ศูนย์ข่าวหาดใหญ่ - ตำรวจสงขลาเร่งหาเบาะแสล่าคนร้ายลอบวางระเบิด 7 จุดในหาดใหญ่และสงขลา พร้อมระดมกำลังเข้ารักษาความปลอดภัยเข้ม หวั่นเกิดเหตุซ้ำรอย "ผบ.ตร."สั่งเช็คความเคลื่อนแนวร่วมในพื้นที่ เผยการข่าวเฝ้าระวังเต็มที่ "ปชป." จี้ "โกวิท วัฒนะ รองนายกฯ-มท.1 คนใหม่" แสดงบทบาทงานแรกลงพื้นที่แก้ปัญหาด่วน ด้านผู้ประกอบการท่องเที่ยวชี้ระเบิด 7 ลูกไกลหัวใจส่งผลกระทบแค่ระยะสั้น
ภายหลังจากเกิดเหตุคนร้ายลอบวางระเบิด 7 จุดในพื้นที่ 2 อำเภอของ จ.สงขลาคือ อ.เมืองสงขลา 5 จุด และ อ.หาดใหญ่ 2 จุด เมื่อคืนวันที่ 2 ส.ค.ที่ผ่านมา ส่งผลให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บ 2 คน คือ น.ส.นิลาวัลย์ เรือนแก้ว อายุ 18 ปีและ น.ส.แก้วกาญจน์ นีมุสิก อายุ 16 ปีทั้ง 2 เป็นพนักงานร้านเซเว่นฯ ซึ่งขณะนี้อาการปลอดภัยแล้ว แต่ยังคงพักรักษาอยู่ในที่โรงพยาบาลสงขลา
วานนี้ (3 ส.ค.) ในพื้นที่ อ.เมืองสงขลา เจ้าหน้าที่ได้วางมาตรการคุมเข้มเพื่อรักษาความปลอดภัยในเขตตัวเมืองของทั้ง 2 อำเภอในระดับสูงสุด โดยในพื้นที่ อ.เมืองสงขลา ได้มีการวางกำลังจุดตรวจจุดสกัดทั้ง 4 มุมเมืองที่เป็นเส้นทางเข้าออกตัวเมืองสงขลา ประกอบด้วยจุดตรวจสวน 72 พรรษา จุดตรวจบ่อยาง จุดตรวจบ้านทุ่งใหญ่ และจุดตรวจเส้นทางสงขลา-จะนะ ในขณะที่พื้นที่ อ.หาดใหญ่ ได้มีวางจุดตรวจบนเส้นทางขาเข้าบนถนนสายหลักทั้งถนนกาญจนวานิช และถนนเพชรเกษม
พล.ต.ต.วิรุฬ เอี่ยมไพจิตร์ ผบก.ภ.จว.สงขลา เผยภายหลังประชุมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทุกฝ่ายเพื่อประเมินสถานการณ์ที่เกิดขึ้นว่า เหตุระเบิดที่เกิดขึ้นทั้ง 7 จุดนั้นคนร้ายต้องการป่วนเพื่อให้สถานการณ์เกิดความวุ่นวายมากกว่าที่จะมุ่งทำลายหรือสร้างความเสียหายต่อชีวิตและทรัพย์สิน ขณะนี้ตนได้เรียกกำลังเจ้าหน้าที่จากหน่วยข้างเคียงให้เข้ามาเสริมกำลังในอย่างเต็มที่ เพื่อรักษาความปลอดภัยทั้ง 2 อำเภอ รวมถึงในพื้นที่ 4 อำเภอชายแดนสงขลา ซึ่งเป็นพื้นที่เสี่ยงที่อาจจะเกิดการก่อเหตุร้ายขึ้นได้อีก พร้อมทั้งสั่งการให้เตรียมพร้อมเฝ้าระวังเหตุตลอด 24 ชั่วโมง รวมทั้งตรวจสอบหลักฐานต่างๆ ที่เก็บได้ในที่เกิดเหตุด้วย
ส่วนกลุ่มผู้ก่อเหตุนั้นยังไม่สามารถระบุได้ว่าเป็นกลุ่มใด และยังไม่มีการควบคุมตัวผู้ต้องสงสัยมาสอบสวนแต่อย่างใด โดยหลังจากนี้จะต้องตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิดบริเวณจุดที่เกิดเหตุอย่างละเอียด ซึ่งคาดว่าน่าจะได้เบาะแสเกี่ยวกับคนร้ายที่ลงมือก่อเหตุในเร็วๆ นี้
