รอยเตอร์ - ประธานาธิบดีเปอร์เวซ มูชาร์รัฟ แห่งปากีสถาน ซึ่งขึ้นสู่อำนาจด้วยการรัฐประหารเมื่อ 9 ปีก่อน และเป็นพันธมิตรสำคัญที่สุดคนหนึ่งของสหรัฐฯในสงครามต่อสู้กับการก่อการร้าย ได้ประกาศลาออกจากตำแหน่งเมื่อวานนี้(18) เพื่อไม่ต้องเข้าสู่กระบวนการถอดถอนจากตำแหน่งของรัฐสภา
"ไม่ว่าผมจะแพ้หรือชนะ ประเทศชาติก็ต้องสูญเสีย" มูชาร์รัฟวัย 65 ปี ใช้เวลาถึงหนึ่งชั่วโมงในการแถลงผ่านสื่อโทรทัศน์และปกป้องการทำงานตลอดระยะเวลา 9 ปีของตนเอง เขากล่าวว่า "ชื่อเสียงและเกียรติยศของประเทศจะได้ผลกระทบไปด้วย และในความคิดเห็นของผม เกียรติยศของตำแหน่งประธานาธิบดีก็อาจจะได้รับผลกระทบด้วยเช่นกัน"
"หลังจากที่ประเมินสถานการณ์และปรึกษาหารือกับนักกฎหมายรวมทั้งพันธมิตรในทางการเมืองแล้ว ผมจึงตัดสินใจลาออกจากตำแหน่งตามคำแนะนำของพวกเขา" มูชาร์รัฟประกาศ
การวิ่งเต้นต่อรองและความผันผวนเกี่ยวกับตำแหน่งของมูชาร์รัฟที่ยืดเยื้อมานาน ได้ส่งผลกระทบต่อตลาดการเงินของปากีสถาน และยังสร้างความหวั่นวิตกให้กับสหรัฐฯ และพันธมิตรว่า จะทำให้การรับมือกับพวกหัวรุนแรงดำเนินไปผิดทิศทาง ทว่า หลังจากที่มูชาร์รัฟประกาศลาออกจากตำแหน่ง ดัชนีหุ้นของปากีสถานก็ปรับตัวสูงขึ้น 4 เปอร์เซ็นต์ พร้อมกับค่าเงินรูปีปากีสถานก็แข็งค่าขึ้นทันที
"ข่าวนี้ทำให้ความผันผวนต่างๆ ในตลาดหายไปหมด รวมทั้งความผันผวนในทางการเมืองด้วย รัฐบาลจะได้เริ่มหันมาทุ่มเทให้กับเรื่องเศรษฐกิจได้เสียที" อาซาด อิคบัล กรรมการผู้จัดการใหญ่ของอิสมาอิล อิคบัล ซีเคียวริตีส์ บอก
ส่วนฟาร์ซานา ราชา โฆษกหญิงของพรรคบุตโตกล่าวว่า "นับเป็นชัยชนะของพลังประชาธิปไตยทั้งหมดทั้งหมด และเป็นชัยชนะของเบนาซีร์ บุตโต รวมทั้งผู้ที่ต้องสังเวยชีวิตเพื่อประชาธิปไตย"
มูชาร์รัฟก่อรัฐประหารยึดอำนาจปกครองประเทศปากีสถานเมื่อปี 1999 แต่เขาต้องตกอยู่ในฐานะถูกโดดเดี่ยวที่สุด นับแต่ที่พวกพรรคพันธมิตรของเขาต่างสูญเสียที่นั่งในรัฐสภาไปในการเลือกตั้งเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ในขณะที่รัฐบาลผสมชุดใหม่ซึ่งนำโดยพรรคการเมืองของนางเบนาซีร์ บุตโต ซึ่งถูกลอบสังหารเมื่อปลายปีที่แล้ว ระบุเมื่อต้นเดือนนี้ว่าจะใช้กระบวนการของรัฐสภาในการถอดถอนมูชาร์รัฟออกจากตำแหน่ง
ด้านกองทัพซึ่งมีอิทธิพลสูงและปกครองประเทศมาเป็นเวลานานถึงครึ่งหนึ่งของประวัติศาสตร์ประเทศที่มีอายุ 61 ปีนั้น กลับไม่แสดงท่าทีใดๆ ต่อประเด็นขัดแย้งเกี่ยวกับอดีตผู้นำของตน อีกทั้งไม่มีสัญญาณว่าจะเกิดความไม่สงบใดๆ เกิดขึ้นหลังการลาออกของผู้นำประเทศด้วย
