ผู้จัดการรายวัน - เลี้ยบเตรียมหารือแบงก์ชาติ สำนักงบฯ สภาพัฒน์และ สศค. ประเมินแนวโน้มเศรษฐกิจครึ่งปีหลัง ลั่นหากราคาน้ำมันลดลงแตะ 90 เหรียญ/บาร์เรล พร้อมทบทวนงบเมกะโปรเจกต์ โดยจัดงานโรดโชว์แสดงศักยภาพการลงทุนเดือนหน้า งานนี้งาบอีก 30 ล้านบาท เสียงสั่นให้อิสระกับการทำงานของ กนง.ที่จะประชุม 27 ส.ค.นี้
วานนี้ (11 ส.ค.) นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.คลัง เปิดเผยว่า จะเรียกหารือหน่วยงานหลักด้านเศรษฐกิจภายในสัปดาห์นี้ เพื่อประเมินภาพรวมเศรษฐกิจในช่วง 4 เดือนที่ผ่านมา และแนวโน้มในช่วง 6 เดือนหลังของปีนี้ ปรกอบด้วย สำนักงบประมาณ ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) และ สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) นอกจากนี้จะทบทวนงบลงทุนเมกะโปรเจกต์ โดยเฉพาะหากราคาน้ำมันในตลาดโลกลดลงต่ำแตะระดับกว่า 90 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล ซึ่งจะส่งผลถึงต้นทุนการก่อสร้างให้ลดลงด้วย อย่างไรก็ตามขอให้ราคาน้ำมันนิ่งก่อน
"ที่ผ่านมาราคาน้ำมันลงมาต่อเนื่องติดต่อกัน 20 วันแล้ว แต่ขอดูอีกระยะ ซึ่งราคาที่เคาะไปแล้วคือ รถไฟฟ้าสายสีม่วง สายเดียว ส่วนสายอื่นๆ ยังไม่เคาะ ดังนั้น หากน้ำมันอยู่ที่ 90 เหรียญ ก็ต้องมาดูต้นทุนค่าก่อสร้างกันใหม่ เพราะราคาน้ำมันที่ลดลงจะทำให้ผู้ที่มีต้นทุนต่ำกว่า ย่อมมีความได้เปรียบ" นพ.สุรพงษ์ระบุและว่า รัฐบาลเตรียมจัดงานโรดโชว์ในประเทศระหว่างวันที่ 12-14 ก.ย.51 ที่ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ภายใต้ชื่องาน "มั่นใจไทยแลนด์ การลงทุนเพื่อคนไทยในอนาคต" ซึ่งเป็นการจัดสัมมนาและนิทรรศการแบบ 2 ภาษา เพื่อให้ประชาชนและภาคเอกชนรวมถึงนักลงทุนต่างประเทศได้เห็นความพร้อมและความชัดเจนของรัฐบาลในการเดินหน้าเมกะโปรเจกต์ คาดว่าจะมีผู้สนใจเข้าร่วมสัมมนากว่า 1,200 คน โดยเตรียมเสนอเข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรีในสัปดาห์หน้า เพื่อของบประมาณจัดงานประมาณ 30 ล้านบาท
"เป้าหมายของการจัดงานเพื่อต้องการให้ประชาชนรับรู้โครงการลงทุนดังกล่าว การให้ภาคเอกชนรับทราบความพร้อมการลงทุนภาครัฐ เพื่อเตรียมแผนการลงทุน เช่น การสร้างฐานการลงทุนในประเทศไทย เปิดให้นักลงทุนต่างประเทศได้รับรู้ถึงการก้าวกระโดดของประเทศไทยในการลงทุนครั้งใหญ่และนักลงทุนที่เกี่ยวข้อง เช่น ผู้รับเหมาก่อสร้างหรือซับคอนแทรกที่จะเข้ามาร่วมประมูล" นพ.สุรพงษ์ระบุ
