กองทัพพร้อมรับลูกรัฐบาลหากสั่งให้ลดกำลังทหารในพื้นที่เขาพระวิหาร แต่ปฎิเสธที่จะวิจารณ์ไทยเสียเปรียบเขมร อ้างเป็นเรื่องละเอียดอ่อนเกินไป ด้านกลุ่มธรรมยาตราฯ ค้านถอนทหารไทย ส่วนชาวศรีสะเกษ บริจาคสิ่งของสนับสนุนทหาร
พล.อ.บุญสร้าง เนียมประดิษฐ์ ผบ.สูงสุดกล่าวถึงการแก้ปัญหาข้อพิพาท ชายแดนด้านเขาพระวิหารระหว่างไทยกับกัมพูชาว่า ขณะนี้เป็นหน้าที่หลักของกระทรวงการต่างประเทศดำเนินการ ส่วนกองทัพพร้อมให้การสนับสนุน ซึ่งทหารเป็นผู้ปฏิบัติ ขณะนี้การหารือต้องคุยในระดับเจบีซีเป็นเรื่องของ รมว.ต่างประเทศของทั้ง 2 ประเทศเป็นหลัก ส่วนการทหารหรือระดับจีบีซีคงยังไม่มีการหารือกัน
ส่วนผลการหารือระหว่าง รมว.ต่างประเทศทั้ง 2 ประเทศไทยเสียเปรียบกัมพูชาหรือไม่นั้น พล.อ.บุญสร้าง กล่าวว่า ไม่เหมาะที่จะพูด แต่คดีทั้งหลาย แม้แก้ไม่ได้เร็ว แต่ก็ทำให้ปัญหาไม่ขึ้นไปสู่ระดับสูง ซึ่งจะทำให้เป็นเรื่องยาก หากมีหลายประเทศเข้ามาเกี่ยวข้อง ส่วนตัวคิดว่าน่าพอใจให้ระดับประเทศคุยกันไปก่อนน่าจะเป็นผลดี
พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ. กล่าวถึงกรณีที่รัฐบาลกัมพูชาอยากให้กองทัพไทยถอนกำลังทหารในพื้นที่พิพาทก่อนว่าในการปรับวางกำลัง เมื่อทั้งสองประเทศได้หารือกันแล้ว ข้อเสนอทั้งสองฝ่ายคงจะต้องกลับไปสู่รัฐบาลของทั้งสองฝ่ายก่อน จากนั้นรัฐบาลทั้งสองฝ่ายก็ต้องกลับมาตกลงเพื่อเห็นชอบร่วมกันอีกครั้ง หากเห็นชอบร่วมกันก็คงจะมีการดำเนินการในส่วนนี้ และคงกลับไปสั่งในแต่ละประเทศ ในส่วนของไทย ทางรัฐบาลก็คงสั่งการในส่วนที่เกี่ยวข้องได้ดำเนินการในส่วนนี้อีกที ส่วนจะให้เป็นข้อตกลงอะไรก็แล้วแต่จะเรียก
"คนที่ไปประชุมจะนำข้อเสนอไปให้รัฐบาลตัวเองพิจารณา รัฐบาลตัวเองจะพิจารณาโดยร่วมกับหน่วยงานใดก็ดำเนินการ เมื่อเรียบร้อยแล้วรัฐบาลคงไปตกลงกัน สองรัฐบาลคงจะต้องเจอกันอีกครั้งว่าตกลงจะทำอย่างไร ถึงกรอบวัน เวลา หรือ กรอบการปฏิบัติอย่างไรอีกครั้ง และเอากรอบการปฏิบัติมาให้กับหน่วยงานของแต่ละประเทศ เช่นกองทัพ ซึ่งกองทัพคงจะรับไปดำเนินการ"
ผู้สื่อข่าวถามว่า นายกรัฐมนตรีได้มีแนวทางจะหารือในที่ประชุม สมช.หรือ บรรดา ผบ.เหล่าทัพหรือไม่ พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวว่า ยังไม่มีการดำเนินการในส่วนนั้น เข้าใจว่าคงจะต้องหารือในส่วนของรัฐบาลที่จะต้องผ่านกลไกของ ครม. หรือไม่อย่างไรในข้อตกลงดังกล่าวจนได้ข้อยุติก่อน และในขั้นนั้นจะคุยกับส่วนที่เกี่ยวข้องหรือไม่ อย่างไรก็ตาม หากรัฐบาลได้ให้แนวทางปฏิบัติมากองทัพจะปฏิบัติตามส่วนนั้น
