วันนี้พวกเราน้อมรำลึกถึงพระคุณอันยิ่งใหญ่ของแม่ ซึ่งกล่าวได้ว่าคุณลักษณะพิเศษของแม่นั้นมี 2 ลักษณะ คือ
1. แม่ในลักษณะเฉพาะ (Individual) แม่เป็นเอกภาพ คือเป็นศูนย์กลางของบุตร
2. แม่ในลักษณะสากล หรือในลักษณะทั่วไป (General) แม่เป็นเอกภาพและเป็นศูนย์กลางของบุตรเช่นเดียวกันทั่วกันทั่งโลก และแม่ก็ย่อมเป็นแม่ของสรรพสัตว์ทั้งหลาย
แม่ในทัศนะของพระพุทธเจ้า เมื่อครั้งเสวยพระชาติเป็นดาบสชื่อ “โสณบัณฑิต” ประกาศแก่มวลกษัตริย์ในชมภูทวีป ความว่า คำว่าแม่มีคุณลักษณะหลายประการ กล่าวคือ
“โทหฬินี มาตา” แปลว่า มารดามีใจสอง คือ เมื่อมีครรภ์ ย่อมมีอาการแพ้ท้องจึงต้องมีการแบ่งหัวใจ แบ่งความรักออกไปรักลูกที่ถือปฏิสนธิขึ้นในครรภ์
“สุหทา มาตา” แปลว่า มารดามีใจดี ด้วยเพราะมีใจจดจ่ออยู่กับลูก ดีใจว่าจะได้ลูก
“ชนยนฺตี มาตา” แปลว่า มารดาผู้ยังลูกให้เกิดขึ้นมาดูโลก
“ชเนตฺตี มาตา” แปลว่า มารดาผู้ให้กำเนิด ซึ่งเราเรียกเป็นราชาศัพท์ว่า “ชนนี” คือ แม่บังเกิดเกล้า
“โตเสนฺตี” แปลว่า มารดาผู้ปลอบโยน คือ ให้ลูกมีความร่าเริง ให้ลูกมีความอบอุ่น เมื่อลูกร้องไห้ก็ให้ดื่มนม ร้องเพลงกล่อมลูก ให้ลูกนอนในตัก กกกอดลูกให้ได้รับความอบอุ่น รับรู้ความซาบซึ้งในไออุ่นและความรัก
“โปเสนฺตี” แปลว่า มารดาผู้เลี้ยงดู คอยดูแลด้วยใจห่วงใย คอยรับขวัญด้วยหทัยอันรักสนิท คอยชะเง้อดูว่า ลมจะโกรก แดดจะส่อง มดจะไต่ ไรจะตอมหรือไม่
นอกจากนี้มารดาเป็นผู้อนุเคราะห์สงเคราะห์บุตร เป็นที่พึ่งและเป็นผู้ให้ขีระรส (เป็นผู้ให้รสน้ำนมแก่เราก่อน) เป็นผู้เลี้ยงดูบุตร เป็นผู้ชักชวนให้เราอยู่ในบุญกุศล เป็นทางแห่งโลกสวรรค์เมื่อบุตรนั้นได้ปฏิบัติตามคำสอนและบำรุงบิดามารดา
พระพุทธเจ้าทรงยกย่องพ่อแม่ไว้ว่า “พฺรหฺมาติ มาตาปิตโร ปุพฺพาจริยาติ วุจฺจเร อาหุเนยฺยา จ ปุตฺตานํ ปชาย อนุกมฺปกาฯ” พ่อแม่เป็นพระพรหมของบุตร มีพรหมวิหาร 4 คือมี เมตตา, กรุณา, มุทิตา, และอุเบกขา (28/161,162)
