xs
xsm
sm
md
lg

รับสั่งให้ร่วมรักษ์ป่ารักษ์น้ำส่งกำลังใจทหารหาญ3จชต.

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ผู้จัดการรายวัน - "พระราชินี" ทรงชื่นชมประชาชนที่ออกมาทำการกุศล เฉลิมฉลองและอวยพรผ่านทางสื่อมวลชน-จดหมาย รับสั่งให้ร่วมรักษ์ป่ารักษ์น้ำให้และส่งกำลังใจให้ทหารหาญ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้

วานนี้ (11 ส.ค.) เวลา 16.55 น. สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ เสด็จพระราชดำเนินพร้อมด้วย สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี ทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนราชกัญญา สิริวัฒนาพรรณวดี พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าศรีรัศมิ์ พระวรชายาในสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร และพระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสมสวลี พระวรราชาทินัดดามาตุ มายังศาลาดุสิดาลัย พระตำหนักจิตรลดารโหฐาน พระราชวังดุสิต พระราชทานพระราชวโรกาสให้คณะบุคคลต่างๆ เข้าเฝ้าทูลละอองพระบาท ถวายพระพรชัยมงคล เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา 12 สิงหาคม 2551 โดยมีใจความตอนหนึ่งว่า
"แม้ว่าปีนี้ข้าพเจ้าจะอายุ 76 แต่เมื่อได้รับพรจากท่านทั้งหลาย ก็ทำให้มีกำลังวังชาเพิ่มขึ้น ไม่รู้สึกเหน็ดเหนื่อยเลย ขอขอบคุณผู้มีน้ำใจอีกหลายท่านที่จัดอาหารและน้ำดื่มมาบริการประชาชนจำนวนมาก ที่เดินทางมาอวยพรกับข้าพเจ้า
นับตั้งแต่ต้นเดือนสิงหาคมนี้ ซึ่งเป็นเดือนเกิดของข้าพเจ้า มีประชาชนออกมาทำการกุศล เฉลิมฉลองและอวยพรข้าพเจ้า ผ่านทางสื่อมวลชนทั้งหลาย รวมทั้งส่งจดหมายอวยพรไปถึงข้าพเจ้าด้วย สิ่งนี้ทำให้ข้าพเจ้ารู้สึกซาบซึ้งในน้ำใจของทุกท่าน และขอขอบคุณด้วย

มีเรื่องสำคัญอย่างหนึ่งที่ประชาชนชาวไทยร่วมกันทำเพื่อเป็นของขวัญให้กับข้าพเจ้า คือการปลูกป่า หลังจากที่ข้าพเจ้าได้เรียกร้องให้ประชาชนเห็นความสำคัญของป่าไม้ ต่อเนื่องกันมาเป็นสิบๆ ปี บัดนี้เป็นที่น่าชื่นใจมากว่า ประชาชนก็เข้าใจ ข้าพเจ้าพยายามอ่านหนังสือต่างประเทศอยู่ตลอดเวลา ได้ทราบว่าปัญหาต่อไปของโลก ของชาวโลก ซึ่งข้าพเจ้าคิดว่าเป็นปัญหาใหญ่ที่จะมา เห็นเขาว่า ประมาณอีก 15 ปี น้ำจืดที่พวกเรารับประทานกันเนี่ย จะเป็นของที่หายาก ที่จะยากมาก ก็ทำให้ข้าพเจ้ารู้สึกว่า เมื่ออ่านทราบแล้วก็เกิดความร้อนใจว่า บ้านเรานี่ไม่มีแหล่งน้ำใหญ่ๆ มีแต่ป่า นี่ถ้าเผื่อคนไทยไม่ทราบว่าป่าไม้คืออะไร ป่าไม้ก็คือที่สะสมน้ำไว้ใต้ดินนี่เอง ที่ฤดูฝนแทนที่น้ำฝนจะไหลหลากลงไปที่ทะเล ถ้ามีป่า ป่าเหล่านั้น ต้นไม้ใหญ่ๆ เหล่านั้นจะดูดน้ำไว้ใต้ดินของเขา ใต้ต้นของเขา ไว้เป็นจำนวนมาก แล้วตามกิ่ง ก้าน ทั้งหลาย เขาจะดูดไว้ เรียกว่าเป็นแหล่งน้ำที่ดี แล้วก็ออกมาเป็นลำธารน้อยใหญ่ อันนี้ที่อยากให้ราษฎรทั้งหลายเข้าใจ ไม่ใช่ไปนึกแต่ว่า มีป่านี่ ไม้สัก ไม้อะไรต่างๆ นี่สำหรับตัดไปค้าขายอย่างเดียว มันมีประโยชน์อย่างอื่นด้วยที่เราน่าจะคำนึงถึง
เพราะฉะนั้น ประเทศไทยนี่ก็มีประชากรจำนวนมาก ไม่ใช่น้อย ถ้าน้ำจืดต่อไปใน 15 ปี เป็นของที่หายาก ที่เรียกว่าแพง ถูกล่ะสมัยนี้เขาเอาน้ำทะเลมากลั่นเป็นน้ำจืดได้ แต่ว่าค่าทำนี่แพงเหลือหลาย แล้วประเทศเราก็ไม่ใช่ว่าเป็นประเทศที่ร่ำรวยอะไรมาก ถ้าถึงขนาดต้องเอาน้ำทะเลมากลั่นเพื่อเลี้ยงประชากรนี่ ก็นึกว่าไม่ค่อยดีนัก เพราะฉะนั้นทำไมเราจะไม่รู้จักเก็บป่าไม้ ซึ่งเป็นแหล่งที่สะสมน้ำไว้ให้ดี อย่าพากันไปตัดคนละหนุบคนละหนับ ความจริงป่าไม้เนี่ยก็เป็นของคนไทยทั้งชาติ เป็นผลประโยชน์ของคนไทยทั้งชาติ ไม่มีสิทธิ์ที่ฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดจะแอบเข้าไปตัดแล้วก็ทำการค้าแต่ลำพัง แล้วต่อไปถ้าประเทศไทยขาดน้ำ จะทำยังไง เพราะเราก็ไม่ใช่ประเทศที่ว่าร่ำรวย
ต่อมาข้าพเจ้าได้รับข่าวที่น่าชื่นใจว่า ประชาชนหันมาปลูกป่าและปลูกต้นไม้กันทั่วไปในบ้านในเมือง ก็เห็นจะเป็นที่ทางต่างประเทศเขาเป็นห่วงถึงโลกร้อน ถ้ามีแต่ มองไปทางไหนเวิ้งว้าง แล้วเมืองเราเป็นเมืองร้อนก็คงลำบาก ก็คงจะเข้าใจว่า น่าจะช่วยกันปลูกต้นไม้ ซึ่งเป็นนิมิตรหมายที่ดีว่า ต่อไปบ้านเราพอจะมีน้ำกินน้ำใช้ไม่แห้งแล้ง แล้วต้องซื้อน้ำจากประเทศต่างๆ