ต่อมาเวลา 10.30 น. พล.ต.อ.ปานศิริ ประภาวัต รอง ผบ.ตร.ซึ่งได้รับมอบหมายจาก พล.ต.อ.พัชรวาท วงศ์สุวรรณ ผบ.ตร.ให้ลงพื้นที่พร้อมกับ พล.ต.ท.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผู้ช่วย ผบ.ตร.เพื่อตรวจสอบที่เกิดเหตุทั้ง 7 จุดและฟังบรรยายสรุปเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งหมดก่อนที่จะเปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า จากการตรวจสอบที่เกิดเหตุเจ้าหน้าที่ได้เบาะแสที่สำคัญหลายอย่างทั้งหลักฐานที่เป็นวัตถุพยาน ภาพจากกล้องวงจรปิดและพยานที่เห็นเหตุการณ์ ซึ่งจะให้ผู้เชี่ยวชาญตรวจสอบอีกครั้งหนึ่ง
สำหรับเหตุระเบิดครั้งนี้เป็นเหตุการณ์ที่เชื่อมโยงกับ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ แต่ผู้ก่อเหตุไม่ได้มาจากพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ แต่เป็นกลุ่มแนวร่วมที่เคลื่อนไหวอยู่ในพื้นที่โยงเฉพาะในพื้นที่อำเภอชายแดนสงขลา ซึ่งได้สั่งการให้ พล.ต.ท.อดุลย์ ตรวจสอบและหาข่าวความเคลื่อนไหวของบุคคลต้องสงสัยเหล่านี้ แต่ยังไม่สามารถระบุได้ว่าเป็นฝีมือของกลุ่มไหน
พล.ต.อ.ปานศิริ กล่าวอีกว่า ผบ.ตร.ได้ย้ำให้เน้นเรื่องการข่าวเป็นพิเศษ รวมทั้งมาตรการป้องกันและการรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อนำไปสู่การคลี่คลายคดี ทั้งนี้เหตุระเบิดในพื้นที่ จ.สงขลา นั้นไม่ได้มีข้อบกพร่องมาจากเจ้าหน้าที่การข่าวเพราะได้เฝ้าระวังมาตลอดตั้งแต่ต้นปีและการปฏิบัติงานด้านการปกกันของเจ้าหน้าที่ค่อนข้างมีประสิทธิภาพเพราะพื้นที่เกิดเหตุอยู่ในรอบนอกไม่ใช้จุดยุทธศาสตร์ใจกลางเมือง รวมทั้งเป็นระเบิดความดันต่ำมีผู้ได้รับบาดเจ็บเพียงสองคน
มีรายงานจากเจ้าหน้าที่ชุดเก็บกู้วัตถุระเบิดเผยว่า จากการตรวจสอบจุดเกิดเหตุทั้ง 7 จุดพบเป็นระเบิดชนิดเดียวกันเกือบทั้งหมด โดยเป็นระเบิดแสวงเครื่องที่ประกอบในกล่องเหล็ก จุดชนวนด้วยโทรศัพท์มือถือและมีสะเก็ดระเบิดซึ่งเป็นเหล็กตัด และหัวตะปูชิ้นเล็กๆ มีน้ำหนักประมาณครึ่งกิโลกรัม ยกเว้นเหตุระเบิดที่หน้าร้าน ดร.คูล ย่านถนนชลาทัศน์ จากการตรวจสอบพบว่าเป็นรถจักรยานยนต์บอมส์ โดยคนร้ายได้ซุกระเบิดแสวงเครื่องไว้ในช่องแบตเตอร์รี่รถจักรยานยนต์ ซึ่งพบชิ้นส่วนของโทรศัพท์มือถือโนเกียร์รุ่น 1110 ไอ ใช้ซิมวันทูคอล อนุภาพจึงค่อนข้างรุนแรงกว่าพื้นที่อื่นๆ