พ่อแม่เป็นครู เป็นอาจารย์คนแรกของบุตร สั่งสอนอบรมธรรมะ กิริยามารยาทให้บุตรก่อนคนอื่น พ่อแม่เป็นบุคคลเพื่อควรแก่วัตถุสิ่งของที่บุตรนำไปบูชา พ่อแม่เป็นพระอรหันต์ของบุตร พ่อแม่เป็นผู้อนุเคราะห์บุตร เลี้ยงดูบุตรจนเติบใหญ่สามารถเลี้ยงตนเองได้ พ่อแม่เป็นบุพการีของบุตร (เป็นบุคคลหาได้ยากของบุตร) และพ่อแม่เป็นมิตรในเรือนของบุตร
ความหมายของพ่อแม่ คือ ผู้ให้กำเนิดบุตร, ผู้ให้ชีวิตเลือดเนื้อแก่บุตร, ผู้ให้จิตและวิญญาณแก่บุตร, ผู้พัฒนาวิญญาณให้แก่บุตร, เป็นผู้มีจิตหวั่นไหวไปกับบุตร รักห่วงใย ปรารถนาให้บุตรเป็นคนดี, เป็นผู้คุ้มครองป้องกันอันตรายให้แก่บุตร เป็นต้น
ความเกิดขึ้นของพ่อแม่ เกิดขึ้นมาได้ด้วยความรัก ความต้องการของพ่อแม่ ปรารถนาที่จะมีบุตรไว้สืบสกุล พระพุทธองค์จึงเปรียบพ่อแม่ประดุจพรหมของบุตร เพราะจิตของท่านมีความรู้สึกต่อบุตรทุกคนด้วยคุณธรรมพรหมวิหาร 4 ได้แก่
เมตตา คือ ความรักความปรารถนาดีจะให้บุตรมีความสุข ความเจริญก้าวหน้า
กรุณา คือ ความสงสาร ปรารถนาจะให้บุตรพ้นจากความทุกข์
มุทิตา คือ พลอยยินดี เมื่อบุตรได้ดีมีความสุข
อุเบกขา คือ เฝ้าดูมองบุตรด้วยจิตสงบ เมื่อไม่สามารถจะช่วยบุตรให้พ้นจากทุกข์ได้
จากพระคัมภีร์พระไตรปิฎก ความย่อว่าบัณฑิตจึงเรียกมารดานั้นว่า โปเสนตี ผู้เลี้ยงดูบุตร มารดาย่อมคุ้มครองทรัพย์แม้ทั้งสองฝ่าย คือ ทรัพย์ของมารดาและทรัพย์ของบิดาเพื่อบุตรนั้น ด้วยตั้งใจว่า ทรัพย์ทั้งสองฝ่ายให้เป็นของบุตร
มารดายังบุตรให้ศึกษา มารดาย่อมลำบาก เป็นทุกข์เมื่อบุตรกำลังรุ่นหนุ่มคะนอง
มารดาย่อมคอยมองดูบุตรผู้หลงเพลิดเพลินในกามคุณจนดึกดื่น มารดาย่อมเป็นทุกข์เดือดร้อนด้วยประการต่างๆ
บุตรทั้งหลายอันบิดา มารดาเลี้ยงดูมาแล้ว ด้วยความลำบากอย่างนี้ ไม่บำรุงบิดามารดา บุตรนั้นชื่อว่าประพฤติผิดต่อบิดา มารดา ย่อมเข้าถึงนรก
บุตรผู้ไม่บำรุงบิดา มารดา แม้ทรัพย์ที่เกิดแก่บุตรทั้งหลาย แม้มีทรัพย์ๆ นั้นย่อมฉิบหาย หรือบุตรนั้นย่อมเข้าถึงความยากจน ขัดสน เกเรเสเพล ไร้แก่นสารทั้งชีวิต
บัณฑิตผู้รู้แจ้ง เพราะการบำรุงบิดา มารดาให้ความรื่นเริงบันเทิงใจ และความหัวเราะมีความสุขกันทุกเมื่อ เพราะการบำรุงบิดาด้วย สังคหวัตถุ 4 ประการ คือ