ผู้สื่อข่าวถามว่า ดูแล้วไทยจะเสียเปรียบกัมพูชาหรือไม่หากมีการสับเปลี่ยนกำลังหรือไม่ พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวว่า คงไม่ไปวิพากษ์วิจารณ์ในส่วนนั้น เพราะละเอียดอ่อนเกินไปที่จะพูดได้ มันผูกพันทั้งตัวผมเอง และกองทัพ และการประชุมนั้นเป็นการประชุมร่วมกันของตัวแทนของรัฐบาลไทยกับรัฐบาลกัมพูชา ตนจะไปวิพากษ์วิจารณ์ไม่ได้ และไม่ได้อยู่ในที่ประชุมรายละเอียดก็ไม่ทราบ
ผู้สื่อข่าวถามว่า ทางกัมพูชาพยายามเดินเกมด้วยการให้ทหารปลอมเป็นพระไปอยู่ในวัด หากปรับการวางกำลังทหารของไทยออกจากบริเวณวัดจะเสียเปรียบ หรือไม่ พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวว่า รายละเอียดในการปฏิบัติคงจะมีการพูดคุยกันหลังจากนี้ เรื่องวัดก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง แต่เข้าใจว่าคงไม่เกี่ยวกับการปรับวางกำลังของทหาร แต่จะมีคณะกรรมการที่จะเข้าไปดำเนินการในส่วนนั้น "ผมเรียนย้ำว่า ไม่พูดถึงการถอนนะครับ แต่พูดกันว่าการปรับวางกำลังของทั้งสองฝ่าย"
ธรรมยาตราฯค้านถอนทหาร
ผู้สื่อข่าวรายงานจากด่านเก็บค่าธรรมเนียมอุทยานแห่งชาติเขาพระวิหาร ต.เสาธงชัย อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ วานนี้ (30 ก.ค.) นายสมาน ศรีงาม เลขาธิการคณะกรรมการแห่งชาติกอบกู้รักษาอธิปไตยของชาติด้วยอำนาจอธิปไตย ของปวงชนชาวไทย (คกปท.) แกนนำกลุ่มธรรมยาตรา กอบกู้รักษาแผ่นดินไทย กรณีเขาพระวิหาร-มณฑลบูรพา ได้นำคณะธรรมยาตราฯ ไปยืนถือป้ายที่บริเวณ หน้าด่านเก็บค่าธรรมเนียมอุทยานแห่งชาติเขาพระวิหารดังกล่าว พร้อมทั้งอ่านแถลงการณ์เรื่อง "ผลการเจรจาระดับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศที่ จ.เสียมราฐ ไทยแพ้กัมพูชา"
เนื้อหาแถลงการณ์ระบุว่า ตามที่ได้มีการประชุมหารือกัน ระหว่าง รมว.ต่างประเทศของไทย และรมว.ต่างประเทศของกัมพูชา ถึงปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชา บริเวณเขาพระวิหาร เมื่อวันที่ 28 ก.ค.2551 ซึ่งมีข้อตกลง 5 ข้อ โดย 1 ใน5 ข้อคือ ให้มีการถอนกำลังทหารออกจากเขาพระวิหาร พวกเราเห็นว่าการเจรจาดังกล่าวเท่ากับให้ความชอบธรรมกับกัมพูชา รุกรานยึดครองประเทศไทยทั้งตัวปราสาทพระวิหาร และภูเขาพระวิหาร
ทั้งนี้ เนื่องจากการถอนกำลังทหารไทยออกจากดินแดนบริเวณเขาพระวิหาร คือการบังคับให้ไทยพ่ายแพ้ ยอมให้กัมพูชามีชัยชนะในทุกระดับ เพราะเขาพระวิหารเป็นของไทย เมื่อมีการถอยทหารออกมาก็เท่ากับว่าทหารไทย ถอยร่นกำลังลึกเข้ามาในเขตแดนไทย แต่ฝ่ายกัมพูชาถอนทหารกลับเข้าไป ก็ยังอยู่ในเขตแดนไทยบริเวณเขาพระวิหารเช่นเดิม
