แมคโดนัลด์เย้ยเคเอฟซี ไม่หวั่นจะมาโค่นแชมป์ตลาดเบอร์เกอร์ มั่นใจสาขาน้อยกว่า ผลประกอบการและกำไรดีกว่า เป็นตัวชี้ขาด ครึ่งปีหลังลุยเปิดอีก 20 สาขา
จากกรณีที่คู่แข่งในตลาดคิวเอสอาร์อย่างเคเอฟซีได้รุกตลาดเบอร์เกอร โดยประเดิมด้วยเบอร์เกอร์ไก่อบเมื่อเร็วๆนี้ และมีเป้าหมายที่จะขึ้นเป็นผู้นำในตลาดเบอร์เกอร์ ภายใน 1 ปีนับจากนี้
นายเฮสเตอร์ ชิว ประธานกรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แมคไทย จำกัด ผู้บริหารร้านแมคโดนัลด์ เปิดเผยว่า ถือเป็นสิ่งที่ดีที่มีผู้ประกอบการเข้ามามากขึ้นในตลาดนี้ เพราะจะทำให้ตลาดรวมเบอร์เกอร์เติบโตขึ้น ซึ่งบริษัทฯไม่กลัวแต่ก็ไม่ประมาท ในฐานะที่เป็นผู้นำตลาดเบอร์เกอร์อยู่แล้ว
"เราไม่ได้กังวลว่าเขจะมาแย่งตลาดเพราะมีสาขาจำนวนมากกว่าเราถึง 3 เท่า หรือ 300 กว่าสาขา ที่จะสามารถเข้าถึงผู้บริโภคได้มากกว่าเรา แต่เรามองตรงผลประกอบการและกำไรมากกว่า แม้ว่าเราจะมีสาขาน้อยกว่าแค่ 104 สาขาก็ตาม ซึ่งเมื่อสัปดาห์ที่คู่แข่งเปิดตัวเบอร์เกอร์ไก่อบ ยอดขายในวันเสาร์อาทิตย์ของเราสัปดาห์นั้นก็เพิ่มมากขึ้นเป็นประวัตการณ์ เท่ากับเป็นการกระตุ้นตลาดไปในตัวด้วยซึ่ง ที่ผ่านมาตลาดรวมเบอร์เกอร์โต 10% แต่เราเองก็โตสองหลักมากกว่าตลาดรวมด้วย"
ทั้งนี้ เบอร์เกอร์ถือเป็นผลิตภัณฑ์ที่ทำรายได้หลักให้กับแมคไทยมากกว่า 60% โดยสัดส่วนรายได้ของแมคไทยหลักๆเรียงตามลำดับ 4 กลุ่มคือ ไก่ เนื้อ ปลา หมู และไม่ได้คาดหวังว่าสัดส่วนรายได้จากเบอร์เกอร์จะมากกว่า 60% เพราะยังมีผลิตภัณฑ์อื่นๆอีกมากที่สร้างรายได้ เช่น เฟรนช์ฟราย เครื่องดื่ม แมควิงส์ เป็นต้น
สำหรับผลประกอบการในครึ่งปีแรกของแมคโดนัลด์ เติบโตเป็นเลขสองหลัก ซึ่งเป็นผลมาจากการจัดกิจกรรมและการออกเมนูใหม่ๆต่อเนื่อง รวมทั้งการโหมตลาดดีลิเวอรี่ด้วยโดยเฉพาะในช่วงฟุตบอลยูโรที่ผ่านมา มีลูกค้าใหม่เข้ามามากกว่า 30% และจากการรีโนเวตสาขาเก่า และการเปิดสาขาใหม่
ทั้งนี้แผนการลงทุนเปิดสาขาใหม่ในครึ่งปีหลังจะมีประมาณ 17-20 สาขา โดยแบ่งเป็นสาขาแบบไดร์ฟทรูประมาณ 10 สาขา ลงทุนประมาณ 25 ล้านบาทต่อสาขา ส่วนสาขาปรกติลงทุนประมาณ 13-15 ล้านบาทต่อสาขา ซึ่งครึ่งปีแรกเปิดสาขาใหม่ไปเพียง 2 สาขาเท่านั้น โดยยังมั่นใจว่าแม้ภาวะเศรษฐกิจไทยที่เป็นอยู่นี้ก็ไม่กระทบกับการลงทุน เพราะประเทศไทยยังมีศักยภาพที่แมคโดนัลด์จะเปิดสาขาเพิ่มอีกมาก เมื่อเทียบกับประเทศเพื่อนบ้านอย่างเช่น สิงคโปร์ มี 4 ล้านกว่าคน แต่มีร้านแมคโดนัลด์ประมาณ 120 สาขา ประเทศมาเลเซียมี 20 กว่าล้านคน มี 160 กว่าสาขา แต่ไทยเพิ่งมี 104 สาขาแต่มีประชากรมากกว่า 60 ล้านคน
ล่าสุดคือ การออกเมนูใหม่ ฟิชแอนด์ฟรายส์ เป็นหนึ่งในเมนูปลา โดยใช้งบตลาดกว่า 20 ล้านบาท และคาดว่าจะกระตุ้นยอดขายเติบโต 10% ส่วนช่วงโอลิมปิกก็มีกิจกรรมรวมทั้โปรโมชันต่างๆ คาดว่าจะมียอดขายเติบโตช่วงนั้น 20%