ทาน การให้ปันสิ่งของของตนที่ควรให้ปัน
ปิยวาจา พูดด้วยคำสุภาพ ไพเราะ อ่อนหวาน
อัตถจริยา การประพฤติประโยชน์แก่ตน บำรุงพ่อแม่ และสังคมประเทศชาติ
สมานัตตตา ความเป็นผู้มีตนเสมอในธรรมทั้งหลายตามสมควร ในที่นั้นๆ เมื่อปฏิบัติดังนี้ เหมือนเพลารถย่อมมีแก่รถที่กำลังแล่นไปอย่างนั้น
ถ้าขาดหลัก สังคหวัตถุ 4 เหล่านี้ บิดามารดาก็จะไม่พึงได้รับความนับถือหรือการบูชาจากบุตร บัณฑิตทั้งหลายย่อมปฏิบัติสังคหวัตถุ 4 นี้อยู่ บัณฑิตเหล่านั้น ย่อมเป็นผู้ประเสริฐ และเทวดาและมนุษย์ต่างก็สรรเสริญ
มารดาและบิดา บัณฑิตรู้ว่าเป็นพรหมของบุตร เป็นบุรพาจารย์ของบุตร เป็นผู้ควรรับของคำนับของบุตร และเป็นผู้อนุเคราะห์บุตร
พระคุณของบิดา มารดา ดังกล่าวบุตรผู้เป็นบัณฑิต พึงนอบน้อมและสักการะมารดาบิดาทั้ง สองนั้นด้วย ข้าว น้ำ ผ้านุ่ง ผ้าห่ม ที่นอน ยารักษาโรค การขัดสี การให้อาบน้ำ และการล้างเท้า เป็นต้น
บัณฑิตทั้งหลายย่อมสรรเสริญบุตรนั้น ผู้ซึ่งบำรุงบิดา มารดา ครั้นบุตรนั้นละโลกนี้ไปแล้ว ย่อมบันเทิงในสวรรค์
ภารกิจ หน้าที่สำคัญของพ่อแม่ทางกาย สอนไม่ให้บุตรทำความชั่ว, แนะนำบุตรให้ทำแต่ความดี, ส่งเสริมให้บุตรเล่าเรียน, ศิลปวิทยา, ช่วยเลือกคู่ครองที่เหมาะสมให้บุตร, แบ่งทรัพย์มรดกให้เมื่อเวลาอันสมควร
ภารกิจ หน้าที่สำคัญของพ่อแม่ทางใจ พาลูกเข้าวัดเพื่อศึกษาพระธรรมคำสอน ชักจูงแนะนำให้ลูกสวดมนต์ไหว้พระก่อนนอน ชักนำลูกให้ทำบุญรักษาศีล ฝึกเจริญสติสมาธิ และชักนำบุตรให้ได้บวชเรียนเป็นพระภิกษุ และบิดามารดามีหน้าที่แนะนำส่งเสริมให้บุตรเข้าสู่พระนิพพานหรือบรมธรรม อันเป็นเป้าหมายสูงสุดของมนุษยชาติ
ในวาระแห่งวันแม่แห่งชาติ ขออำนาจแห่งพระคุณของแม่ทุกครัวเรือน แม่บ้านหมู่บ้าน แม่บ้านตำบล แม่บ้านอำเภอ แม่บ้านจังหวัด แม่บ้านรัฐมนตรี แม่บ้านนายกรัฐมนตรี ฯลฯ ร่วมกันสร้างสรรค์บันดาลหลักการปกครองโดยธรรมให้มีขึ้นในแผ่นดิน เจริญรอยตามพระราชภารกิจแห่งสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ พระแม่เจ้าแห่งแผ่นดินของเหล่าพสกนิกรชาวไทย ขอเทิดพระคุณแม่นี้ไว้ด้วยบทกลอน พระคุณของพ่อแม่ แด่… ผู้เป็นพ่อ แม่ และลูกๆ ทุกคน