ดังนั้น พวกเราจึงขอคัดค้านไม่ให้มีการถอนกำลังทหารออกจากเขาพระวิหารอย่างเด็ดขาด ซึ่งพวกเราและประชาชนชาวไทยพร้อม ที่จะให้การสนับสนุนทหารให้ตรึงกำลังอยู่บนเขาพระวิหารตลอดไป เพื่อเป็นการปกป้องกอบกู้รักษาอธิปไตย บนเขาพระวิหารและมลฑลบูรพา ตามอนุสัญญาโตเกียว ค.ศ.1941 ต่อไป
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ขณะเดียวกันได้มีบรรดาประชาชนชาวศรีสะเกษพากันนำสิ่งของเครื่องอุปโภคบริโภค ข้าวสารอาหารแห้ง โดยเฉพาะน้ำดื่ม ไปมอบให้กับทหารไทยอย่างต่อเนื่องเพื่อสนับสนุนและเป็นขวัญกำลังใจในการปฏิบัติหน้าที่ตรึงกำลังอยู่บนเขาพระวิหาร ชายแดนไทย-กัมพูชา อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ
ครู-นร.บริจาคของหนุนทหาร
วันเดียวกันที่โรงเรียนอนุบาลศรีสะเกษ อ.เมือง จ.ศรีสะเกษ นายทิวา รุ้งแก้ว ผู้อำนวยการโรงเรียนอนุบาลศรีสะเกษ พร้อมด้วย คณะครู นักเรียน และผู้ปกครอง ได้ร่วมกันจัดกิจกรรม "รวมน้ำใจบริจาคสิ่งของสู่พี่น้องทหารตามแนวชายแดน" ขึ้นเพื่อร่วมกันบริจาคสิ่งของเครื่องอุปโภคบริโภค ข้าวสาร อาหารแห้ง รวมทั้ง เงินสด เพื่อนำไปมอบให้กับทหารที่กำลังปฏิบัติหน้าที่ บริเวณชายแดนเขาพระวิหาร และเป็นการให้กำลังใจแก่ทหารผู้ปกป้องรักษาดินแดน อธิปไตยของชาติไทย
ในวันที่ 1 ส.ค.นี้ คณะตัวครูและแทนนักเรียน จะเดินทางนำสิ่งของดังกล่าวไปมอบให้กับทหารไทยที่บริเวณอุทยานแห่งชาติเขาพระวิหาร ต.เสาธงชัย อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ และที่จุดผ่านแดนถาวรไทย-กัมพูชา ช่องสะงำ อ.ภูสิงห์ จ.ศรีสะเกษ ต่อไป
นายทิวา รุ้งแก้ว ผู้อำนวยการโรงเรียนอนุบาลศรีสะเกษ กล่าวว่า การบริจาคสิ่งของครั้งนี้ เพื่อเป็นขวัญกำลังใจให้กับทหารไทย ที่ตรึงกำลังอยู่บริเวณเขาพระวิหาร และที่สำคัญ ต้องการแสดงน้ำใจให้เห็นว่า พวกเราคนไทยอยู่แนวหลัง มีความเป็นห่วงและต้องการเพิ่มขวัญกำลังใจให้กับเหล่าทหารไทยที่ได้ปฏิบัติหน้าที่อยู่ตามชายแดนไทย-กัมพูชา ในขณะนี้
ทั้งนี้ ทราบว่ามีทหาร-ตำรวจ ไทยตั้งฐานปฏิบัติการส่วนหน้าตรึงกำลังตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ด้าน จ.ศรีสะเกษ อยู่ 2 แห่งหลักๆ คือ ที่บริเวณชายแดนเขาพระวิหาร อ.กันทรลักษ์ และที่ด่านผ่านแดนถาวรไทย-กัมพูชา ช่องสะงำ อ.ภูสิงห์ จ.ศรีสะเกษ ซึ่งเราจะได้จัดแบ่งสิ่งของบริจาคออกเป็น 2 ส่วน และให้คณะกรรมการนักเรียนเป็นตัวแทนเดินทางไปมอบให้ทหาร-ตำรวจ ที่ปฏิบัติหน้าที่อยู่ในพื้นที่ทั้ง 2 แห่ง ดังกล่าว