เมื่อสมัยก่อนข้าพเจ้าเห็นปลาหลายชนิดเชียว มีบ้านข้าพเจ้าที่เทเวศร์ มีท่าน้ำเล็กๆ เป็นไม้ เอามือลูบไปข้างล่างของท่าน้ำเนี่ย จะจับกุ้งได้ ความที่กุ้ง ปลา อะไรเนี่ยบริบูรณ์ คือ ชื่นใจ พ่อแม่ข้าพเจ้าก็ชื่นใจว่าคนไทยจะไม่มีวันอดตาย พ่อแม่ข้าพเจ้าก็เสียชีวิตไปนานแล้ว ก็ไม่ทราบว่าเดี๋ยวนี้แม่น้ำเจ้าพระยาของพวกเราเนี่ยอยู่ไม่ได้ ปลาอยู่ไม่ได้ เหลือแต่ปลาสวายซึ่งแย่มากๆ ไม่อร่อย อันนี้ข้าพเจ้าฟังจากผู้เชี่ยวชาญแล้วไม่สบายใจ ถึงได้อ้อนวอนทุกคนว่า ให้พวกคนไทยเราช่วยกัน ให้แม่น้ำเจ้าพระยาเป็นที่ที่มีอาหารของคนไทยอย่างมากมาย จะไม่มีวันอดตาย

อย่างสารเคมีต่างๆ เนี่ย ก็ไม่ควรที่จะอนุญาตให้โรงงานต่างๆ ทิ้งสารเคมีลงไปในแม่น้ำเจ้าพระยา เพราะต่างประเทศเขาก็ไม่ทำกันอย่างนั้น เขามีกฎหมายอย่างแข็งแรงที่ว่า ไม่สามารถจะทิ้งน้ำอะไรๆ ก็ได้

นักท่องเที่ยวทั่วโลก ข้าพเจ้าเคยพบเป็นบางคน ถามเขาว่าทำไมถึงชอบมาเมืองไทยมาก ที่อื่นก็มี ทะเลมีชายทะเลที่สวยงาม แต่นักท่องเที่ยวเขาบอก คนไทยนี่น่ารักเหลือเกิน น่ารักมาก ที่เขาจะมาอยู่ที่ภูเก็ตเอย ที่ไหนก็ตาม หัวหินตอนนี้ก็แยะ เขาอยู่ในหมู่คน (ทรงหันไปรับสั่งที่ปรึกษาให้ขยับมานั่งใกล้ๆ "มานั่งใกล้ๆ 76 หน่อยซิ มานั่งใกล้ๆ จะได้ช่วยเปิด" - ทรงพระสรวล"
ที่ข้าพเจ้าอยากจะ ที่เบิกบานมากเพราะว่านักท่องเที่ยวทั่วโลกเขาให้กรุงเทพฯ เป็นที่ 1 ในโลก ความสวยงามของสถานที่ ประวัติศาสตร์ ศิลปะ ประเพณี อาหาร ความหลากหลายในการจับจ่ายใช้สอย ไปจนถึงอัธยาศัยที่งดงามของคนไทย อันนี้ปลื้ม ปลื้มตลอดเวลา พอมาปีนี้ได้อันดับ 1 ยิ่งปลื้มหนักเข้าไป
ข้าพเจ้าอ่านหนังสือเกี่ยวกับ Newsweek กับ Time เกี่ยวกับแม่น้ำโขง ข้าพเจ้าก็พูดเตือนตอนที่ตามเสด็จฯ ไปที่ภาคอีสาน ก็เตือนคนไทยทั้งหลายว่า อย่าพยายามทำลายป่านักเลย ทิ้งไว้บ้างเพื่อจะได้มีน้ำ น้ำรับประทาน น้ำใช้ เขาก็หัวเราะ หัวเราะอย่างน่าเอ็นดู เขาขำข้าพเจ้า เขาบอก โธ่ท่าน ทำไมท่านจะต้องไปวิตกเกี่ยวกับเรื่องน้ำกินน้ำใช้ ท่านก็รู้ดีว่าอีสานมีแม่น้ำโขงอยู่ใกล้