ส่วนการสอบสวนเกี่ยวกับเบาะแสของผู้ต้องสงสัยนั้นมีความคืบหน้าไปพอสมควร โดยมีรายงานว่า เจ้าหน้าที่พอได้เบาะแสของผู้ต้องสงสัยอย่างน้อย 3 คนจากเหตุระเบิดสองจุดในตัวเมืองหาดใหญ่ คือที่ร้านลุงเจิม ถนนเพชรเกษม พบบุคคลต้องสงสัยเป็นชายหญิงคู่หนึ่งอายุประมาณ 20 ปีซึ่งนั่งอยู่ที่โต๊ะซึ่งเกิดเหตุระเบิดก่อนที่จะลุกออกไป และเหตุระเบิดที่ร้านเซเว่นฯ สาขาถนนราษฎร์ยินดี เป็นชายวัยรุ่น 1 คนสวมกางเกงทหารลายพรางและเสื้อยืดสีน้ำตาล และยังพบลายนิ้วมือแฝงบริเวณจุดเกิดเหตุด้วย
ด้านนายถาวร เสนเนียม ส.ส.เขต 5 สงขลา พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า การคลี่คลายเหตุลอบวางระเบิดใน จ.สงขลานั้น พล.ต.อ.โกวิท วัฒนะ ซึ่งได้รับการโปรดเกล้าฯดำรงตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรี และ รมว.มหาดไทยคนใหม่ ควรลงพื้นที่แสดงบทบาทเป็นครั้งแรกเพื่อมากำกับดูแลเจ้าหน้าที่ระดับปฏิบัติและวางแผนด้วยตนเองและให้กำลังใจกับเจ้าหน้าที่ตำรวจในพื้นที่ในฐานะที่เป็นอดีต ผบ.ตร.และมีประสบการณ์เกี่ยวกับการป้องกันและปราบปรามมามาก เพราะหากยังนิ่งเฉยก็จะเหมือนกับอดีตรมว.มหาดไทยคนเก่า ซึ่งเท่ากับเสียเวลาเปล่า ซึ่งตนได้ตั้งความหวังไว้กับ พล.ต.อ.โกวิท ว่าจะให้ความสำคัญกับการแก้ปัญหาในภาคใต้
"เหตุระเบิดครั้งนี้ไม่เกี่ยวกับสถานการณ์การเมืองที่กำลังร้อนแรงอยู่ในขณะนี้ แต่เป็นฝีมือของผู้ก่อความไม่สงบที่ต้องการสร้างข่าวเท่านั้น และไม่ใช่เป็นเรื่องที่สลับซับซ้อนเชื่อว่าเจ้าหน้าที่จะสามารถคลี่คลายสถานการณ์ได้" นายถาวร กล่าว
ทางด้านนายสมชาติ พิมพ์ธนพูนพร นายกสมาคมโรงแรมหาดใหญ่-สงขลา กล่าวว่า เหตุระเบิดครั้งนี้ไม่รุนแรงและเกิดขึ้นในพื้นที่รอบนอก ไม่ใช่ย่านธุรกิจการค้าที่เป็นจุดขายของการท่องเที่ยว จึงไม่ได้ส่งผลกระทบต่อการท่องเที่ยวมากนัก แต่อาจจะส่งผลต่อความมั่นใจในเรื่องของความปลอดภัย ซึ่งจะทำให้การท่องเที่ยวชะลอตัวบ้างแต่ก็เป็นในช่วงสั้น ๆ ซึ่งจากการพูดคุยกับบริษัททัวร์ในมาเลเซีย พบว่านักท่องเที่ยวชาวมาเลเซียยังมีความมั่นใจอยู่เพราะเข้าใจในสถานการณ์ที่เกิดขึ้นและหากเจ้าหน้าที่สามารถสกัดกั้นไม่เกิดเหตุรุนแรงบริเวณใจกลางเมือง ซึ่งเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชื่อว่าภาพรวมของการท่องเที่ยวของ จ.สงขลา ก็ไม่น่าจะได้รับผลกระทบมากนัก
"การที่จะดูว่าภาวการณ์ท่องเที่ยวของ จ.สงขลาได้รับผลกระทบมากน้อยเพียงใดนั้น ต้องประเมินในช่วงสุดสัปดาห์หน้าว่าจำนวนนักท่องเที่ยวลดลงหรือไม่ แต่ขณะนี้กรุ๊ปทัวร์ที่จะเดินทางเข้ามาร่วมเทศกาลบุญใน อ.หาดใหญ่ ซึ่งจะจัดพิธีตักบาตรพระ 2,000 รูปในวันที่ 17 ส.ค.นี้ยังไม่มีการยกเลิกแต่อย่างใด ส่วนกรณีที่นักท่องเที่ยวชาวมาเลเซียเริ่มทยอยเดินทางกลับกันมากเมื่อวานนี้นั้นไม่ได้มีสาเหตุมาจากหวาดกลับกับเหตุระเบิด แต่เป็นการเดินทางกลับตามปกติ เนื่องจากส่วนใหญ่จะเดินทางเข้ามาในช่วงวันศุกร์และเดินทางกลับวันอาทิตย์ และมีอีกจำนวนมากที่ยังคงท่องเที่ยวอยู่ใน อ.หาดใหญ่" นายสมชาติ กล่าว