***เสียงสั่นไม่แทรกแซง กนง.
นพ.สุรพงษ์ ยังยืนยันว่า กระทรวงการคลังจะไม่แทรกแซงการกำหนดนโยบายการเงินของ ธปท. ซึ่งถือเป็นมารยาทในการทำงาน และจะไม่นำความคิดเห็นมาพูดในที่สาธารณะ แต่หากเป็นเวทีการประชุมร่วมกันกับ ธปท.ก็เป็นเรื่องที่สามารถแสดงความเห็นหรือหารือกันได้ แต่จะไม่มีการสั่งการ ซึ่งถือเป็นกติกาและจริยธรรมในการปฏิบัติหน้าที่ รมว.คลัง อย่างไรก็ตาม โดยส่วนตัวไม่เชื่อในกระแสข่าวที่ว่าคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) อาจตัดสินใจปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายเพื่อแสดงออกถึงอิสระในการทำงาน ในวันที่ 27 ส.ค.นี้ แต่หากจะมีการปรับอัตราดอกเบี้ยไปในทางใด ก็เชื่อว่า กนง.จะพิจารณาบนพื้นฐานข้อมูลด้านเศรษฐกิจ
"คณะกรรมการนโยบายการเงิน หากยังไม่ได้รับสรรหาชุดเก่าก็ทำหน้าที่ต่อไป ผมไม่เชื่อว่าคณะกรรมการจะขึ้นดอกเบี้ย เพื่อเป็นการแสดงความเป็นอิสระแต่จะตัดสินใจในพื้นฐานที่ดีที่สุดของประเทศไม่ใช่อยากตัดสินใจเพื่อแสดงความเป็นอิสระหรือไม่"
เมื่อวันที่ 06 ส.ค. นพ.สุรพงษ์กล่าวว่า ความจำเป็นในการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพื่อสกัดการเร่งตัวของอัตราเงินเฟ้อในขณะนี้ได้หมดไปแล้ว รัฐบาลก็จะเดินหน้าออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจต่อไปในช่วง 2 เดือนข้างหน้า โดยจะมุ่งเน้นไปที่การสร้างรายได้ให้กับประชาชน และฟื้นความเชื่อมั่น เพื่อให้เศรษฐกิจในปี 51 เติบโตได้ตามเป้าหมายที่ 6% จากที่ประเมินในขณะนี้ว่าอาจจะเติบโตราว 5.7%
ทั้งนี้ หลังจาก พ.ร.บ.ธปท. ฉบับใหม่มีผลบังคับใช้เมื่อวันที่ 3 มี.ค. ส่งผลให้ กนง.ชุดเดิม จะสิ้นสุดวาระสิ้นเดือนนี้ บอร์ด ธปท.ชุดใหม่จะเป็นผู้แต่งตั้ง กนง.ชุดใหม่ นั้น เมื่อวันที่ 29 ก.ค.ที่ผ่านมา คณะรัฐมนตรีโดย นพ.สุรพงษ์เป็นผู้เสนอให้แต่งตั้งนายพรชัย นุชสุวรรณ เป็นประธาน โดยมีคณะกรรมการส่วนใหญ่เป็นคนในระบอบทักษิณ เช่นเดียวกับคณะกรรมการสรรหาฯ ขณะนี้อยู่ระหว่างรอโปรดเกล้าฯ.
วานนี้ (11 ส.ค.) นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.คลัง เปิดเผยว่า จะเรียกหารือหน่วยงานหลักด้านเศรษฐกิจภายในสัปดาห์นี้ เพื่อประเมินภาพรวมเศรษฐกิจในช่วง 4 เดือนที่ผ่านมา และแนวโน้มในช่วง 6 เดือนหลังของปีนี้ ปรกอบด้วย สำนักงบประมาณ ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) และ สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) นอกจากนี้จะทบทวนงบลงทุนเมกะโปรเจกต์ โดยเฉพาะหากราคาน้ำมันในตลาดโลกลดลงต่ำแตะระดับกว่า 90 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล ซึ่งจะส่งผลถึงต้นทุนการก่อสร้างให้ลดลงด้วย อย่างไรก็ตามขอให้ราคาน้ำมันนิ่งก่อน
"ที่ผ่านมาราคาน้ำมันลงมาต่อเนื่องติดต่อกัน 20 วันแล้ว แต่ขอดูอีกระยะ ซึ่งราคาที่เคาะไปแล้วคือ รถไฟฟ้าสายสีม่วง สายเดียว ส่วนสายอื่นๆ ยังไม่เคาะ ดังนั้น หากน้ำมันอยู่ที่ 90 เหรียญ ก็ต้องมาดูต้นทุนค่าก่อสร้างกันใหม่ เพราะราคาน้ำมันที่ลดลงจะทำให้ผู้ที่มีต้นทุนต่ำกว่า ย่อมมีความได้เปรียบ" นพ.สุรพงษ์ระบุและว่า รัฐบาลเตรียมจัดงานโรดโชว์ในประเทศระหว่างวันที่ 12-14 ก.ย.51 ที่ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ภายใต้ชื่องาน "มั่นใจไทยแลนด์ การลงทุนเพื่อคนไทยในอนาคต" ซึ่งเป็นการจัดสัมมนาและนิทรรศการแบบ 2 ภาษา เพื่อให้ประชาชนและภาคเอกชนรวมถึงนักลงทุนต่างประเทศได้เห็นความพร้อมและความชัดเจนของรัฐบาลในการเดินหน้าเมกะโปรเจกต์ คาดว่าจะมีผู้สนใจเข้าร่วมสัมมนากว่า 1,200 คน โดยเตรียมเสนอเข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรีในสัปดาห์หน้า เพื่อของบประมาณจัดงานประมาณ 30 ล้านบาท
"เป้าหมายของการจัดงานเพื่อต้องการให้ประชาชนรับรู้โครงการลงทุนดังกล่าว การให้ภาคเอกชนรับทราบความพร้อมการลงทุนภาครัฐ เพื่อเตรียมแผนการลงทุน เช่น การสร้างฐานการลงทุนในประเทศไทย เปิดให้นักลงทุนต่างประเทศได้รับรู้ถึงการก้าวกระโดดของประเทศไทยในการลงทุนครั้งใหญ่และนักลงทุนที่เกี่ยวข้อง เช่น ผู้รับเหมาก่อสร้างหรือซับคอนแทรกที่จะเข้ามาร่วมประมูล" นพ.สุรพงษ์ระบุ