ต่อมาเมื่อเร็วๆ นี้ก็ได้อ่านหนังสือ Time กับ Newsweek ก็แปลว่า เขาถ่ายรูปมาด้วย แม่น้ำโขงแห้งผาก แห่งขอดจนเห็น จนเห็นแต่ก้อนหิน แล้วก็หนังสือพิมพ์ Time กับ Newsweek เขาก็ลงว่าเป็นที่ทำให้พวกหากินเกี่ยวกับจับปลา จับสัตว์น้ำ ของประเทศไทยและประเทศใกล้เคียง เป็นที่ตกใจแล้วก็กลุ้มใจกันมากว่าเดี๋ยวนี้แม่น้ำโขงเกิดแห้งผากขึ้นมา อันนี้ข้าพเจ้าเองตะก่อนก็ไม่ทราบว่าแม่น้ำโขงจะแห้งผากลงมาขนาดนี้ แต่พออ่านหนังสือพิมพ์ Time กับ Newsweek ซึ่งออกมาประมาณเกือบ 2 ปีแล้วที่เขาถ่ายรูปให้เห็นว่า แม่น้ำโขงนี้เราไปจับปลา ปลาบึกปลาอะไรไม่ได้ มันไม่ไหวแล้ว เพราะต้นของแม่น้ำโขงอยู่ที่ในประเทศจีน ประเทศจีนเดี๋ยวนี้เขาสร้างเขื่อนที่ใหญ่โตมาก ที่เขาเข้าใจว่า เขารู้เขาเข้าใจว่า เขาประชากรแยะ และก็ประชากรต่างๆ ที่จะทำงานได้ดี ได้ผลดีก็ต้องอาศัยน้ำ บังเอิญต้นน้ำของแม่น้ำโขงอยู่ในประเทศจีน เขาก็สร้างเขื่อนใหญ่โตแล้วก็กั้นน้ำ เพราะฉะนั้นเวลานี้แม่น้ำโขงก็ไม่สามารถที่จะเป็นที่พึ่งของเราได้ ข้าพเจ้าก็ยังอยากพบข้าราชการที่ขบขันข้าพเจ้า ที่เขาบอก แหม ท่านเป็นห่วงอะไรกับอีสาน เพราะว่าแม่น้ำโขงนี่อยู่ใกล้ๆ นี่เอง แล้วน้ำมากมาย ทำไมท่านต้องย้ำว่าให้ดูแล ป่าจะได้มีน้ำใช้ อะไร เขาเห็นข้าพเจ้านี่เป็นตัวน่าขันที่สุด แล้วเดี๋ยวนี้ข้าพเจ้าก็คิดถึงเขานี่จะว่ายังไง น้ำโขงแห้ง ขลุกขลิกๆ จับปลาบึกก็ไม่ได้ (ทรงพระสรวล)
ต่อไปก็อยากจะพูดถึงสถานการณ์ในภาคใต้ ที่เป็นปัญหาสืบเนื่องมาตั้ง 4-5 ปีแล้ว อันนี้ก็น่าหนักใจ แต่ทราบว่าเดี๋ยวนี้ ขณะนี้ก็ดีขึ้น ข้าพเจ้าเองเมื่อคราวที่แล้วก็ไม่สบาย หมอไม่ได้ให้ไปภาคใต้ ไม่ใช่ว่าจะละทิ้งเขา ก็ตั้งใจว่าปีนี้ก็จะไปอีก เพราะว่าชาวบ้าน ที่ข้าพเจ้าแปลกใจชาวอิสลามเขาพูดกับข้าพเจ้าบอกว่า เวลาประไหมสุหรีไม่มาพวกเราลำบาก เป็นอิสลามที่พูดอย่างนี้ เพราะข้าพเจ้าก็ทำตามพระบรมราชโองการ ไม่ได้ช่วยแต่ชาวพุทธ ช่วยทั้งชาวพุทธ ทั้งไทยอิสลาม เสมอกัน อย่างพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ เสด็จฯ ไปประทับภาคใต้ ทรงทะนุบำรุงวัดไทย ก็ทรงทะนุบำรุงสุเหร่าที่อยู่ใกล้ๆ เหมือนกันหมดทุกอย่างให้เกิดความสามัคคีไม่น้อยหน้ากัน ก็ทรงทำอย่างนั้น ตะก่อนนี้ข้าพเจ้า ข้าพเจ้าไปภาคใต้ครั้งแรกในชีวิตคือ ตอนอายุ 40 ไปฉลองวันที่ 12 สิงหา ที่นราธิวาส แล้วพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ได้เสด็จฯ ไปตรวจดูเกี่ยวกับดิน เกี่ยวกับน้ำ ก็ทรงพบว่าน้ำแม่น้ำเปรี้ยวจัดมาก ก็ทรงเห็นประทับเรือแล้วทรงตักน้ำแม่น้ำส่งมาทางกรุงเทพฯ ให้ดูถึงความเปรี้ยวเท่าไหร่ๆ ทรงบุกด้วยพระองค์เองทั้งนั้นจนกระทั่งด้วยความช่วยเหลือจากข้าราชการต่างๆ และกรมชลประทาน ก็เดี๋ยวนี้คนทางใต้ หมายถึงนราธิวาส ปัตตานี สามารถทำนาได้ปีละบางทีเกือบ 3 ครั้ง เพราะว่าทรงช่วยกับกรมชลประทานช่วยกันแก้ไขเหตุการณ์ต่างๆ ทำให้อยู่ดีกินดีขึ้น
แต่ตอนนี้ก็มาปัญหาถึงความไม่เข้าใจระหว่างศาสนา ซึ่งแต่ไหนแต่ไรรัฐบาลเราก็พยายามเต็มที่ให้ศาสนาทุกศาสนาในประเทศไทยได้อยู่กันอย่างเป็นอิสระ สามารถนับถือศาสนาของตัว ทะนุบำรุงศาสนาของตัวอย่างเป็นอิสระไม่มีใครรังแก จนกระทั่งชาวต่างประเทศพูดกับข้าพเจ้าว่า แหมเมืองไทยนี่ยอดเลย ทุกศาสนา โดยเฉพาะที่กรุงเทพฯ อยู่กันอย่างสงบสุขไม่เคยมีประวัติสงครามศาสนาเลย แต่บัดนี้ที่ภาคใต้น่าห่วง
แต่ก่อนนี้ที่เสด็จฯ ไป พระสงฆ์ในศาสนาพุทธ และผู้นำของศาสนาอิสลาม เป็นมิตรกัน อยู่ด้วยกันอย่างสงบสุข เสด็จฯ ทุกปี เพิ่งเสด็จฯ ไม่ไหวมาไม่กี่ปีนี้เอง
ข้าพเจ้าก็ไม่เข้าใจในสาเหตุเหมือนกัน ก็พยายามพูดกับคนอิสลาม เขาก็พูดเลย ข้าพเจ้าเอง อย่างข้าพเจ้าไปปีที่แล้วไปเมื่อต้นปีนี้ ไปแค่ 10 วัน เพราะว่าไปไม่ไหวก็เลยไปแค่ 10 วัน เขาก็มากระซิบกับข้าพเจ้า บอก เวลาที่ท่านไม่ไปเนี่ย เวลาประไหมสุหรีไม่ไปเนี่ย พวกเราลำบาก ข้าพเจ้ามองหน้า เพราะว่าจากปากของคนอิสลาม พวกเราลำบาก แต่ว่าเวลาท่านไปเนี่ยพวกเราสบาย ขอให้ท่านอย่าทิ้งใต้เลยเป็นอันขาด เพราะข้าพเจ้าก็ให้ทำหน้าที่อย่างเดียว คือให้งานเขา เห็นใครมาเฝ้าแล้วก็ยากจนมาก ก็จับสอนให้ปัก มีครู ตั้งกลุ่มปักขึ้น แล้วสอนให้ปัก สอนให้ทอผ้า สอนทุกอย่าง แล้วก็ศิลปาชีพก็คือตลาด เขาสามารถที่จะส่งผลงานเขามา เราก็จ่ายไป ซึ่งข้าพเจ้าเคยมีเงินในมูลนิธิศิลปาชีพกว่าพันล้าน บัดนี้มีผู้เตือนข้าพเจ้าว่าเหลือ 700 ล้าน

