xs
xsm
sm
md
lg

ยักษ์ใหญ่ญี่ปุ่นเสนอซื้อแบงก์สหรัฐฯ สัญญาณชัดเจนธนาคารซามูไร“ฟื้นตัว”

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

วอลสตรีทเจอร์นัลเอเชีย – มิตซูบิชิ ยูเอฟเจ ไฟแนนเชียล กรุ๊ป (เอ็มยูเอฟจี) กลุ่มกิจการธนาคารใหญ่ที่สุดของญี่ปุ่น เสนอซื้อหุ้นของธนาคารยูเนียนแบงก์แห่งแคลิฟอร์เนียแห่งสหรัฐฯเป็นจำนวน 35% หรือคิดเป็นมูลค่า 3,000 ล้านดอลลาร์ โดยมีเป้าหมายที่การควบรวมกิจการ และนับเป็นความเคลื่อนไหวล่าสุดที่ชี้ให้เห็นการกลับตาลปัตรกันของโชคชะตาของแบงก์ญี่ปุ่นกับแบงก์อเมริกัน
เอ็มยูเอฟจีเล็งขยายธุรกิจเข้ามาในสหรัฐฯ ในช่วงที่วงการธนาคารสหรัฐฯกำลังระส่ำระสาย โดยการเสนอซื้อหุ้นของของธนาคารยูเนียนแบงก์แห่งแคลิฟอร์เนีย (ยูเนียนแบนแคล) ในราคาหุ้นละ 63 ดอลลาร์ ไปยังผู้ถือหุ้นโดยตรง ซึ่งเรียกว่า การเสนอซื้อหุ้นโดยฝ่ายเดียวโดยไม่ผ่านการตกลงกับฝ่ายบริหารของบริษัท (unsolicited bid) และก็ส่งผลทำให้หุ้นของยูเนียนแบนแคลในตลาดหลักทรัพย์นิวยอร์กปิดวันจันทร์(11) เหนือราคาเสนอซื้อที่ 65.50 ดอลลาร์ อย่างไรก็ตามหลายฝ่ายก็ยังจับตาดูว่าผู้ถือหุ้นจะรับราคาเสนอซื้อนี้หรือไม่
หากคิดที่ราคา 63 ดอลลาร์ต่อหนึ่งหุ้น ก็เท่ากับว่าเอ็มยูเอฟจีคิดราคายูเนียนแบนแคลทั้งกิจการ ที่ 8,800 ล้านดอลลาร์ ราคาเสนอซื้อนี้ห่างจากมูลค่าของบริษัทคิดตามราคาปิดเมื่อวันจันทร์อยู่ราว 8.3%แต่ก็สูงกว่าราคาหุ้นเฉลี่ยทั้งเดือนอยู่ 25%
ทางเอ็มยูเอฟจีออกมาบอกว่า “เราเห็นว่าการเสนอซื้อครั้งนี้เป็นบันไดขั้นแรกไปสู่การขยายธุรกิจในสหรัฐอเมริกา ซึ่งจะทำให้เรามีความยืดหยุ่นมากขึ้นด้านการบริหาร และสามารถวางเป้าหมายเพื่อเสริมความแข็งแกร่งของเราในสหรัฐฯให้เพิ่มขึ้นได้” แต่ในแถลงการณ์ก็มิได้ให้รายละเอียดแผนการธุรกิจของกลุ่มในสหรัฐฯแต่อย่างใด
การเสนอซื้อคราวนี้นับเป็นหลักฐานล่าสุดแสดงถึงการกลับตาลปัตรของโชคชะตา ระหว่างภาคธนาคารของญี่ปุ่นกับของสหรัฐฯ เพราะเพียงเมื่อ 10 ปีก่อน พวกแบงก์ญี่ปุ่นยังอยู่ในอาการเสียหายหนักจากปัญหาหนี้เสียที่ปล่อยอย่างสะเพร่าให้แก่เหล่านักพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ จนเป็นเหตุทำให้รัฐบาลญี่ปุ่นใช้จ่ายเงินภาษีอากรร่วมๆ 440,000 ล้านดอลลาร์มาช่วยเหลือค้ำจุนพยุงพวกเขา และกระทั่งโอนแบงก์ซึ่งอาการหนักที่สุดจำนวนหนึ่งเข้าเป็นของรัฐ เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดความแตกตื่นในตลาดการเงิน กระบวนการเหล่านี้เองที่ทำให้พวกแบงก์อย่าง เอ็มยูเอฟจี ต้องปรับโครงสร้างและรวมศูนย์กิจการ โดยพวกธนาคารใหญ่ที่สุด ได้ฟื้นตัวเพิ่มความแข็งแกร่งขึ้นในระยะไม่กี่ปีมานี้
ทว่า ในปัจจุบัน แม้ว่าคู่แข่งในสหรัฐฯและยุโรปจำนวนมากยังคงต้องต่อสู้ดิ้นรนกับพิษร้ายของวิกฤตอสังหาริมทรัพย์และสินเชื่อตึงตัวกันอยู่ แต่พวกธนาคารใหญ่ที่สุดของญี่ปุ่นเหล่านี้กลับมีสุขภาพแข็งแรงพอที่จะคิดขยายไปต่างแดน