พล.อ.บุญสร้าง เนียมประดิษฐ์ ผบ.สูงสุดกล่าวถึงการแก้ปัญหาข้อพิพาท ชายแดนด้านเขาพระวิหารระหว่างไทยกับกัมพูชาว่า ขณะนี้เป็นหน้าที่หลักของกระทรวงการต่างประเทศดำเนินการ ส่วนกองทัพพร้อมให้การสนับสนุน ซึ่งทหารเป็นผู้ปฏิบัติ ขณะนี้การหารือต้องคุยในระดับเจบีซีเป็นเรื่องของ รมว.ต่างประเทศของทั้ง 2 ประเทศเป็นหลัก ส่วนการทหารหรือระดับจีบีซีคงยังไม่มีการหารือกัน
ส่วนผลการหารือระหว่าง รมว.ต่างประเทศทั้ง 2 ประเทศไทยเสียเปรียบกัมพูชาหรือไม่นั้น พล.อ.บุญสร้าง กล่าวว่า ไม่เหมาะที่จะพูด แต่คดีทั้งหลาย แม้แก้ไม่ได้เร็ว แต่ก็ทำให้ปัญหาไม่ขึ้นไปสู่ระดับสูง ซึ่งจะทำให้เป็นเรื่องยาก หากมีหลายประเทศเข้ามาเกี่ยวข้อง ส่วนตัวคิดว่าน่าพอใจให้ระดับประเทศคุยกันไปก่อนน่าจะเป็นผลดี
พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ. กล่าวถึงกรณีที่รัฐบาลกัมพูชาอยากให้กองทัพไทยถอนกำลังทหารในพื้นที่พิพาทก่อนว่าในการปรับวางกำลัง เมื่อทั้งสองประเทศได้หารือกันแล้ว ข้อเสนอทั้งสองฝ่ายคงจะต้องกลับไปสู่รัฐบาลของทั้งสองฝ่ายก่อน จากนั้นรัฐบาลทั้งสองฝ่ายก็ต้องกลับมาตกลงเพื่อเห็นชอบร่วมกันอีกครั้ง หากเห็นชอบร่วมกันก็คงจะมีการดำเนินการในส่วนนี้ และคงกลับไปสั่งในแต่ละประเทศ ในส่วนของไทย ทางรัฐบาลก็คงสั่งการในส่วนที่เกี่ยวข้องได้ดำเนินการในส่วนนี้อีกที ส่วนจะให้เป็นข้อตกลงอะไรก็แล้วแต่จะเรียก
"คนที่ไปประชุมจะนำข้อเสนอไปให้รัฐบาลตัวเองพิจารณา รัฐบาลตัวเองจะพิจารณาโดยร่วมกับหน่วยงานใดก็ดำเนินการ เมื่อเรียบร้อยแล้วรัฐบาลคงไปตกลงกัน สองรัฐบาลคงจะต้องเจอกันอีกครั้งว่าตกลงจะทำอย่างไร ถึงกรอบวัน เวลา หรือ กรอบการปฏิบัติอย่างไรอีกครั้ง และเอากรอบการปฏิบัติมาให้กับหน่วยงานของแต่ละประเทศ เช่นกองทัพ ซึ่งกองทัพคงจะรับไปดำเนินการ"
ผู้สื่อข่าวถามว่า นายกรัฐมนตรีได้มีแนวทางจะหารือในที่ประชุม สมช.หรือ บรรดา ผบ.เหล่าทัพหรือไม่ พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวว่า ยังไม่มีการดำเนินการในส่วนนั้น เข้าใจว่าคงจะต้องหารือในส่วนของรัฐบาลที่จะต้องผ่านกลไกของ ครม. หรือไม่อย่างไรในข้อตกลงดังกล่าวจนได้ข้อยุติก่อน และในขั้นนั้นจะคุยกับส่วนที่เกี่ยวข้องหรือไม่ อย่างไรก็ตาม หากรัฐบาลได้ให้แนวทางปฏิบัติมากองทัพจะปฏิบัติตามส่วนนั้น