ซึ่งสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงส่งพระราชโอรส กรมหมื่นพิชัยมหินทโรดม ซึ่งทรงเรียนที่อังกฤษ เวลาเสด็จกลับมา ทรงส่งกรมหมื่นพิชัยมหินทโรดม เดินทางด้วยเกวียน จากกรุงเทพฯ ไปถึงจังหวัดบุรีรัมย์ ข้าพเจ้าก็คิด เอ๊ะ นี่มัน เพราะข้าพเจ้านี่ไม่เก่งเลยเลย คิดว่า เอ๊ะ มันใช้เวลานานเท่าไรน้อ ด้วยเกวียน จากกรุงเทพฯ ไปถึงบุรีรัมย์เนี่ย เพื่อไปสนับสนุนให้ประชาชนที่แถวนั้นรักษาความเป็นผู้ที่ปลูกหม่อนเลี้ยงไหมเก่ง และทอผ้าเก่ง ให้เขารักษาความสามารถของเขาไว้ เพื่อต่อไปจะได้ขยายงานต่อไป
แล้วก็ กรมหมื่นพิชัยมหินทโรดมเนี่ย เป็นองค์ที่แต่งเพลง "ลาวดำเนินเกวียน" ที่เดี๋ยวนี้เราเรียกว่า "ลาวดวงเดือน" ซึ่งเพราะเหลือเกิน ท่านแต่งระหว่างที่ท่านอยู่ในเกวียน จะไปที่บุรีรัมย์ เนี่ย "โอ้ละหนอ ดวงเดือนเอย" เนี่ย ทรงแต่ง ทรงยังหนุ่มแน่นแท้ๆ แล้วข้าพเจ้าหาว่า ที่เสด็จไปด้วยเกวียนเนี่ย มันต้องผ่านป่า ผ่านอะไร ทำให้ทรงติดไข้ป่ามา เพราะว่าพระชนม์ 28 ก็สิ้นแล้ว สิ้นพระชนม์แล้ว โดยที่ไม่ทราบสาเหตุว่าสิ้นเพราะอะไร ข้าพเจ้าคิดเอาเองว่าที่ท่านไปดูทางอีสานเกี่ยวกับการปลูกหม่อนเลี้ยงไหม ทอผ้า มันต้อง ขบวนเกวียนมันไปอย่างช้า ต้องผ่านป่าซึ่งเป็นแหล่งมาลาเรีย คิดว่าอย่างนั้นนะคะ คิดเอาเอง เดาเอาเอง ไม่มีอะไรยืนยันได้