คำว่าพ่อ แม่นี้ ยิ่งใหญ่นัก
ชนประจักษ์ คุณพ่อแม่ คือทุกสิ่ง
พ่อแม่คือ พระอรหันต์ ในบ้านจริง
ประเสริฐยิ่ง กว่าสิ่งใด ในครอบครัว
พ่อแม่คือ พระพรหม ของลูกลูก
รักพันผูก เมตตารัก ทุกชาติทั่ว
เป็นเทวดา บันดาล ทุกบ้านครัว
มอบถ้วนทั่ว แต่สิ่งดี มีพระคุณ
พ่อแม่จ๋า ท่านคือ ครูคนแรก
สอนสอดแทรก ธรรมะ พระเกื้อหนุน
คุณพ่อแม่ ดุจแผ่นฟ้า ผู้การุณย์
ลูกเทิดคุณ ทำหน้าที่ เพื่อปวงไทย
พ่อแม่เป็นได้ ทุกสิ่ง สำหรับลูก
พ่อแม่ปลูก คุณธรรม นำสมัย
เป็นนักร้อง คอยกล่อม หลับสบาย
ดังดุจคล้าย คนใช้ ประจำตัว
พ่อแม่คือ ธนาคาร ของลูกรัก
ลูกประจักษ์ สอนธรรม รู้ดีชั่ว
พ่อแม่คือยาม ป้องกันภัย อยู่ใกล้ตัว
ทุกครอบครัว พ่อแม่ แน่กว่าใคร
ผู้เป็นลูก ตอบแทน คุณพ่อแม่
เป็นลูกแท้ ช่วยทำกิจ ที่มอบให้
ทั้งรักษา วงศ์สกุล คู่ฟ้าไทย
ประพฤติให้ สมควรรับ ทรัพย์ที่มี
เป็นบุตรแท้ บุตรไทย ตามรอยบาท
บรมศาสด์ พุทธธรรม นำวิถี
ทั้งบรม กษัตริย์ ฉัตรเทวี
เทิดพระคุณ พ่อแม่นี้ เพื่อแผ่นดิน
1. แม่ในลักษณะเฉพาะ (Individual) แม่เป็นเอกภาพ คือเป็นศูนย์กลางของบุตร
2. แม่ในลักษณะสากล หรือในลักษณะทั่วไป (General) แม่เป็นเอกภาพและเป็นศูนย์กลางของบุตรเช่นเดียวกันทั่วกันทั่งโลก และแม่ก็ย่อมเป็นแม่ของสรรพสัตว์ทั้งหลาย
แม่ในทัศนะของพระพุทธเจ้า เมื่อครั้งเสวยพระชาติเป็นดาบสชื่อ “โสณบัณฑิต” ประกาศแก่มวลกษัตริย์ในชมภูทวีป ความว่า คำว่าแม่มีคุณลักษณะหลายประการ กล่าวคือ
“โทหฬินี มาตา” แปลว่า มารดามีใจสอง คือ เมื่อมีครรภ์ ย่อมมีอาการแพ้ท้องจึงต้องมีการแบ่งหัวใจ แบ่งความรักออกไปรักลูกที่ถือปฏิสนธิขึ้นในครรภ์
“สุหทา มาตา” แปลว่า มารดามีใจดี ด้วยเพราะมีใจจดจ่ออยู่กับลูก ดีใจว่าจะได้ลูก
“ชนยนฺตี มาตา” แปลว่า มารดาผู้ยังลูกให้เกิดขึ้นมาดูโลก
“ชเนตฺตี มาตา” แปลว่า มารดาผู้ให้กำเนิด ซึ่งเราเรียกเป็นราชาศัพท์ว่า “ชนนี” คือ แม่บังเกิดเกล้า