จากกรณีที่คู่แข่งในตลาดคิวเอสอาร์อย่างเคเอฟซีได้รุกตลาดเบอร์เกอร โดยประเดิมด้วยเบอร์เกอร์ไก่อบเมื่อเร็วๆนี้ และมีเป้าหมายที่จะขึ้นเป็นผู้นำในตลาดเบอร์เกอร์ ภายใน 1 ปีนับจากนี้
นายเฮสเตอร์ ชิว ประธานกรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แมคไทย จำกัด ผู้บริหารร้านแมคโดนัลด์ เปิดเผยว่า ถือเป็นสิ่งที่ดีที่มีผู้ประกอบการเข้ามามากขึ้นในตลาดนี้ เพราะจะทำให้ตลาดรวมเบอร์เกอร์เติบโตขึ้น ซึ่งบริษัทฯไม่กลัวแต่ก็ไม่ประมาท ในฐานะที่เป็นผู้นำตลาดเบอร์เกอร์อยู่แล้ว
"เราไม่ได้กังวลว่าเขจะมาแย่งตลาดเพราะมีสาขาจำนวนมากกว่าเราถึง 3 เท่า หรือ 300 กว่าสาขา ที่จะสามารถเข้าถึงผู้บริโภคได้มากกว่าเรา แต่เรามองตรงผลประกอบการและกำไรมากกว่า แม้ว่าเราจะมีสาขาน้อยกว่าแค่ 104 สาขาก็ตาม ซึ่งเมื่อสัปดาห์ที่คู่แข่งเปิดตัวเบอร์เกอร์ไก่อบ ยอดขายในวันเสาร์อาทิตย์ของเราสัปดาห์นั้นก็เพิ่มมากขึ้นเป็นประวัตการณ์ เท่ากับเป็นการกระตุ้นตลาดไปในตัวด้วยซึ่ง ที่ผ่านมาตลาดรวมเบอร์เกอร์โต 10% แต่เราเองก็โตสองหลักมากกว่าตลาดรวมด้วย"
ทั้งนี้ เบอร์เกอร์ถือเป็นผลิตภัณฑ์ที่ทำรายได้หลักให้กับแมคไทยมากกว่า 60% โดยสัดส่วนรายได้ของแมคไทยหลักๆเรียงตามลำดับ 4 กลุ่มคือ ไก่ เนื้อ ปลา หมู และไม่ได้คาดหวังว่าสัดส่วนรายได้จากเบอร์เกอร์จะมากกว่า 60% เพราะยังมีผลิตภัณฑ์อื่นๆอีกมากที่สร้างรายได้ เช่น เฟรนช์ฟราย เครื่องดื่ม แมควิงส์ เป็นต้น
สำหรับผลประกอบการในครึ่งปีแรกของแมคโดนัลด์ เติบโตเป็นเลขสองหลัก ซึ่งเป็นผลมาจากการจัดกิจกรรมและการออกเมนูใหม่ๆต่อเนื่อง รวมทั้งการโหมตลาดดีลิเวอรี่ด้วยโดยเฉพาะในช่วงฟุตบอลยูโรที่ผ่านมา มีลูกค้าใหม่เข้ามามากกว่า 30% และจากการรีโนเวตสาขาเก่า และการเปิดสาขาใหม่
ทั้งนี้แผนการลงทุนเปิดสาขาใหม่ในครึ่งปีหลังจะมีประมาณ 17-20 สาขา โดยแบ่งเป็นสาขาแบบไดร์ฟทรูประมาณ 10 สาขา ลงทุนประมาณ 25 ล้านบาทต่อสาขา ส่วนสาขาปรกติลงทุนประมาณ 13-15 ล้านบาทต่อสาขา ซึ่งครึ่งปีแรกเปิดสาขาใหม่ไปเพียง 2 สาขาเท่านั้น โดยยังมั่นใจว่าแม้ภาวะเศรษฐกิจไทยที่เป็นอยู่นี้ก็ไม่กระทบกับการลงทุน เพราะประเทศไทยยังมีศักยภาพที่แมคโดนัลด์จะเปิดสาขาเพิ่มอีกมาก เมื่อเทียบกับประเทศเพื่อนบ้านอย่างเช่น สิงคโปร์ มี 4 ล้านกว่าคน แต่มีร้านแมคโดนัลด์ประมาณ 120 สาขา ประเทศมาเลเซียมี 20 กว่าล้านคน มี 160 กว่าสาขา แต่ไทยเพิ่งมี 104 สาขาแต่มีประชากรมากกว่า 60 ล้านคน
ล่าสุดคือ การออกเมนูใหม่ ฟิชแอนด์ฟรายส์ เป็นหนึ่งในเมนูปลา โดยใช้งบตลาดกว่า 20 ล้านบาท และคาดว่าจะกระตุ้นยอดขายเติบโต 10% ส่วนช่วงโอลิมปิกก็มีกิจกรรมรวมทั้โปรโมชันต่างๆ คาดว่าจะมียอดขายเติบโตช่วงนั้น 20%