แล้วต่อไปนี้ ข้าพเจ้าก็อยากจะเอ่ยถึงคนไทยที่มีความ คนไทยหนุ่ม ที่มีความรักชาติ คือข้าพเจ้าแค่ทราบมานี่แค่ 2 คน แต่คงจะมีเยอะแยะมากเชียว อย่างนายตำรวจผู้กล้าหาญซึ่งสละชีวิตไปแล้วเพื่อรักษาดินแดนภาคใต้ คือ ร.ต.อ.ธรนิศ ศรีสุข ที่เรียกว่า "ผู้กองแคน" สอบได้ที่ 1 แล้วก็ทางตำรวจก็ให้เลือกได้ คนที่สอบได้ที่ 1 ว่าจะเลือกไปอยู่ที่ไหน ไปทำงานที่ไหน ก็คนไทยที่ยอดเยี่ยมเนี่ย ร.ต.อ.ธรนิศ เนี่ย ก็เลือกที่จะไปอยู่ที่ภาคใต้ 3 จังหวัดภาคใต้ แล้วข้าพเจ้าก็ไม่รู้เลย ไม่มี ไม่ทราบเลย ด้วยความเสียใจจนบัดนี้ว่า ตอนที่ข้าพเจ้าไปอยู่ที่นราธิวาส แล้วก็ไปเยี่ยมแถวปัตตานี ก็ ร.ต.อ.ธรนิศ เนี่ยก็เป็นคนหนึ่งที่ดูแล ถวายอารักขาอย่างใกล้ชิด เพราะที่นั่นมันอันตราย แล้วเขาก็ถูก มีการปะทะกันที่ จ.ยะลา ใกล้ๆ เบตง อะไรเนี่ย แล้วก็เสียชีวิตไป คือ มือหนึ่งของตำรวจที่สอบได้ที่หนึ่ง แต่เป็นคนที่มีความรักชาติอย่างมาก แล้วมี เป็นคนมีอุดมคติสูง ก็เลือกจะไปที่ๆ เป็นที่ยาก เป็นที่ลำบาก แล้วก็ไปเสียชีวิต
แล้วคนที่ 2 ที่ข้าพเจ้าทราบจากหนังสืองานศพเขา ก็เลยเขียนจดหมายไปถึงคุณพ่อคุณแม่เขา ไม่ทราบจะทำยังไง เพราะว่าไม่ทราบก่อนนาน ที่จะไปงานศพเขา คือ ร.ต.ต.กฤตติกุล บุญลือ นี่ก็อีกคน เลือกที่จะไปรักษาความปลอดภัยของประเทศชาติในที่ๆ อันตราย ในที่ซึ่งบ้านเมืองกำลังต้องการความคุ้มครองป้องกัน เขาบอก เขาเนี่ยก็ไม่ใช่ว่าไม่กลัว ก็กลัวเหมือนกัน แต่มีความรู้สึกว่าเป็นคนไทย แล้วก็เรียน เรียนมาเป็นตำรวจ น่าที่จะไปปกป้องคุ้มครองในที่ๆ ยากลำบาก เขาทั้งสองนี่เขาเลือกไปที่นี้ แล้วถึงเวลาเขาก็อยู่ครบ 6 เดือน ครบเทอม ถึงเวลากลับเขาก็ไม่กลับ เพราะประชาชนรักแล้วก็ไว้ใจ ก็ขอให้อยู่ต่อ ก็เสียชีวิตที่นั่นอีก ข้าพเจ้าก็รู้สึกว่าเมืองไทยน่าจะรอดพ้นจากอันตรายทั้งหลายได้ เพราะว่ามีคนที่ดี ที่ยอดเยี่ยม ที่ยอมสละ แทนที่จะไปหาที่ที่จะทำงานไปได้สูง ที่อะไร กลับยินดีไปอยู่ในที่ๆ เรียกว่าต้องปกป้องประชาชน ต้องปกป้องพื้นที่ของประเทศไทย ร.ต.อ.ธรนิศ นี่ก็เคยดูแลข้าพเจ้าตอนข้าพเจ้าไปอยู่ที่ภาคใต้ ที่ภาคใต้ค่อนข้างจะน่ากลัวอยู่ ให้ถวายอารักขา เป็นชาว จ.ขอนแก่น แล้วก็เป็นลูกของรองศาสตราจารย์ที่มหาวิทยาลัยขอนแก่น รศ.ดร.เกรียงศักดิ์ แล้วก็ ท.พ.(หญิง)นิธิภาวี ศรีสุข สอบได้เป็นอันดับที่ 1 หลังจากเรียนจบแต่เลือกที่จะเป็นตำรวจตระเวนชายแดน และต่อมาเป็นตำรวจพลร่ม ที่ค่ายนเรศวร แล้วเขาเลือกที่จะไปทำงานที่ 3 จังหวัดภาคใต้ ทั้งสองคน อีกคนนี้เสียชีวิตอายุแค่ 24 เท่านั้น เขาก็ เขาเขียนใน คล้ายๆ ไดอารี่ของเขาว่า เขาสมัครใจไปปฏิบัติงานที่ชายแดนภาคใต้เพราะเป็นที่ที่ลำบาก เป็นที่ๆ จะต้องปกป้อง ปกป้องครู ปกป้องประชาชน แต่เขาเลือกที่จะทำหน้าที่นั้น ยะลานี้ทั้งระเบิด ทั้งโอ้โฮ แต่ว่านายตำรวจที่กล้าหาญ ฝีมือดียัง คล้ายๆ ยังอาสาที่จะไปอยู่ที่นั่น ร.ต.อ.ธรนิศ เขามีข้อเขียน คติของเขาว่า จงเป็นผู้เสียสละ อย่าคลาดหวังนักเลยว่า เราจะได้อะไรบ้างจากหน่วยงานของเราและประเทศชาติ จงคิดเสมอว่า ทำอะไรได้บ้างให้แก่หน่วยงานและประเทศชาติของเรา อันนี้หายาก คนอย่างนี้หายากเหลือเกิน
แล้วก็ ร.ต.ต.กฤตติกุล ดูเถอะ 76 อ่านเดี๋ยวเดียวลืมไปแล้ว ก็ดำเนินตาม ดำเนินตามนโยบายของรุ่นพี่ ร.ต.ต.กฤตติกุล เขาเขียนในหนังสือความทรงจำของเขาว่า เขาเลือกที่จะไปอยู่ภาคใต้ แล้วเขาเคยได้รับพระราชทานถุงของขวัญ เพราะโดยอัตโนมัติข้าพเจ้าไม่มีโอกาสได้พบของเขาเป็นส่วนตัวหรืออะไรเลย ถึงเวลาก็เชิญนายทหาร นายตำรวจเข้าไปรับประทานที่ในวังที่ภาคใต้ เขาก็เขียนว่า เขาได้เฝ้าฯ แล้วก็ได้รับถุงของขวัญที่ทำให้เขามีกำลังใจ เสียดาย เสียดายมากเลย แต่ก็ดูก็ยังทำอะไรไม่ได้ คือสูญเสียคนที่ดีๆ ไป แล้วคนที่ดีๆ ก็ตั้งใจจะไปที่นั่นเพื่อไปคุ้มครองประชาชน แล้วก็คุ้มครองผืนแผ่นดินไทย แล้วก็มี พ.ต.ท.กิตติกานต์ เป็นหัวหน้าหน่วยที่ไปครั้งนี้ ได้รับบาดเจ็บสาหัสมาก เกี่ยวกับทางสมอง อยู่ที่โรงพยาบาลสงขลา ซึ่งข้าพเจ้าก็ถามข่าวคราวไปเสมอว่าตอนนี้มีอาการค่อยๆ ทุเลาขึ้น