ก่อนหน้านี้ สุมิโตโม มิตซุย ไฟแนนเชียล กรุ๊ป ซึ่งเป็นกลุ่มธนาคารใหญ่อันดับ 2 รองจากเอ็มยูเอฟจี เมื่อคิดจากมูลค่าตามราคาในตลาดหุ้น ก็แถลงในเดือนมิถุนายนว่า จะอัดฉีดเงินร่วม 1,000 ล้านดอลลาร์เข้าไปในแบงก์บาร์เคลย์ ของอังกฤษ ส่วนเมื่อเดือนมกราคม มิซูโอ ไฟแนนเชียล กรุ๊ป แบงก์ยักษ์ญี่ปุ่นอีกแห่งหนึ่ง ก็ได้ช่วยวาณิชธนกิจ เมอร์ริลลินช์ ของสหรัฐฯ ด้วยการซื้อหุ้นบุริมสิทธิ์ เป็นมูลค่า 1,200 ล้านดอลลาร์
ในอีกด้านหนึ่ง การที่มูลค่าหุ้นในสหรัฐฯลดฮวบลง ก็ได้กระตุ้นให้เกิดกระแสการเสนอซื้อหุ้นแบบมิให้ตกลงกันไว้ก่อน เพิ่มขึ้นอย่างมากในปีนี้ และจุดประสงค์หลักก็คือควบรวมกิจการ ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดก็คือข้อเสนอซื้อของอินเบฟ เอ็นวี บริษัทอาหารยักษ์ใหญ่ของเนเธอร์แลนด์ซึ่งเสนอต่อแอนฮอยเซอร์-บุช ผู้ผลิตเบียร์บัดไวเซอร์ นอกจากนี้ เงินดอลลาร์สหรัฐฯที่อ่อนค่าลงในช่วงต้นปีนี้ก็ยิ่งทำให้บริษัทต่างประเทศทุนหนาต้องการจะขยายกิจการเข้ามาในสหรัฐฯโดยใช้การควบรวมกิจการเป็นฐาน
อย่างไรก็ตาม การเสนอซื้อโดยไม่มีการเจรจากันไว้ก่อน ที่มาจากบริษัทต่างประเทศนั้นคิดเป็นสัดส่วนน้อยมากเมื่อเทียบกับการเสนอซื้อแบบอื่น ๆ ทั้งนี้หากว่าเอ็มยูเอฟจีประสบความสำเร็จในซื้อหุ้นของยูเนียนแบนแคล ซึ่งเป็นธนาคารใหญ่อันดับ 25 ของสหรัฐฯเมื่อนับจากสินทรัพย์ ที่มีธุรกิจหลักก็คือการให้บริษัทขนาดกลางกู้เงิน ก็จะเป็นฐานอย่างดีสำหรับการบุกตลาดสหรัฐฯต่อไป
ข้อเสนอซื้อฝ่ายเดียวของฝ่ายญี่ปุ่นนี้มีขึ้น ภายหลังจากที่การเจรจาเสนอซื้อหุ้นอย่างเป็นมิตร ระหว่างบอร์ดบริษัทกับกรรมการบริหารที่มาจากคนนอกของยูเนียนแบนแคล ประสบความล้มเหลวโดยสิ้นเชิง ยูเอ็มเอฟจีติดต่อยูเนียนแบนแคลไปครั้งแรกเมื่อวันที่ 22 เมษายนเสนอซื้อหุ้นด้วยราคา 58 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อหนึ่งหุ้น แต่ทางแบงก์สหรัฐฯปฏิเสธข้อเสนอซื้อ เพราะบอกว่าราคาถูกเกินไปเมื่อวันที่ 23 มิถุนายน แต่ก็มิได้เคลื่อนไหวอย่างอื่น ๆเพื่อระงับความพยายามควบรวมกิจการของยูเอฟเอ็มจี
แหล่งข่าวภายในบริษัทบอกว่ากรรมการบริหารบริษัทก็คาดว่าธนาคารญี่ปุ่นจะกลับไปเสนอซื้ออย่างเป็นมิตรอีกครั้งหนึ่ง ดังนั้น จึงไม่ระวังว่ายูเอฟเอ็มจีจะใช้กลยุทธเสนอซื้อไปยังผู้ถือหุ้นเลยเช่นนี้
เอ็มยูเอฟจีแถลงว่าการที่ธนาคารตัดสินใจเสนอซื้อไปยังผู้ถือหุ้นเลยก็เนื่อง “การเจรจากับคณะกรรมการบริหารของบริษัทในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมาไม่ประสบความสำเร็จ” แหล่งข่าวที่ใกล้ชิดกับเรื่องนี้อธิบายว่า เหตุผลอีกประการหนึ่งก็คือธนาคารไม่อยากจะ “เสนอราคาแข่งกับตัวเอง” อย่างไรก็ตามแหล่งข่าวทางยูเนียนแบนแคลก็ยืนยันกรรมการบริหารนั้นยินดีที่จะเจรจาต่อรองกับยูเอ็มเอฟจีตลอดเวลา
และธนาคารสหรัฐฯก็แถลงว่าตอนนี้กรรมการบริหารคนนอกและที่ปรึกษาทางการเงินก็กำลังประเมินข้อเสนอของเอ็มยูเอฟจี แม้ว่าทางบริษัทจะไม่ได้รับข้อเสนอซื้ออย่างเป็นมิตรจากทางญี่ปุ่นก็ตาม
กำลังโหลดความคิดเห็น