“โตเสนฺตี” แปลว่า มารดาผู้ปลอบโยน คือ ให้ลูกมีความร่าเริง ให้ลูกมีความอบอุ่น เมื่อลูกร้องไห้ก็ให้ดื่มนม ร้องเพลงกล่อมลูก ให้ลูกนอนในตัก กกกอดลูกให้ได้รับความอบอุ่น รับรู้ความซาบซึ้งในไออุ่นและความรัก
“โปเสนฺตี” แปลว่า มารดาผู้เลี้ยงดู คอยดูแลด้วยใจห่วงใย คอยรับขวัญด้วยหทัยอันรักสนิท คอยชะเง้อดูว่า ลมจะโกรก แดดจะส่อง มดจะไต่ ไรจะตอมหรือไม่
นอกจากนี้มารดาเป็นผู้อนุเคราะห์สงเคราะห์บุตร เป็นที่พึ่งและเป็นผู้ให้ขีระรส (เป็นผู้ให้รสน้ำนมแก่เราก่อน) เป็นผู้เลี้ยงดูบุตร เป็นผู้ชักชวนให้เราอยู่ในบุญกุศล เป็นทางแห่งโลกสวรรค์เมื่อบุตรนั้นได้ปฏิบัติตามคำสอนและบำรุงบิดามารดา
พระพุทธเจ้าทรงยกย่องพ่อแม่ไว้ว่า “พฺรหฺมาติ มาตาปิตโร ปุพฺพาจริยาติ วุจฺจเร อาหุเนยฺยา จ ปุตฺตานํ ปชาย อนุกมฺปกาฯ” พ่อแม่เป็นพระพรหมของบุตร มีพรหมวิหาร 4 คือมี เมตตา, กรุณา, มุทิตา, และอุเบกขา (28/161,162)
พ่อแม่เป็นครู เป็นอาจารย์คนแรกของบุตร สั่งสอนอบรมธรรมะ กิริยามารยาทให้บุตรก่อนคนอื่น พ่อแม่เป็นบุคคลเพื่อควรแก่วัตถุสิ่งของที่บุตรนำไปบูชา พ่อแม่เป็นพระอรหันต์ของบุตร พ่อแม่เป็นผู้อนุเคราะห์บุตร เลี้ยงดูบุตรจนเติบใหญ่สามารถเลี้ยงตนเองได้ พ่อแม่เป็นบุพการีของบุตร (เป็นบุคคลหาได้ยากของบุตร) และพ่อแม่เป็นมิตรในเรือนของบุตร
ความหมายของพ่อแม่ คือ ผู้ให้กำเนิดบุตร, ผู้ให้ชีวิตเลือดเนื้อแก่บุตร, ผู้ให้จิตและวิญญาณแก่บุตร, ผู้พัฒนาวิญญาณให้แก่บุตร, เป็นผู้มีจิตหวั่นไหวไปกับบุตร รักห่วงใย ปรารถนาให้บุตรเป็นคนดี, เป็นผู้คุ้มครองป้องกันอันตรายให้แก่บุตร เป็นต้น
ความเกิดขึ้นของพ่อแม่ เกิดขึ้นมาได้ด้วยความรัก ความต้องการของพ่อแม่ ปรารถนาที่จะมีบุตรไว้สืบสกุล พระพุทธองค์จึงเปรียบพ่อแม่ประดุจพรหมของบุตร เพราะจิตของท่านมีความรู้สึกต่อบุตรทุกคนด้วยคุณธรรมพรหมวิหาร 4 ได้แก่
เมตตา คือ ความรักความปรารถนาดีจะให้บุตรมีความสุข ความเจริญก้าวหน้า
กรุณา คือ ความสงสาร ปรารถนาจะให้บุตรพ้นจากความทุกข์
มุทิตา คือ พลอยยินดี เมื่อบุตรได้ดีมีความสุข
อุเบกขา คือ เฝ้าดูมองบุตรด้วยจิตสงบ เมื่อไม่สามารถจะช่วยบุตรให้พ้นจากทุกข์ได้