ทั้งนี้ ตามรัฐธรรมนูญของปากีสถาน ประธานวุฒิสภาจะรักษาการตำแหน่งประธานาธิบดีไปจนกว่าจะมีการเลือกตั้งประธานาธิบดีคนใหม่ภายใน 30 วันโดยมีวาระ 5 ปี
**ละเมิดรัฐธรรมนูญ**
บรรดาพรรคร่วมรัฐบาลของปากีสถาน กำลังเตรียมดำเนินการถอดถอนมูชาร์รัฟออกจากตำแหน่ง โดยอ้างข้อกล่าวหาว่า มูชาร์รัฟละเมิดรัฐธรรมนูญและจงใจประพฤติมิชอบ ขณะที่มีรายงานว่ามีเจ้าหน้าที่จากซาอุดีอาระเบีย สหรัฐฯ และอังกฤษเข้าร่วมในการเจรจาเพื่อยุติการเผชิญหน้าระหว่างมูชาร์รัฟกับรัฐบาลด้วย
แหล่งข่าวในพรรคร่วมรัฐบาลระบุด้วยว่า มูชาร์รัฟได้พยายามต่อรองเพื่อให้ได้ยกเว้นไม่ถูกดำเนินคดีตามความผิด แลกกับการยอมลาออก ทว่า ในการแถลงของมูชาร์รัฟคราวนี้ เขากลับยืนยันว่าไม่ได้เรียกร้องสิ่งใดทั้งสิ้น
"ผมไม่ต้องการอะไรจากใครทั้งนั้น ผมไม่มีผลประโยชน์เกี่ยวข้อง ผมจะปล่อยให้อนาคตของผมอยู่ในมือของประเทศชาติและประชาชน" มูชาร์รัฟกล่าว
ส่วนสหรัฐฯ ซึ่งเคยพึ่งพาความร่วมมือจากมูชาร์รัฟในการต่อสู้กับการก่อการร้าย โดยเฉพาะอย่างยิ่งภายหลังเหตุการณ์ 9/11 ก็ระบุว่าคำถามเกี่ยวกับอนาคตของมูชาร์รัฟนั้นเป็นเรื่องที่ชาวปากีสถานจะต้องตัดสินใจเอง
คอนโดลีซซา ไรซ์ รัฐมนตรีต่างประเทศของสหรัฐฯ กล่าวเมื่อวันอาทิตย์ (17) ว่ามูชาร์รัฟนั้นเป็น "พันธมิตรที่ดี" แต่เธอปฏิเสธที่จะกล่าวว่าสหรัฐฯ จะให้มูชาร์รัฟลี้ภัยหลังจากลงจากอำนาจหรือไม่
"เราไม่ได้คุยถึงประเด็นนี้กันในที่ประชุม" ไรซ์ให้สัมภาษณ์กับโทรทัศน์ช่องข่าว ฟ็อกซ์ นิวส์"
"ไม่ว่าผมจะแพ้หรือชนะ ประเทศชาติก็ต้องสูญเสีย" มูชาร์รัฟวัย 65 ปี ใช้เวลาถึงหนึ่งชั่วโมงในการแถลงผ่านสื่อโทรทัศน์และปกป้องการทำงานตลอดระยะเวลา 9 ปีของตนเอง เขากล่าวว่า "ชื่อเสียงและเกียรติยศของประเทศจะได้ผลกระทบไปด้วย และในความคิดเห็นของผม เกียรติยศของตำแหน่งประธานาธิบดีก็อาจจะได้รับผลกระทบด้วยเช่นกัน"
"หลังจากที่ประเมินสถานการณ์และปรึกษาหารือกับนักกฎหมายรวมทั้งพันธมิตรในทางการเมืองแล้ว ผมจึงตัดสินใจลาออกจากตำแหน่งตามคำแนะนำของพวกเขา" มูชาร์รัฟประกาศ
การวิ่งเต้นต่อรองและความผันผวนเกี่ยวกับตำแหน่งของมูชาร์รัฟที่ยืดเยื้อมานาน ได้ส่งผลกระทบต่อตลาดการเงินของปากีสถาน และยังสร้างความหวั่นวิตกให้กับสหรัฐฯ และพันธมิตรว่า จะทำให้การรับมือกับพวกหัวรุนแรงดำเนินไปผิดทิศทาง ทว่า หลังจากที่มูชาร์รัฟประกาศลาออกจากตำแหน่ง ดัชนีหุ้นของปากีสถานก็ปรับตัวสูงขึ้น 4 เปอร์เซ็นต์ พร้อมกับค่าเงินรูปีปากีสถานก็แข็งค่าขึ้นทันที
"ข่าวนี้ทำให้ความผันผวนต่างๆ ในตลาดหายไปหมด รวมทั้งความผันผวนในทางการเมืองด้วย รัฐบาลจะได้เริ่มหันมาทุ่มเทให้กับเรื่องเศรษฐกิจได้เสียที" อาซาด อิคบัล กรรมการผู้จัดการใหญ่ของอิสมาอิล อิคบัล ซีเคียวริตีส์ บอก
