xs
xsm
sm
md
lg

พระบรมฯ ทรงให้เปลี่ยนท่าเดินขบวนเคลื่อนพระศพพระพี่นางฯ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ ทรงมีพระราชบัณฑูรให้เปลี่ยนท่าเดินในขบวนพระศพ สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอฯ ด้วยทรงเป็นห่วงทหาร ข้าราชการ ข้าราชบริพาร มหาดเล็ก ตลอดจนเยาวชนจากสถานศึกษาต่างๆ ที่เข้าร่วมในริ้วขบวนพระราชพิธีพระราชเพลิงพระศพ โดยรับสั่งให้ใช้ท่า "เปลี่ยนสูงแบบสืบเท้า" แทนท่า"สโลว์มาร์ช" แบบทหารที่ต้องใช้กำลังมาก และ ฝึกยากในการร่วมขบวนพระศพ ด้านทบ.เปิดปฐมนิเทศริ้วขบวนแก่ข้าราชบริพาร-มหาดเล็ก-ข้าหลวง

วานนี้ (8 ส.ค.) ณ อาคาร 601 สำนักพระราชวัง สนามเสือป่า กองทัพบก และกองทัพภาคที่ 1 ได้จัดปฐมนิเทศริ้วขบวนพระศพ สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ แก่ข้าราชบริพาร มหาดเล็ก และข้าหลวง เพื่อความเข้าใจตรงกันในการจัดริ้วขบวน โดยมี พ.อ.กัมปนาท รุดดิษฐ์ รองผู้บัญชาการกองพลที่ 1 รักษาพระองค์ (รองผบ.พล1 รอ.) ในนามกองทัพบกและกองทัพภาคที่ 1 เป็นตัวแทนในการบรรยายสรุป

พ.อ.กัมปนาท กล่าวว่า นับเป็นเกียรติสูงยิ่งแก่วงศ์ตระกูลและชีวิตข้าราชการทหาร ที่มีโอกาสได้เป็นหนึ่งในคณะกรรมการริ้วขบวนอัญเชิญพระศพถวาย และนับเป็นพระมหากรุณาธิคุณในสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร ที่มีต่อข้าราชการ ทหาร พลเรือน ตลอดจนมหาดเล็ก คุณข้าหลวง และเยาวชนที่จะมาเดินในริ้วขบวนอย่างยิ่ง ที่ทรงเห็นแล้วว่า ท่าเดินสโลว์มาร์ชแบบเก่าที่เคยใช้ในการอัญเชิญพระศพ สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนีนั้น เป็นท่าที่ต้องใช้แรงมาก ไม่สะดวกในการเดินริ้วขบวนเป็นระยะทางไกลและนาน จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ มีพระราชบัณฑูรให้เปลี่ยนท่าเดินแบบเก่าจากที่เคยเป็นแบบสโลว์มาร์ช ต้องเตะเท้าและค้างจังหวะก้าว เปลี่ยนให้ใช้เป็นท่าสโลว์มาร์ช โดยในจังหวะเตะเท้าให้สืบเท้า และไม่ต้องค้างจังหวะก้าวขาแทน ซึ่งในภาษาไทยทรงโปรดเกล้าฯ ให้เรียกขานการเดินแบบใหม่ว่า "การเดินเปลี่ยนสูงแบบสืบเท้า"

"สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ ทรงมีพระราชบัณฑูรให้ถวายพระเกียรติยศสูงสุด แด่สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอฯ ซึ่งทรงเป็นพระบรมวงศ์ชั้นผู้ใหญ่ใกล้ชิดพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ด้วยการจัดเตรียมงาน และริ้วขบวนให้พร้อมที่สุด และเป็นระเบียบที่สุด โดยรับสั่งว่าให้ใช้แบบจากงานพระราชทานเพลิงพระบรมศพสมเด็จย่า" รองผบ.พล1 รอ.กล่าว

พ.อ.กัมปนาท กล่าวถึงรายละเอียดหมายกำหนดการพระราชพิธีพระราชทานเพลิงพระศพในวันที่ 14-19 พ.ย.51 และรายละเอียดริ้วขบวน เส้นทางเสด็จริ้วกระบวนพระโกศสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอฯ ว่า ในวันศุกร์ที่ 14 พ.ย. เวลา17.30 น. จะเป็นพระราชพิธีบำเพ็ญพระราชกุศลออกพระเมรุ ณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ในพระบรมมหาราชวัง การแต่งกายในวันดังกล่าว เป็นชุดเต็มยศ ประดับเครื่องราชอิสริยาภรณ์มงกุฎไทยไว้ทุกข์