***เสียงสั่นไม่แทรกแซง กนง.
นพ.สุรพงษ์ ยังยืนยันว่า กระทรวงการคลังจะไม่แทรกแซงการกำหนดนโยบายการเงินของ ธปท. ซึ่งถือเป็นมารยาทในการทำงาน และจะไม่นำความคิดเห็นมาพูดในที่สาธารณะ แต่หากเป็นเวทีการประชุมร่วมกันกับ ธปท.ก็เป็นเรื่องที่สามารถแสดงความเห็นหรือหารือกันได้ แต่จะไม่มีการสั่งการ ซึ่งถือเป็นกติกาและจริยธรรมในการปฏิบัติหน้าที่ รมว.คลัง อย่างไรก็ตาม โดยส่วนตัวไม่เชื่อในกระแสข่าวที่ว่าคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) อาจตัดสินใจปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายเพื่อแสดงออกถึงอิสระในการทำงาน ในวันที่ 27 ส.ค.นี้ แต่หากจะมีการปรับอัตราดอกเบี้ยไปในทางใด ก็เชื่อว่า กนง.จะพิจารณาบนพื้นฐานข้อมูลด้านเศรษฐกิจ
"คณะกรรมการนโยบายการเงิน หากยังไม่ได้รับสรรหาชุดเก่าก็ทำหน้าที่ต่อไป ผมไม่เชื่อว่าคณะกรรมการจะขึ้นดอกเบี้ย เพื่อเป็นการแสดงความเป็นอิสระแต่จะตัดสินใจในพื้นฐานที่ดีที่สุดของประเทศไม่ใช่อยากตัดสินใจเพื่อแสดงความเป็นอิสระหรือไม่"
เมื่อวันที่ 06 ส.ค. นพ.สุรพงษ์กล่าวว่า ความจำเป็นในการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพื่อสกัดการเร่งตัวของอัตราเงินเฟ้อในขณะนี้ได้หมดไปแล้ว รัฐบาลก็จะเดินหน้าออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจต่อไปในช่วง 2 เดือนข้างหน้า โดยจะมุ่งเน้นไปที่การสร้างรายได้ให้กับประชาชน และฟื้นความเชื่อมั่น เพื่อให้เศรษฐกิจในปี 51 เติบโตได้ตามเป้าหมายที่ 6% จากที่ประเมินในขณะนี้ว่าอาจจะเติบโตราว 5.7%
ทั้งนี้ หลังจาก พ.ร.บ.ธปท. ฉบับใหม่มีผลบังคับใช้เมื่อวันที่ 3 มี.ค. ส่งผลให้ กนง.ชุดเดิม จะสิ้นสุดวาระสิ้นเดือนนี้ บอร์ด ธปท.ชุดใหม่จะเป็นผู้แต่งตั้ง กนง.ชุดใหม่ นั้น เมื่อวันที่ 29 ก.ค.ที่ผ่านมา คณะรัฐมนตรีโดย นพ.สุรพงษ์เป็นผู้เสนอให้แต่งตั้งนายพรชัย นุชสุวรรณ เป็นประธาน โดยมีคณะกรรมการส่วนใหญ่เป็นคนในระบอบทักษิณ เช่นเดียวกับคณะกรรมการสรรหาฯ ขณะนี้อยู่ระหว่างรอโปรดเกล้าฯ.