ผู้สื่อข่าวถามว่า ดูแล้วไทยจะเสียเปรียบกัมพูชาหรือไม่หากมีการสับเปลี่ยนกำลังหรือไม่ พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวว่า คงไม่ไปวิพากษ์วิจารณ์ในส่วนนั้น เพราะละเอียดอ่อนเกินไปที่จะพูดได้ มันผูกพันทั้งตัวผมเอง และกองทัพ และการประชุมนั้นเป็นการประชุมร่วมกันของตัวแทนของรัฐบาลไทยกับรัฐบาลกัมพูชา ตนจะไปวิพากษ์วิจารณ์ไม่ได้ และไม่ได้อยู่ในที่ประชุมรายละเอียดก็ไม่ทราบ
ผู้สื่อข่าวถามว่า ทางกัมพูชาพยายามเดินเกมด้วยการให้ทหารปลอมเป็นพระไปอยู่ในวัด หากปรับการวางกำลังทหารของไทยออกจากบริเวณวัดจะเสียเปรียบ หรือไม่ พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวว่า รายละเอียดในการปฏิบัติคงจะมีการพูดคุยกันหลังจากนี้ เรื่องวัดก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง แต่เข้าใจว่าคงไม่เกี่ยวกับการปรับวางกำลังของทหาร แต่จะมีคณะกรรมการที่จะเข้าไปดำเนินการในส่วนนั้น "ผมเรียนย้ำว่า ไม่พูดถึงการถอนนะครับ แต่พูดกันว่าการปรับวางกำลังของทั้งสองฝ่าย"
ธรรมยาตราฯค้านถอนทหาร
ผู้สื่อข่าวรายงานจากด่านเก็บค่าธรรมเนียมอุทยานแห่งชาติเขาพระวิหาร ต.เสาธงชัย อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ วานนี้ (30 ก.ค.) นายสมาน ศรีงาม เลขาธิการคณะกรรมการแห่งชาติกอบกู้รักษาอธิปไตยของชาติด้วยอำนาจอธิปไตย ของปวงชนชาวไทย (คกปท.) แกนนำกลุ่มธรรมยาตรา กอบกู้รักษาแผ่นดินไทย กรณีเขาพระวิหาร-มณฑลบูรพา ได้นำคณะธรรมยาตราฯ ไปยืนถือป้ายที่บริเวณ หน้าด่านเก็บค่าธรรมเนียมอุทยานแห่งชาติเขาพระวิหารดังกล่าว พร้อมทั้งอ่านแถลงการณ์เรื่อง "ผลการเจรจาระดับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศที่ จ.เสียมราฐ ไทยแพ้กัมพูชา"
เนื้อหาแถลงการณ์ระบุว่า ตามที่ได้มีการประชุมหารือกัน ระหว่าง รมว.ต่างประเทศของไทย และรมว.ต่างประเทศของกัมพูชา ถึงปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชา บริเวณเขาพระวิหาร เมื่อวันที่ 28 ก.ค.2551 ซึ่งมีข้อตกลง 5 ข้อ โดย 1 ใน5 ข้อคือ ให้มีการถอนกำลังทหารออกจากเขาพระวิหาร พวกเราเห็นว่าการเจรจาดังกล่าวเท่ากับให้ความชอบธรรมกับกัมพูชา รุกรานยึดครองประเทศไทยทั้งตัวปราสาทพระวิหาร และภูเขาพระวิหาร
ทั้งนี้ เนื่องจากการถอนกำลังทหารไทยออกจากดินแดนบริเวณเขาพระวิหาร คือการบังคับให้ไทยพ่ายแพ้ ยอมให้กัมพูชามีชัยชนะในทุกระดับ เพราะเขาพระวิหารเป็นของไทย เมื่อมีการถอยทหารออกมาก็เท่ากับว่าทหารไทย ถอยร่นกำลังลึกเข้ามาในเขตแดนไทย แต่ฝ่ายกัมพูชาถอนทหารกลับเข้าไป ก็ยังอยู่ในเขตแดนไทยบริเวณเขาพระวิหารเช่นเดิม