ภายหลังจากเกิดเหตุคนร้ายลอบวางระเบิด 7 จุดในพื้นที่ 2 อำเภอของ จ.สงขลาคือ อ.เมืองสงขลา 5 จุด และ อ.หาดใหญ่ 2 จุด เมื่อคืนวันที่ 2 ส.ค.ที่ผ่านมา ส่งผลให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บ 2 คน คือ น.ส.นิลาวัลย์ เรือนแก้ว อายุ 18 ปีและ น.ส.แก้วกาญจน์ นีมุสิก อายุ 16 ปีทั้ง 2 เป็นพนักงานร้านเซเว่นฯ ซึ่งขณะนี้อาการปลอดภัยแล้ว แต่ยังคงพักรักษาอยู่ในที่โรงพยาบาลสงขลา
วานนี้ (3 ส.ค.) ในพื้นที่ อ.เมืองสงขลา เจ้าหน้าที่ได้วางมาตรการคุมเข้มเพื่อรักษาความปลอดภัยในเขตตัวเมืองของทั้ง 2 อำเภอในระดับสูงสุด โดยในพื้นที่ อ.เมืองสงขลา ได้มีการวางกำลังจุดตรวจจุดสกัดทั้ง 4 มุมเมืองที่เป็นเส้นทางเข้าออกตัวเมืองสงขลา ประกอบด้วยจุดตรวจสวน 72 พรรษา จุดตรวจบ่อยาง จุดตรวจบ้านทุ่งใหญ่ และจุดตรวจเส้นทางสงขลา-จะนะ ในขณะที่พื้นที่ อ.หาดใหญ่ ได้มีวางจุดตรวจบนเส้นทางขาเข้าบนถนนสายหลักทั้งถนนกาญจนวานิช และถนนเพชรเกษม
พล.ต.ต.วิรุฬ เอี่ยมไพจิตร์ ผบก.ภ.จว.สงขลา เผยภายหลังประชุมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทุกฝ่ายเพื่อประเมินสถานการณ์ที่เกิดขึ้นว่า เหตุระเบิดที่เกิดขึ้นทั้ง 7 จุดนั้นคนร้ายต้องการป่วนเพื่อให้สถานการณ์เกิดความวุ่นวายมากกว่าที่จะมุ่งทำลายหรือสร้างความเสียหายต่อชีวิตและทรัพย์สิน ขณะนี้ตนได้เรียกกำลังเจ้าหน้าที่จากหน่วยข้างเคียงให้เข้ามาเสริมกำลังในอย่างเต็มที่ เพื่อรักษาความปลอดภัยทั้ง 2 อำเภอ รวมถึงในพื้นที่ 4 อำเภอชายแดนสงขลา ซึ่งเป็นพื้นที่เสี่ยงที่อาจจะเกิดการก่อเหตุร้ายขึ้นได้อีก พร้อมทั้งสั่งการให้เตรียมพร้อมเฝ้าระวังเหตุตลอด 24 ชั่วโมง รวมทั้งตรวจสอบหลักฐานต่างๆ ที่เก็บได้ในที่เกิดเหตุด้วย
ส่วนกลุ่มผู้ก่อเหตุนั้นยังไม่สามารถระบุได้ว่าเป็นกลุ่มใด และยังไม่มีการควบคุมตัวผู้ต้องสงสัยมาสอบสวนแต่อย่างใด โดยหลังจากนี้จะต้องตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิดบริเวณจุดที่เกิดเหตุอย่างละเอียด ซึ่งคาดว่าน่าจะได้เบาะแสเกี่ยวกับคนร้ายที่ลงมือก่อเหตุในเร็วๆ นี้
