอบกับเศรษฐกิจโลกชะลอตัว และปัญหาการเมืองของประเทศไทย การลดเที่ยวบิน และ ค่าธรรมเนียมน้ำมันที่แพงขึ้น
ล่าสุดเฟสต้า จัดโครงการเฟสต้า คลับ เพื่อนำสมาชิกร่วมกิจกรรมเดินทางไปต่างจังหวัด จัดเวทีสัมมนาแลกเปลี่ยนความคิดเห็น เพื่อลดปัญหาและอุปสรรคให้แก่สมาชิก โดยโครงการนี้จะช่วยให้ภาคเอกชนได้ใกล้ชิดกัน ช่วยเหลือกันในยามที่ธุรกิจอยู่ในภาวะคับขันเช่นทุกวันนี้
นางสาวมัยรัตน์ พีระญาณ์โกเศส นายกสมาคมท่องเที่ยวภายในประเทศ (สทน.) เปิดเผยว่า ราคาน้ำมันที่ลดลง และ 6 มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ ที่รัฐบาลได้ประกาศใช้อยู่ในขณะนี้ ไม่มีผลจูงใจให้คนไทยเดินทางท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นเลย ทั้งการเที่ยวกับบริษัททัวร์ และ การเดินทางท่องเที่ยวเอง ทั้งนี้เพราะ จากความแตกแยกของการเมืองภานในประเทศ และ สภาพเศรษบกิจที่ชะลอตัว ทำให้คนไทยหมดอารมณ์คิดเรื่องการท่องเที่ยว ดังนั้นในไตรมาส 3 ซึ่งเป็นช่วงโลว์ซีซั่นปีนี้ คาดว่าตลาดคนไทยจะลดลงจากปีก่อนถึง 60% ขณะที่ภาพรวม 3 ไตรมาสแรกจะลดลง 40% แต่ยังมีความหวังว่า คนไทยจะกลับมาเที่ยวกันคึกคักอีกครั้งช่วงปลายปี ซึ่งเป็นฤดูหนาว
จากข้อมูลดังกล่าว สทน. จึงต้องการให้ภาครัฐ และ หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เร่งยุติปัญหาความขัดแย้งที่มีอยู่ในขณะนี้โดยเณ้ว เพื่อให้บรรยากาศการเดินทางท่องเที่ยวของคนไทยกลับคืนมา เพราะหากเหตุการณ์เป็นเช่นนี้ แม้การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย(ททท.) จะออกแคมเปญ หรือ จัดกิจกรรมต่างๆมากระตุ้นมากมายก็ไม่เกิดผลดีขึ้น
อย่างไรก็ตาม ล่าสุด สทน. ได้ร่วมกับ สมาคมไทยบริการท่องเที่ยว(ทีทีเอเอ) บริษัทบัตรกรุงไทย และ บริษัทไทย-อะมาดิอุส เซาท์อีสต์เอเชีย จัดงาน “เที่ยวทั่วไทย ไปทั่วโลก” ครั้งที่ 6 โดยงานจะมีขึ้นระหว่างวันที่ 26 ก.พ.-1 มี.ค.52 ที่ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ โดยงานดังกล่าว ได้เปิดจำหน่ายบูธให้แก่ผู้ประกอบการ อาทิ บริษัทนำเที่ยว สายการบิน รถเช่า โรงแรมที่พัก เป็นต้น เป็นจำนวน 1,005 บูธ โดยทางกลุ่มผู้จัดงาน ตั้งเป้าว่าจะมีประชาชนสนใจเข้าร่วมชมงานไม่น้อยกว่า 6-7 แสนคน เกิดรายได้สะพัดกว่า 800 ล้านบาท เพิ่มจากปีนี้ ที่จัดงานไปแล้ว มีผู้เข้าชมงาน 4 แสนคน เกิดรายได้ 500 ล้านบาท และผู้จัดฯหวังว่างานดังกล่าวจะช่วยกระตุ้นตลาดคนไทยให้เดินทางท่องเที่ยวได้เพิ่มขึ้นในปีหน้า
ทางด้านนายเจริญ วังอนานนท์ นายกสมาคมไทยบริการท่องเที่ยว(ทีทีเอเอ) กล่าวว่า งานเที่ยวทั่วไทย ไปทั่วโลก ปีหน้า ตั้งงบจัดงานไว้ที่ 50 ล้านบาท โดยจะมีการขอปรับขึ้นราคาค่าบูธจากปีนี้อีก 15-20% ตามต้นทุนที่เพิ่มขึ้น สำหรับปีนี้คาดการณ์ว่า คนไทยจะเดินทางเที่ยวต่างประเทศเท่ากับปีก่อน หรือประมาณ 3.5 ล้านคน
ขณะที่นายอภิชาติ สังฆอารี นายกสมาคมไทยธุรกิจการท่องเที่ยว (แอตต้า)ในฐานะกรรมการสหพันธ์สมาคมท่องเที่ยว (เฟสต้า) กล่าวว่า ตัวเลขนักท่องเที่ยวต่างชาติ ที่เดินทางเข้ามาประเทศไทยโดยผ่านแอตต้า ในเดือนสิงหาคมนี้ ลดลง 10-15% เทียบกับปีก่อน สาเหตุจากเป็นช่วงเทศกาลบอลยูโร และ กีฬาโอลิม ประกอบกับเศรษฐกิจโลกชะลอตัว และปัญหาการเมืองของประเทศไทย การลดเที่ยวบิน และ ค่าธรรมเนียมน้ำมันที่แพงขึ้น
ล่าสุดเฟสต้า จัดโครงการเฟสต้า คลับ เพื่อนำสมาชิกร่วมกิจกรรมเดินทางไปต่างจังหวัด จัดเวทีสัมมนาแลกเปลี่ยนความคิดเห็น เพื่อลดปัญหาและอุปสรรคให้แก่สมาชิก โดยโครงการนี้จะช่วยให้ภาคเอกชนได้ใกล้ชิดกัน ช่วยเหลือกันในยามที่ธุรกิจอยู่ในภาวะคับขันเช่นทุกวันนี้