วันเสาร์ ที่ 15 พ.ย. จะมี 3 ริ้วขบวน โดยเริ่มตั้งแต่เวลา 07.00 น. อัญเชิญพระโกศ โดยพระยานมาศสามลำคาน จากพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท พระบรมมหาราชวัง ไปยังพระมหาพิชัยราชรถ บริเวณหน้าวัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม เส้นทางจากประตูศรีสุนทร ประตูเทวาภิรมย์ ถนนมหาราช ถนนท้ายวัง และถนนสนามไชย

ริ้วขบวนที่ 2 จะอัญเชิญพระโกศโดยพระมหาพิชัยราชรถ จากหน้าวัดพระเชตุพนฯ ไปยังพระเมรุ เส้นทางจากหน้าวัดพระเชตุพนฯ ถนนสนามไชย ถนนราชดำเนิน เข้าถนนกลางท้องสนามหลวง

ริ้วขบวนที่ 3 เชิญพระโกศโดยพระยานมาศสามลำคาน เวียนรอบพระเมรุ โดยอุตราวัฎ (เวียนซ้าย) 3 รอบ แล้วอัญเชิญพระโกศขึ้นประดิษฐานบนพระเมรุ และพระราชทานเพลิงพระศพในเวลา 20.00 น. โดยการแต่งกายวันดังกล่าวเป็นชุดปกติขาว ไว้ทุกข์

วันอาทิตย์ที่ 16 พ.ย. เวลา 08.00 น. เก็บพระอัฐิ ริ้วขบวนที่ 4 ขบวนพระราชอิสริยยศพระอัฐิและพระอังคารจากพระเมรุสู่พระบรมมหาราชวัง โดยจะอัญเชิญพระโกศพระอัฐิ ด้วยพระที่นั่งราเชนทรยาน และเชิญพระสรีรางคาร โดยพระวอสีวิกากาญจน์ ใช้เส้นทางถนนสายกลางสนามหลวง ถนนราชดำเนิน ถนนหน้าพระราช ประตูวิเศษไชยศรี สู่พระบรมมหาราชวัง ซึ่งจะอัญเชิญพระโกศพระอัฐิไปยังพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท และอัญเชิญพระผอบพระสรีรางคารไปยังพระศรีรัตนเจดีย์ วัดพระศรีรัตนศาสดาราม ซึ่งการแต่งกายในวันนี้จะใช้ชุดเต็มยศ ประดับเครื่องราชอิสริยาภรณ์จุลจอมเกล้าไว้ทุกข์

วันจันทร์ที่ 17 พ.ย. เวลา 16.30 น. จะมีพระราชพิธีบำเพ็ญพระราชกุศลพระอัฐิ ณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท การแต่งกายเป็นชุดเต็มยศ ประดับเครื่องราชอิสริยาภรณ์จักรี

วันอังคารที่ 18 พ.ย. 10.30 น.มีพระพิธีธรรมเลี้ยงพระ ณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท จากนั้นริ้วขบวนที่ 5 จะอัญเชิญพระโกศพระอัฐิมาประดิษฐาน ณ พระวิมาน พระที่นั่งจักรีมหาปราสาท โดยพระที่นั่งราเชนทรยาน ตั้งขบวนที่หน้าถนน อมรวิถี เริ่มจากแยกหน้าประตูพิมานไชยศรี ถึงหน้าประตูกำแพงแก้วพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท การแต่งกายในวันดังกล่าว จะใช้ชุดเต็มยศ ประดับเครื่องราชอิสริยาภรณ์จุลจอมเกล้า ไว้ทุกข์

วันพุธที่ 19 พ.ย. วันบรรจุพระสรีรางคาร ณ อนุสรณ์สถานรังสีวัฒนา วัดราชบพิตร สถิตมหาสีมาราม โดยริ้วขบวนรถยนต์ (ริ้วขบวนที่6) ซึ่งจะเชิญพระสรีรางคารจากพระศรีรัตนเจดีย์ วัดพระศรีรัตนศาสดาราม โดยรถยนต์พระที่นั่ง ไปบรรจุไว้ ณ อนุสรณ์สถานรังสีวัฒนา ริ้วขบวนจะออกทางประตูวิเศษไชยศรี ถนนหน้าพระลาน ถนนสนามไชย ถนนกัลยาณไมตรี ถนนอัษฎางค์ สู่ถนนราชบพิตร