ดังนั้น พวกเราจึงขอคัดค้านไม่ให้มีการถอนกำลังทหารออกจากเขาพระวิหารอย่างเด็ดขาด ซึ่งพวกเราและประชาชนชาวไทยพร้อม ที่จะให้การสนับสนุนทหารให้ตรึงกำลังอยู่บนเขาพระวิหารตลอดไป เพื่อเป็นการปกป้องกอบกู้รักษาอธิปไตย บนเขาพระวิหารและมลฑลบูรพา ตามอนุสัญญาโตเกียว ค.ศ.1941 ต่อไป
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ขณะเดียวกันได้มีบรรดาประชาชนชาวศรีสะเกษพากันนำสิ่งของเครื่องอุปโภคบริโภค ข้าวสารอาหารแห้ง โดยเฉพาะน้ำดื่ม ไปมอบให้กับทหารไทยอย่างต่อเนื่องเพื่อสนับสนุนและเป็นขวัญกำลังใจในการปฏิบัติหน้าที่ตรึงกำลังอยู่บนเขาพระวิหาร ชายแดนไทย-กัมพูชา อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ
ครู-นร.บริจาคของหนุนทหาร
วันเดียวกันที่โรงเรียนอนุบาลศรีสะเกษ อ.เมือง จ.ศรีสะเกษ นายทิวา รุ้งแก้ว ผู้อำนวยการโรงเรียนอนุบาลศรีสะเกษ พร้อมด้วย คณะครู นักเรียน และผู้ปกครอง ได้ร่วมกันจัดกิจกรรม "รวมน้ำใจบริจาคสิ่งของสู่พี่น้องทหารตามแนวชายแดน" ขึ้นเพื่อร่วมกันบริจาคสิ่งของเครื่องอุปโภคบริโภค ข้าวสาร อาหารแห้ง รวมทั้ง เงินสด เพื่อนำไปมอบให้กับทหารที่กำลังปฏิบัติหน้าที่ บริเวณชายแดนเขาพระวิหาร และเป็นการให้กำลังใจแก่ทหารผู้ปกป้องรักษาดินแดน อธิปไตยของชาติไทย
ในวันที่ 1 ส.ค.นี้ คณะตัวครูและแทนนักเรียน จะเดินทางนำสิ่งของดังกล่าวไปมอบให้กับทหารไทยที่บริเวณอุทยานแห่งชาติเขาพระวิหาร ต.เสาธงชัย อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ และที่จุดผ่านแดนถาวรไทย-กัมพูชา ช่องสะงำ อ.ภูสิงห์ จ.ศรีสะเกษ ต่อไป
นายทิวา รุ้งแก้ว ผู้อำนวยการโรงเรียนอนุบาลศรีสะเกษ กล่าวว่า การบริจาคสิ่งของครั้งนี้ เพื่อเป็นขวัญกำลังใจให้กับทหารไทย ที่ตรึงกำลังอยู่บริเวณเขาพระวิหาร และที่สำคัญ ต้องการแสดงน้ำใจให้เห็นว่า พวกเราคนไทยอยู่แนวหลัง มีความเป็นห่วงและต้องการเพิ่มขวัญกำลังใจให้กับเหล่าทหารไทยที่ได้ปฏิบัติหน้าที่อยู่ตามชายแดนไทย-กัมพูชา ในขณะนี้
ทั้งนี้ ทราบว่ามีทหาร-ตำรวจ ไทยตั้งฐานปฏิบัติการส่วนหน้าตรึงกำลังตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ด้าน จ.ศรีสะเกษ อยู่ 2 แห่งหลักๆ คือ ที่บริเวณชายแดนเขาพระวิหาร อ.กันทรลักษ์ และที่ด่านผ่านแดนถาวรไทย-กัมพูชา ช่องสะงำ อ.ภูสิงห์ จ.ศรีสะเกษ ซึ่งเราจะได้จัดแบ่งสิ่งของบริจาคออกเป็น 2 ส่วน และให้คณะกรรมการนักเรียนเป็นตัวแทนเดินทางไปมอบให้ทหาร-ตำรวจ ที่ปฏิบัติหน้าที่อยู่ในพื้นที่ทั้ง 2 แห่ง ดังกล่าว