ข้าพเจ้าเสียใจ เพราะไม่ทราบว่า เพราะไม่ได้คุยกับรุ่นเด็กๆ นี่เลย ไม่ได้คุยเลย เชิญเขาไปในวัง ไปรับประทานอาหารกันอย่างใกล้ชิด แล้วเขาเขียนบันทึกไว้ คนที่เขียนนี้ กฤติกุล เขาบอกว่า สิ่งที่ทำให้พวกเขาทำงานแบบลืมตายคืออะไร เขาบอกอุดมการณ์ไงล่ะ เขาบอก จริงอยู่มันกินไม่ได้ แต่มันอิ่ม มันอิ่มใจคนตัวเล็กๆ คนหนึ่ง กับภาระหน้าที่อันยิ่งใหญ่ เดินทางจากบ้านมาตั้งหลายพันกิโลฯ มาถึงที่นี่ มาดูแลให้ราษฎรปลอดภัย คือเขาเขียนบันทึกเอาไว้ แล้วตอนงานศพ ก็ออกในงานศพ ข้าพเจ้าก็อ่านหนังสือจากงานศพ
เขาบอก ยอมรับว่าแรกๆ ก็ไม่อยากมาหรอก เพราะฟังดูมันน่ากลัว แต่พอมาแล้วไม่อยากกลับ อยากทำงานให้จบ ถึงจะยากอย่างไรก็ตาม ก็รักที่จะทำงานแบบนี้