จากพระคัมภีร์พระไตรปิฎก ความย่อว่าบัณฑิตจึงเรียกมารดานั้นว่า โปเสนตี ผู้เลี้ยงดูบุตร มารดาย่อมคุ้มครองทรัพย์แม้ทั้งสองฝ่าย คือ ทรัพย์ของมารดาและทรัพย์ของบิดาเพื่อบุตรนั้น ด้วยตั้งใจว่า ทรัพย์ทั้งสองฝ่ายให้เป็นของบุตร
มารดายังบุตรให้ศึกษา มารดาย่อมลำบาก เป็นทุกข์เมื่อบุตรกำลังรุ่นหนุ่มคะนอง
มารดาย่อมคอยมองดูบุตรผู้หลงเพลิดเพลินในกามคุณจนดึกดื่น มารดาย่อมเป็นทุกข์เดือดร้อนด้วยประการต่างๆ
บุตรทั้งหลายอันบิดา มารดาเลี้ยงดูมาแล้ว ด้วยความลำบากอย่างนี้ ไม่บำรุงบิดามารดา บุตรนั้นชื่อว่าประพฤติผิดต่อบิดา มารดา ย่อมเข้าถึงนรก
บุตรผู้ไม่บำรุงบิดา มารดา แม้ทรัพย์ที่เกิดแก่บุตรทั้งหลาย แม้มีทรัพย์ๆ นั้นย่อมฉิบหาย หรือบุตรนั้นย่อมเข้าถึงความยากจน ขัดสน เกเรเสเพล ไร้แก่นสารทั้งชีวิต
บัณฑิตผู้รู้แจ้ง เพราะการบำรุงบิดา มารดาให้ความรื่นเริงบันเทิงใจ และความหัวเราะมีความสุขกันทุกเมื่อ เพราะการบำรุงบิดาด้วย สังคหวัตถุ 4 ประการ คือ
ทาน การให้ปันสิ่งของของตนที่ควรให้ปัน
ปิยวาจา พูดด้วยคำสุภาพ ไพเราะ อ่อนหวาน
อัตถจริยา การประพฤติประโยชน์แก่ตน บำรุงพ่อแม่ และสังคมประเทศชาติ
สมานัตตตา ความเป็นผู้มีตนเสมอในธรรมทั้งหลายตามสมควร ในที่นั้นๆ เมื่อปฏิบัติดังนี้ เหมือนเพลารถย่อมมีแก่รถที่กำลังแล่นไปอย่างนั้น
ถ้าขาดหลัก สังคหวัตถุ 4 เหล่านี้ บิดามารดาก็จะไม่พึงได้รับความนับถือหรือการบูชาจากบุตร บัณฑิตทั้งหลายย่อมปฏิบัติสังคหวัตถุ 4 นี้อยู่ บัณฑิตเหล่านั้น ย่อมเป็นผู้ประเสริฐ และเทวดาและมนุษย์ต่างก็สรรเสริญ
มารดาและบิดา บัณฑิตรู้ว่าเป็นพรหมของบุตร เป็นบุรพาจารย์ของบุตร เป็นผู้ควรรับของคำนับของบุตร และเป็นผู้อนุเคราะห์บุตร
พระคุณของบิดา มารดา ดังกล่าวบุตรผู้เป็นบัณฑิต พึงนอบน้อมและสักการะมารดาบิดาทั้ง สองนั้นด้วย ข้าว น้ำ ผ้านุ่ง ผ้าห่ม ที่นอน ยารักษาโรค การขัดสี การให้อาบน้ำ และการล้างเท้า เป็นต้น
บัณฑิตทั้งหลายย่อมสรรเสริญบุตรนั้น ผู้ซึ่งบำรุงบิดา มารดา ครั้นบุตรนั้นละโลกนี้ไปแล้ว ย่อมบันเทิงในสวรรค์