ต่อมาเวลา 10.30 น. พล.ต.อ.ปานศิริ ประภาวัต รอง ผบ.ตร.ซึ่งได้รับมอบหมายจาก พล.ต.อ.พัชรวาท วงศ์สุวรรณ ผบ.ตร.ให้ลงพื้นที่พร้อมกับ พล.ต.ท.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผู้ช่วย ผบ.ตร.เพื่อตรวจสอบที่เกิดเหตุทั้ง 7 จุดและฟังบรรยายสรุปเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งหมดก่อนที่จะเปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า จากการตรวจสอบที่เกิดเหตุเจ้าหน้าที่ได้เบาะแสที่สำคัญหลายอย่างทั้งหลักฐานที่เป็นวัตถุพยาน ภาพจากกล้องวงจรปิดและพยานที่เห็นเหตุการณ์ ซึ่งจะให้ผู้เชี่ยวชาญตรวจสอบอีกครั้งหนึ่ง
สำหรับเหตุระเบิดครั้งนี้เป็นเหตุการณ์ที่เชื่อมโยงกับ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ แต่ผู้ก่อเหตุไม่ได้มาจากพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ แต่เป็นกลุ่มแนวร่วมที่เคลื่อนไหวอยู่ในพื้นที่โยงเฉพาะในพื้นที่อำเภอชายแดนสงขลา ซึ่งได้สั่งการให้ พล.ต.ท.อดุลย์ ตรวจสอบและหาข่าวความเคลื่อนไหวของบุคคลต้องสงสัยเหล่านี้ แต่ยังไม่สามารถระบุได้ว่าเป็นฝีมือของกลุ่มไหน
พล.ต.อ.ปานศิริ กล่าวอีกว่า ผบ.ตร.ได้ย้ำให้เน้นเรื่องการข่าวเป็นพิเศษ รวมทั้งมาตรการป้องกันและการรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อนำไปสู่การคลี่คลายคดี ทั้งนี้เหตุระเบิดในพื้นที่ จ.สงขลา นั้นไม่ได้มีข้อบกพร่องมาจากเจ้าหน้าที่การข่าวเพราะได้เฝ้าระวังมาตลอดตั้งแต่ต้นปีและการปฏิบัติงานด้านการปกกันของเจ้าหน้าที่ค่อนข้างมีประสิทธิภาพเพราะพื้นที่เกิดเหตุอยู่ในรอบนอกไม่ใช้จุดยุทธศาสตร์ใจกลางเมือง รวมทั้งเป็นระเบิดความดันต่ำมีผู้ได้รับบาดเจ็บเพียงสองคน
มีรายงานจากเจ้าหน้าที่ชุดเก็บกู้วัตถุระเบิดเผยว่า จากการตรวจสอบจุดเกิดเหตุทั้ง 7 จุดพบเป็นระเบิดชนิดเดียวกันเกือบทั้งหมด โดยเป็นระเบิดแสวงเครื่องที่ประกอบในกล่องเหล็ก จุดชนวนด้วยโทรศัพท์มือถือและมีสะเก็ดระเบิดซึ่งเป็นเหล็กตัด และหัวตะปูชิ้นเล็กๆ มีน้ำหนักประมาณครึ่งกิโลกรัม ยกเว้นเหตุระเบิดที่หน้าร้าน ดร.คูล ย่านถนนชลาทัศน์ จากการตรวจสอบพบว่าเป็นรถจักรยานยนต์บอมส์ โดยคนร้ายได้ซุกระเบิดแสวงเครื่องไว้ในช่องแบตเตอร์รี่รถจักรยานยนต์ ซึ่งพบชิ้นส่วนของโทรศัพท์มือถือโนเกียร์รุ่น 1110 ไอ ใช้ซิมวันทูคอล อนุภาพจึงค่อนข้างรุนแรงกว่าพื้นที่อื่นๆ
ส่วนการสอบสวนเกี่ยวกับเบาะแสของผู้ต้องสงสัยนั้นมีความคืบหน้าไปพอสมควร โดยมีรายงานว่า เจ้าหน้าที่พอได้เบาะแสของผู้ต้องสงสัยอย่างน้อย 3 คนจากเหตุระเบิดสองจุดในตัวเมืองหาดใหญ่ คือที่ร้านลุงเจิม ถนนเพชรเกษม พบบุคคลต้องสงสัยเป็นชายหญิงคู่หนึ่งอายุประมาณ 20 ปีซึ่งนั่งอยู่ที่โต๊ะซึ่งเกิดเหตุระเบิดก่อนที่จะลุกออกไป และเหตุระเบิดที่ร้านเซเว่นฯ สาขาถนนราษฎร์ยินดี เป็นชายวัยรุ่น 1 คนสวมกางเกงทหารลายพรางและเสื้อยืดสีน้ำตาล และยังพบลายนิ้วมือแฝงบริเวณจุดเกิดเหตุด้วย