ขอให้กำลังใจกับพวกเขาทุกคน แล้วเขาก็หวังใจ เพราะว่า เขาหวังว่า ว่าเขาจะไม่ตาย แต่ถ้าเกิดมีวันนั้นจริงๆ ที่เขาต้องตาย เขาบอก เขาก็ไม่เสียดายนะ เกิดมาครั้งเดียว ตายเพื่อชาติ ไม่กลัว แล้วเขาตายอายุ 24 เท่านั้นเอง
ข้าพเจ้าอ่านแล้วก็นึกสงสารพ่อแม่เขา นึกถึงความเสียสละของนักรบเหล่านี้ ซึ่งมีทั้งทหาร ทั้งตำรวจ ที่อยู่ในพื้นที่อันตราย ซึ่งคนที่อยู่กรุงเทพฯ อาจจะนึกไม่ออกว่าอันตรายแค่ไหน

ข้าพเจ้าอยากจะบอกกับท่านอีกอย่าง คือว่า วันเกิดของข้าพเจ้าก็มีผู้คนถวายเงินกันหลายคน แล้วเงินนั้นน่ะ ข้าพเจ้ารวบรวมแล้วก็ไปสร้างศูนย์ครูที่ จ.ปัตตานี เพราะเห็น สงสารพวกครูที่สุด ที่ว่า เดี๋ยวโดนฆ่าๆ อยู่อย่างนั้น แล้วคงจะโดนฆ่าตลอดไป แต่ข้าพเจ้าก็มีเงินทำได้แห่งเดียว นี่มองท่านนายกฯ (ทรงพระสรวล) ข้าพเจ้ายังทำได้แห่งเดียว แต่ก็อยู่ได้หลายคน เพราะครูเนี่ยเป็นที่นับถือของชาวบ้าน แล้วครูไม่มีอาวุธป้องกันตัว กลายเป็นเป้าหมายใหญ่ให้โจรใต้ไล่สังหาร

ทั้งนี้ จากเงินที่ได้รับจากพวกท่านเมื่อวันเกิดที่แล้วที่อายุ 75 ตอนนี้กำลังสร้างอยู่ ยังไม่เสร็จดี แล้วข้าพเจ้าก็ได้จัดสร้างฟาร์มตัวอย่าง ตามหมู่บ้านไทยต่างๆ จนชาวอิสลามก็ขอร้องว่า ให้ไปช่วยสร้างหมู่บ้าน สร้างฟาร์มตัวอย่างให้เขา วิธีเลี้ยงไก่ วิธีเลี้ยงเป็ด วิธีเลี้ยงสัตว์ต่างๆ สัตว์เลี้ยง เพราะว่า เขาบอกว่าพอมีฟาร์มตัวอย่างปั๊บนี่ เขาไม่ต้องเสี่ยงชีวิตเข้าเมือง โดยมากก็ขี่มอเตอร์ไซค์แล้วก็ภรรยาซ้อนท้าย ลูกอยู่ที่หน้าอกข้างหน้าเนี่ย ไปจ่ายตลาด ไปอะไร นั่นเขาก็ตายอยู่กลางถนนน่ะ ทีนี้ข้าพเจ้าก็เลยสร้างฟาร์มตัวอย่างที่มีสัตว์เลี้ยง หมู่บ้านคนไทยจะมีฟาร์มเยอะแยะเชียว เขาไม่ต้องไปซื้อไข่ ไม่ต้องไปซื้ออะไร เขาได้จากฟาร์มตัวอย่าง ไม่ต้องเสี่ยงต่อความตาย

ที่ช่วยชาวพุทธเพราะเห็นว่าไปตายตามท้องถนน ตามไหนมากมายก่ายกอง ข้าพเจ้าก็ทนไม่ได้ อยากจะยุติการตายอย่างนั้นเสียที ก็คิดว่า เอ๊ะ เราจะทำช่วยอะไรได้บ้าง ตั้งแต่นั้นต่อไป ชาวบ้านไทยพุทธก็เลยมีฟาร์มตัวอย่างอยู่ใกล้ๆ บ้าน เดี๋ยวนี้พวกเราได้ช่วยกันทำฟาร์มตัวอย่างที่ชายแดนภาคใต้ 21 แห่ง ได้ 21 แห่งแล้ว กระจายความช่วยเหลือไปยังราษฎรตามอำเภอต่างๆ ใน 3 จังหวัด อ.แว้ง ซึ่งก็ยากมากจะเข้าออก โดนฆ่าเป็นประจำ อ.เจาะไอร้อง อ.รือเสาะ อ.ระแงะ ใน จ.นราธิวาส อ.สายบุรี อ.ยะหริ่ง อ.หนองจิก ใน จ.ปัตตานี อ.รามัน อ.เบตง ใน จ.ยะลา รับคนงานทั้งชาวพุทธและมุสลิมมาทำงานในแต่ละฟาร์ม ก็เดี๋ยวนี้มี 4,000 คนได้มาทำงาน