ด้าน พ.อ.ณัฐวัฒน์ อัคนิบุตร เสธ.พล1 รอ. กล่าวว่า พระราชบัณฑูรที่ให้ทรงเปลี่ยนท่าเดินในริ้วขบวนว่า เป็นพระกรุณาธิคุณเป็นล้นพ้น ด้วยเพราะทรงห่วงใยในสุขภาพของคุณข้าหลวง มหาดเล็ก และเด็กๆ เยาวชนจากสถานศึกษาที่จะร่วมขบวนอัญเชิญพระศพ โดยเฉพาะคุณข้าหลวงหรือข้าราชบริพารบางท่านที่สูงอายุ และสุขภาพไม่เอื้ออำนวย ร่างกายอาจจะไม่ไหวหากต้องเดินสโลว์มาร์ชแบบดั้งเดิม ที่ต้องเตะขา

"ปกติเราจะเดินสโลว์มาร์ชในพระราชพิธีสวนสนาม โดยใช้เฉพาะตอนเชิญธงชัยเฉลิมพลไปประดิษฐานหน้าพลับพลาที่ประทับ ซึ่งจะใช้เวลาเดินประมาณ 4 นาทีเท่านั้น สมเด็จพระบรมฯ ท่านทรงเป็นห่วง และทรงมีพระประสบการณ์ส่วนพระองค์ด้วย จึงได้มีพระราชบัณฑูรให้เปลี่ยน สโลว์มาร์ช ที่ทหารเดินนั้น จะต้องเตะเท้า และก้าวแบบยกค้าง แล้วจึงจะลงเท้าได้ ท่านทรงเห็นว่า จะลำบากต่อทั้งข้าราชบริพารและคุณข้าหลวงสูงอายุ รวมถึงเด็กๆ เยาวชน และเป็นท่าค่อนข้างยาก ยากต่อการฝึกหัด โดยเฉพาะพนักงานเชิญเครื่องสูง อย่างฉัตร หรือโตมร ซึ่งหนักมาก หากเดินแบบเดิม อาจจะถ่วงน้ำหนักไม่ได้ และริ้วขบวนอย่างริ้วที่ 2 จะเดินนานมาก คือประมาณชั่วโมงครึ่ง จึงโปรดให้เปลี่ยนเป็นการเดินเปลี่ยนสูงแบบสืบเท้า คือ จากเดิมที่เตะเท้า ก้าว ยกค้าง เปลี่ยนเป็น เดิน สืบเท้า ไม่ต้องยกเท้าค้าง ซึ่งแม้ความเข้มแข็งแบบทหารจะลดลงไปบ้าง แต่เป็นท่าที่สง่างามมาก" พ.อ.ณัฐวุฒิกล่าว

พ.อ.ณัฐวุฒิ กล่าวอีกว่า ระยะเวลาการซ้อมริ้วขบวนค่อนข้างนาน และมีการซ้อมถี่ เนื่องจากต้องการให้ผู้ร่วมขบวนมีการปรับสภาพร่างกายให้ชิน และให้เกิดความพร้อมเพรียงสวยสง่างาม เพื่อต้องการถวายพระเกียรติสูงสุด ระหว่างนี้ได้จัดเจ้าหน้าที่ครูฝึกออกไปสอนตามโรงเรียนและมหาวิทยาลัยต่างๆ ที่ร่วมเดินในริ้วขบวน เพื่อความสะดวก จากนั้นจะนัดริ้วขบวนต่างๆ มาซ้อมรวมกัน 5 ครั้ง แบ่งเป็นซ้อมย่อย 4 ครั้ง และซ้อมใหญ่ 1 ครั้ง

"ซ้อมย่อยในวันที่ 1 ต.ค. ที่กรมทหารราบ 11 รักษาพระองค์ เป็นการซ้อมกองบังคับการกองผสมขบวนทหารนำและทหารตาม ซ้อมย่อยวันที่ 8 ต.ต.ซ้อมริ้วขบวน1-2-3 และเจ้าหน้าที่กองอำนวยการฝึกซ้อมกับพิธีการสถานที่ฝึกซ้อม ที่กรมทหารราบ 11 รักษาพระองค์ ซ้อมย่อยครั้งที่ 3 วันที่ 12 ต.ค. ซ้อมริ้วขบวนที่ 1 ในสถานที่จริง ซ้อมย่อยครั้งที่ 4 วันที่ 19 ต.ค. ซ้อมทุกริ้วขบวน ในสถานที่จริง และซ้อมใหญ่ 2 พ.ย. ซ้อมทุกริ้วขบวน แต่งกายเหมือนจริง และสถานที่จริง โดยระหว่างนี้ผมได้ส่งเจ้าหน้าที่ไปวัดถนน เพื่อจะแบ่งสัดส่วนของริ้วขบวน และจะตีตาราง กำหนดจุด ช่องไฟ และตำแหน่งของแต่ละคน ที่สถานที่จริง" พ.อ.ณัฐวุฒิ กล่าว
กำลังโหลดความคิดเห็น