ด้านนายถาวร เสนเนียม ส.ส.เขต 5 สงขลา พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า การคลี่คลายเหตุลอบวางระเบิดใน จ.สงขลานั้น พล.ต.อ.โกวิท วัฒนะ ซึ่งได้รับการโปรดเกล้าฯดำรงตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรี และ รมว.มหาดไทยคนใหม่ ควรลงพื้นที่แสดงบทบาทเป็นครั้งแรกเพื่อมากำกับดูแลเจ้าหน้าที่ระดับปฏิบัติและวางแผนด้วยตนเองและให้กำลังใจกับเจ้าหน้าที่ตำรวจในพื้นที่ในฐานะที่เป็นอดีต ผบ.ตร.และมีประสบการณ์เกี่ยวกับการป้องกันและปราบปรามมามาก เพราะหากยังนิ่งเฉยก็จะเหมือนกับอดีตรมว.มหาดไทยคนเก่า ซึ่งเท่ากับเสียเวลาเปล่า ซึ่งตนได้ตั้งความหวังไว้กับ พล.ต.อ.โกวิท ว่าจะให้ความสำคัญกับการแก้ปัญหาในภาคใต้
"เหตุระเบิดครั้งนี้ไม่เกี่ยวกับสถานการณ์การเมืองที่กำลังร้อนแรงอยู่ในขณะนี้ แต่เป็นฝีมือของผู้ก่อความไม่สงบที่ต้องการสร้างข่าวเท่านั้น และไม่ใช่เป็นเรื่องที่สลับซับซ้อนเชื่อว่าเจ้าหน้าที่จะสามารถคลี่คลายสถานการณ์ได้" นายถาวร กล่าว
ทางด้านนายสมชาติ พิมพ์ธนพูนพร นายกสมาคมโรงแรมหาดใหญ่-สงขลา กล่าวว่า เหตุระเบิดครั้งนี้ไม่รุนแรงและเกิดขึ้นในพื้นที่รอบนอก ไม่ใช่ย่านธุรกิจการค้าที่เป็นจุดขายของการท่องเที่ยว จึงไม่ได้ส่งผลกระทบต่อการท่องเที่ยวมากนัก แต่อาจจะส่งผลต่อความมั่นใจในเรื่องของความปลอดภัย ซึ่งจะทำให้การท่องเที่ยวชะลอตัวบ้างแต่ก็เป็นในช่วงสั้น ๆ ซึ่งจากการพูดคุยกับบริษัททัวร์ในมาเลเซีย พบว่านักท่องเที่ยวชาวมาเลเซียยังมีความมั่นใจอยู่เพราะเข้าใจในสถานการณ์ที่เกิดขึ้นและหากเจ้าหน้าที่สามารถสกัดกั้นไม่เกิดเหตุรุนแรงบริเวณใจกลางเมือง ซึ่งเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชื่อว่าภาพรวมของการท่องเที่ยวของ จ.สงขลา ก็ไม่น่าจะได้รับผลกระทบมากนัก
"การที่จะดูว่าภาวการณ์ท่องเที่ยวของ จ.สงขลาได้รับผลกระทบมากน้อยเพียงใดนั้น ต้องประเมินในช่วงสุดสัปดาห์หน้าว่าจำนวนนักท่องเที่ยวลดลงหรือไม่ แต่ขณะนี้กรุ๊ปทัวร์ที่จะเดินทางเข้ามาร่วมเทศกาลบุญใน อ.หาดใหญ่ ซึ่งจะจัดพิธีตักบาตรพระ 2,000 รูปในวันที่ 17 ส.ค.นี้ยังไม่มีการยกเลิกแต่อย่างใด ส่วนกรณีที่นักท่องเที่ยวชาวมาเลเซียเริ่มทยอยเดินทางกลับกันมากเมื่อวานนี้นั้นไม่ได้มีสาเหตุมาจากหวาดกลับกับเหตุระเบิด แต่เป็นการเดินทางกลับตามปกติ เนื่องจากส่วนใหญ่จะเดินทางเข้ามาในช่วงวันศุกร์และเดินทางกลับวันอาทิตย์ และมีอีกจำนวนมากที่ยังคงท่องเที่ยวอยู่ใน อ.หาดใหญ่" นายสมชาติ กล่าว