แล้วก็มีอีกเรื่องที่ทำให้ชื่นใจ คือข้าพเจ้าได้จัดนิทรรศการศิลป์แผ่นดิน ครั้งที่ 5 ขึ้นที่พระที่นั่งอนันตสมาคม ในโอกาสที่ฉลองทรงครองสิริราชสมบัติครบ 60 ปี และเจริญพระชนมายุ 80 พรรษา ข้าพเจ้าเองไปดูเป็นครั้งแรกตกตะลึง คือไม่เคยคิด ไม่เคยคิดว่าเด็กศิลปาชีพของข้าพเจ้าที่ข้าพเจ้าเลือกมาเอง เลือกมาจากหมู่บ้านที่ จากครอบครัวที่ยากจนที่สุด

เป็นเด็กหนุ่มๆ สาวๆ ทั้งนั้น พอข้าพเจ้าได้ไปเห็นฝีมือเขาตกใจเลย ทำไมถึงสวยอย่างนี้ ฝีมือปัก โดยมากเป็นผู้หญิงฝีมือปัก ฝีมือแกะสลักเป็นพวกฝ่ายชาย สวยเหลือเกิน เห็นแล้วขนลุกหมดเลย ว่านี่หรือเป็นเด็กยากจนที่เราเลือกเอามา จบแค่อย่างสูงก็ ป.4 สวยเหลือเกิน

ข้าพเจ้าไม่เคยคิดเลยว่าคนไทยของเราซึ่งจบ ป.4 บางคนจบไม่ถึง ป.4 จะออกมาเป็นศิลปินระดับโลกได้ เพราะชาวโลกมาดูแล้วอ้าปากค้าง ระดับโลกเลย ซึ่งข้าพเจ้าก็คิดไว้ว่า ถ้าโอกาสมีมาถึงที่เขาจะเชิญข้าพเจ้าไปที่อเมริกา แต่เขาทาบทามมากว่าปีแล้วว่าเชิญไปที่อเมริกา ข้าพเจ้าจะเอาผลงานนี้ไปแสดงให้คนไทยที่อเมริกาดู ไม่ได้คิดไปให้ชาวอเมริกันดู ประเดี๋ยวเขาจะว่า แหมเขากำลังเงินทองฝืดจะเอามาขายหรืออะไร

ขอให้ทุกท่านไปดูนะคะจะได้ ดูแล้วมันแบบชื่นใจว่า โอ้โห คนไทยนี้ฝีมือหนึ่งในโลก หนึ่งในโลกจริงๆ คือเด็กที่ข้าพเจ้าเอามาตอนอายุ 12 - 13 เดี๋ยวนี้ 20 โอ้โห แกะสลักไม้ก็เหลือเกิน แล้วก็ทำถมทองทำอะไรจริงๆ เลย ตกใจ ไปเห็นแล้วตกใจ ฝรั่งถามบอก นี่จบจากโรงเรียนศิลปะ มหาวิทยาลัยศิลปะของไทยหรอ บอกเปล่านี่เป็นลูกชาวบ้านแท้ๆ เลย จบป.4 แล้วออกมาเป็นอย่างนี้ เพราะความที่เขาซาบซึ้ง เพราะเราจะพูดถึงความยิ่งใหญ่ของประเทศไทย ที่ประเทศไทยบรรพบุรุษของเราสละชีวิตเพื่อปกป้องผืนแผ่นดินมาด้วยเลือดเนื้อ ด้วยชีวิต แต่เสียดายตอนนี้ท่านนายกฯ เขาไม่ให้เรียนประวัติศาสตร์แล้วนะ ฉันก็ไม่เข้าใจ เพราะตอนที่ฉันอยู่ เรียนอยู่ที่สวิตเซอร์แลนด์ สวิตเซอร์แลนด์ก็แสนไม่มีประวัติศาสตร์อะไรเท่าไร แต่เราก็ต้องเรียนประวัติศาสตร์ของสวิส แต่เมืองไทยนี่ โอ้โห บรรพบุรุษเลือดทาแผ่นดิน กว่าจะมาถึงที่ให้พวกเราอยู่ นั่งอยู่กันสบาย มีประเทศชาติเนี่ย เรากลับไม่ให้เรียนประวัติศาสตร์ ไม่รู้ว่าใครมาจากไหน เอ๊ะ เป็นความคิดที่แปลกประหลาด (ทรงพระสรวล)

ตอนนี้ก็รู้สึกว่า สิ่งที่อยากพูด อยากคุยอวดก็หมดแค่นั้นเองแล้วค่ะ (ทรงพระสรวล) พิมพ์ไว้ปึกโตเชียว ตอนนี้หมดแล้วค่ะ ก็ชื่นใจ ขอบพระคุณทุกท่านมากที่อุตส่าห์อดทนนั่ง แล้วก็ฟังข้าพเจ้าคุยเป็นคุ้งเป็นแคว แล้วคุยไปพลาง แล้วยังขอนายกฯ ขอทำนั่นทำนี่อีก ก็ขอบพระคุณมากค่ะ".
กำลังโหลดความคิดเห็น