ส่วนฟาร์ซานา ราชา โฆษกหญิงของพรรคบุตโตกล่าวว่า "นับเป็นชัยชนะของพลังประชาธิปไตยทั้งหมดทั้งหมด และเป็นชัยชนะของเบนาซีร์ บุตโต รวมทั้งผู้ที่ต้องสังเวยชีวิตเพื่อประชาธิปไตย"
มูชาร์รัฟก่อรัฐประหารยึดอำนาจปกครองประเทศปากีสถานเมื่อปี 1999 แต่เขาต้องตกอยู่ในฐานะถูกโดดเดี่ยวที่สุด นับแต่ที่พวกพรรคพันธมิตรของเขาต่างสูญเสียที่นั่งในรัฐสภาไปในการเลือกตั้งเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ในขณะที่รัฐบาลผสมชุดใหม่ซึ่งนำโดยพรรคการเมืองของนางเบนาซีร์ บุตโต ซึ่งถูกลอบสังหารเมื่อปลายปีที่แล้ว ระบุเมื่อต้นเดือนนี้ว่าจะใช้กระบวนการของรัฐสภาในการถอดถอนมูชาร์รัฟออกจากตำแหน่ง
ด้านกองทัพซึ่งมีอิทธิพลสูงและปกครองประเทศมาเป็นเวลานานถึงครึ่งหนึ่งของประวัติศาสตร์ประเทศที่มีอายุ 61 ปีนั้น กลับไม่แสดงท่าทีใดๆ ต่อประเด็นขัดแย้งเกี่ยวกับอดีตผู้นำของตน อีกทั้งไม่มีสัญญาณว่าจะเกิดความไม่สงบใดๆ เกิดขึ้นหลังการลาออกของผู้นำประเทศด้วย
ทั้งนี้ ตามรัฐธรรมนูญของปากีสถาน ประธานวุฒิสภาจะรักษาการตำแหน่งประธานาธิบดีไปจนกว่าจะมีการเลือกตั้งประธานาธิบดีคนใหม่ภายใน 30 วันโดยมีวาระ 5 ปี
**ละเมิดรัฐธรรมนูญ**
บรรดาพรรคร่วมรัฐบาลของปากีสถาน กำลังเตรียมดำเนินการถอดถอนมูชาร์รัฟออกจากตำแหน่ง โดยอ้างข้อกล่าวหาว่า มูชาร์รัฟละเมิดรัฐธรรมนูญและจงใจประพฤติมิชอบ ขณะที่มีรายงานว่ามีเจ้าหน้าที่จากซาอุดีอาระเบีย สหรัฐฯ และอังกฤษเข้าร่วมในการเจรจาเพื่อยุติการเผชิญหน้าระหว่างมูชาร์รัฟกับรัฐบาลด้วย
แหล่งข่าวในพรรคร่วมรัฐบาลระบุด้วยว่า มูชาร์รัฟได้พยายามต่อรองเพื่อให้ได้ยกเว้นไม่ถูกดำเนินคดีตามความผิด แลกกับการยอมลาออก ทว่า ในการแถลงของมูชาร์รัฟคราวนี้ เขากลับยืนยันว่าไม่ได้เรียกร้องสิ่งใดทั้งสิ้น
"ผมไม่ต้องการอะไรจากใครทั้งนั้น ผมไม่มีผลประโยชน์เกี่ยวข้อง ผมจะปล่อยให้อนาคตของผมอยู่ในมือของประเทศชาติและประชาชน" มูชาร์รัฟกล่าว
ส่วนสหรัฐฯ ซึ่งเคยพึ่งพาความร่วมมือจากมูชาร์รัฟในการต่อสู้กับการก่อการร้าย โดยเฉพาะอย่างยิ่งภายหลังเหตุการณ์ 9/11 ก็ระบุว่าคำถามเกี่ยวกับอนาคตของมูชาร์รัฟนั้นเป็นเรื่องที่ชาวปากีสถานจะต้องตัดสินใจเอง
คอนโดลีซซา ไรซ์ รัฐมนตรีต่างประเทศของสหรัฐฯ กล่าวเมื่อวันอาทิตย์ (17) ว่ามูชาร์รัฟนั้นเป็น "พันธมิตรที่ดี" แต่เธอปฏิเสธที่จะกล่าวว่าสหรัฐฯ จะให้มูชาร์รัฟลี้ภัยหลังจากลงจากอำนาจหรือไม่
"เราไม่ได้คุยถึงประเด็นนี้กันในที่ประชุม" ไรซ์ให้สัมภาษณ์กับโทรทัศน์ช่องข่าว ฟ็อกซ์ นิวส์"