ภารกิจ หน้าที่สำคัญของพ่อแม่ทางกาย สอนไม่ให้บุตรทำความชั่ว, แนะนำบุตรให้ทำแต่ความดี, ส่งเสริมให้บุตรเล่าเรียน, ศิลปวิทยา, ช่วยเลือกคู่ครองที่เหมาะสมให้บุตร, แบ่งทรัพย์มรดกให้เมื่อเวลาอันสมควร
ภารกิจ หน้าที่สำคัญของพ่อแม่ทางใจ พาลูกเข้าวัดเพื่อศึกษาพระธรรมคำสอน ชักจูงแนะนำให้ลูกสวดมนต์ไหว้พระก่อนนอน ชักนำลูกให้ทำบุญรักษาศีล ฝึกเจริญสติสมาธิ และชักนำบุตรให้ได้บวชเรียนเป็นพระภิกษุ และบิดามารดามีหน้าที่แนะนำส่งเสริมให้บุตรเข้าสู่พระนิพพานหรือบรมธรรม อันเป็นเป้าหมายสูงสุดของมนุษยชาติ
ในวาระแห่งวันแม่แห่งชาติ ขออำนาจแห่งพระคุณของแม่ทุกครัวเรือน แม่บ้านหมู่บ้าน แม่บ้านตำบล แม่บ้านอำเภอ แม่บ้านจังหวัด แม่บ้านรัฐมนตรี แม่บ้านนายกรัฐมนตรี ฯลฯ ร่วมกันสร้างสรรค์บันดาลหลักการปกครองโดยธรรมให้มีขึ้นในแผ่นดิน เจริญรอยตามพระราชภารกิจแห่งสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ พระแม่เจ้าแห่งแผ่นดินของเหล่าพสกนิกรชาวไทย ขอเทิดพระคุณแม่นี้ไว้ด้วยบทกลอน พระคุณของพ่อแม่ แด่… ผู้เป็นพ่อ แม่ และลูกๆ ทุกคน
คำว่าพ่อ แม่นี้ ยิ่งใหญ่นัก
ชนประจักษ์ คุณพ่อแม่ คือทุกสิ่ง
พ่อแม่คือ พระอรหันต์ ในบ้านจริง
ประเสริฐยิ่ง กว่าสิ่งใด ในครอบครัว
พ่อแม่คือ พระพรหม ของลูกลูก
รักพันผูก เมตตารัก ทุกชาติทั่ว
เป็นเทวดา บันดาล ทุกบ้านครัว
มอบถ้วนทั่ว แต่สิ่งดี มีพระคุณ
พ่อแม่จ๋า ท่านคือ ครูคนแรก
สอนสอดแทรก ธรรมะ พระเกื้อหนุน
คุณพ่อแม่ ดุจแผ่นฟ้า ผู้การุณย์
ลูกเทิดคุณ ทำหน้าที่ เพื่อปวงไทย
พ่อแม่เป็นได้ ทุกสิ่ง สำหรับลูก
พ่อแม่ปลูก คุณธรรม นำสมัย
เป็นนักร้อง คอยกล่อม หลับสบาย
ดังดุจคล้าย คนใช้ ประจำตัว
พ่อแม่คือ ธนาคาร ของลูกรัก
ลูกประจักษ์ สอนธรรม รู้ดีชั่ว
พ่อแม่คือยาม ป้องกันภัย อยู่ใกล้ตัว
ทุกครอบครัว พ่อแม่ แน่กว่าใคร
ผู้เป็นลูก ตอบแทน คุณพ่อแม่
เป็นลูกแท้ ช่วยทำกิจ ที่มอบให้
ทั้งรักษา วงศ์สกุล คู่ฟ้าไทย
ประพฤติให้ สมควรรับ ทรัพย์ที่มี
เป็นบุตรแท้ บุตรไทย ตามรอยบาท
บรมศาสด์ พุทธธรรม นำวิถี
ทั้งบรม กษัตริย์ ฉัตรเทวี
เทิดพระคุณ พ่อแม่นี้ เพื่อแผ่นดิน