เคเอฟซี หันรุกตลาดเซ็กเมนต์เบอร์เกอร์เต็มสูบ ปูฐานธุรกิจให้แข็งแกร่ง สร้างความต่าง ไก่อบทั้งชิ้น 100% นำร่อง ก่อนพัฒนาเมนูเนื้อสัตว์อื่นตามมาอีก หวังใช้เป็นแรงผลักดันให้ยอดขายเติบโตตามเป้าหมาย ทุ่มงบตลาดกว่า 50% จาก 300 ล้านบาทปูพรมเบอร์เกอร์เต็มที่ วาดฝัน 1 ปี ขึ้นแท่นผู้นำเบอร์เกอร์
นางแววคนีย์ อัสโสรัตน์กุล ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด-เคเอฟซี บริษัท ยัมเรสเทอรองตส์ อินเตอร์เนชั่นแนล (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า ตลาดคิวเอสอาร์ในเมืองไทยมีมูลค่ามากกว่า 14,000 ล้านบาท โดยมีตลาดหลักๆคือ ไก่ทอด พิซซ่า เบอร์เกอร์ ซึ่งปัจจุบันเคเอฟซีเป็นผู้นำตลาดในส่วนของไก่ทอดแล้วมากกว่า 50% อย่างมั่นคง
อย่างไรก็ตาม บริษัทฯจำเป็นต้องสร้างการเติบโตของเคเอฟซีแบบยั่งยืนและมั่นคง จึงจำ เป็นต้องมีการขยายธุรกิจ โดยล่าสุดเคเอฟซีได้หันมารุกตลาดเบอร์เกอร์อย่างจริงจังและเต็มรูปแบบ โดยอาศัยเตาอบอัจฉริยะที่ลงทุนไปมากกว่า 300 ล้านบาท มาเป็นตัวผลักดันนวัตกรรมด้านเมนูอาหารที่มากกว่าเมนูทอด
แม้ว่าตลาดเบอร์เกอร์ในปัจุบันจะเป็นตลาดที่เติบโตไม่มาก และมูลค่าตลาดไม่มากหรือมีสัดส่วนประมาณ 20% ของตลาดคิวเอสอาร์รวม 14,000 ล้านบาท แต่ก็เป็นตลาดที่มีโอกาส ซึ่งปัจจุบันเคเอฟซีมีการทำตลาดเบอร์เกอร์อยู่แล้วคือ ซิงเกิลเบอร์เกอร์ ราคา 55 บาท และบัดดี้เบอร์เกอร์ เนื้อไก่เป็นแบบแพ็ตตี้ (PATTY) แต่เป็นไก่ทอด โดยมีสัดส่วนรายได้ประมาณ 10% ของยอดขายรวมเคเอฟซี และมีส่วนแบ่งตลาดประมาณ 5% จากตลาดเบอร์เกอร์รวม
การเข้าตลาดเบอร์เกอร์ของเคเอฟซีจะต้องแตกต่างมีจุดเด่นจึงจะสู้คู่แข่งได้คือ การเป็นเบอร์เกอร์ไก่อบ เป็นชิ้นไก่ 100% ซึ่งเป็นเมนูแรกที่เปิดตัวเวลานี้ และเป็นรายแรกด้วยที่เป็นแบบเนื้อไก่ 100% อบทั้งชิ้น ต่างจากคู่แข่งในตลาดที่เป็นแบบแพ็ตตี้คือ ใช้ไก่บดอัดรูปผสมกับส่วนผสมอื่นเป็นแผ่นๆ โดยมีเป้าหมายจะเป็นผู้นำในตลาดเบอร์เกอร์ภายใน 1 ปี ซึ่งปัจจุบันผู้นำตลาดคือ แมคโดนัลด์มีแชร์มากกว่า 80% รองลงมาคือ เบอร์เกอร์คิง
โดยเคเอฟซีจะอาศัยจุดแข็งทางด้าน เครือข่ายสาขาที่มีมากกระจายทั่วประเทศกว่า 330 สาขา (ครึ่งปีแรกเปิดแล้ว 19 สาขา ครึ่งปีหลังวางแผนเปิดอีก 20 สาขา โดยจำนวนร้านแบ่งสัดส่วนเป็นของยัมฯ 65% และเป็นของกลุ่มเซ็นทรัล 35%) และการมีเตาอบเทคโนโลยีเฉพาะของเคเอฟซี วัตถุดิบที่มีคุณภาพ และความชำนาญเรื่องไก่ของเคเอฟซี
รวมไปถึงการทุ่มงบตลาดมากกว่า 50% หรือประมาณ 150 ล้านบาท จากงบรวมทั้งปีที่ใช้ 300 ล้านบาท เพื่อมาใช้กับเบอร์เกอร์โดยเฉพาะ ล่าสุดทุ่มงบตลาด 20 ล้านบาทในการเปิดตัวเบอร์เกอร์ไก่อบเมนูแรก ราคา 55 บาท ด้วยหนังโฆษณา สื่อส่งเสริมการขายแบบ 360 องศา และกิจกรรพิเศษเช่น "เคเอฟซีรวมพลคนทำดี" โดยให้ประชาชนทั่วไปมีส่วนร่วมในการทำเคเอฟซีเบอร์เกอร์ไก่อบด้วยตนเองและขายโดยดาราชั้นนำ เพื่อนำเงินรายได้ทั้งหมดมอบให้กับมูลนิธิสร้างสรรค์เด็ก เป็นต้น
นางแววคนีย์กล่าวต่อว่า จากนี้ไปบริษัทฯจะมีการพัฒนาเมนูเบอร์เกอร์ใหม่ๆเข้าตลาดต่อเนื่อง และไม่ใช่เนื้อไก่อย่างเดียวจะมีเนื้อสัตว์อื่นด้วยเพื่อสร้างความหลากหลาย สำหรับผลประกอบการครึ่งปีแรกของเคเอฟซี (ธ.ค.-พ.ค.) ปรากฎว่า มียอดขายเพิ่มขึ้นโดยรวม 16-17% ซึ่งมาจากทั้งสาขาเดิมและการเปิดสาขาใหม่ เป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้ และการรุกตลาดเบอร์เกอร์อย่างจริงจังครั้งนี้คาดหวังว่าจะช่วยเป็นตัวหลักในการผลักดันให้ยอดขายรวมเคเอฟซีเติบโตขึ้น 20%
นางแววคนีย์ อัสโสรัตน์กุล ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด-เคเอฟซี บริษัท ยัมเรสเทอรองตส์ อินเตอร์เนชั่นแนล (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า ตลาดคิวเอสอาร์ในเมืองไทยมีมูลค่ามากกว่า 14,000 ล้านบาท โดยมีตลาดหลักๆคือ ไก่ทอด พิซซ่า เบอร์เกอร์ ซึ่งปัจจุบันเคเอฟซีเป็นผู้นำตลาดในส่วนของไก่ทอดแล้วมากกว่า 50% อย่างมั่นคง
อย่างไรก็ตาม บริษัทฯจำเป็นต้องสร้างการเติบโตของเคเอฟซีแบบยั่งยืนและมั่นคง จึงจำ เป็นต้องมีการขยายธุรกิจ โดยล่าสุดเคเอฟซีได้หันมารุกตลาดเบอร์เกอร์อย่างจริงจังและเต็มรูปแบบ โดยอาศัยเตาอบอัจฉริยะที่ลงทุนไปมากกว่า 300 ล้านบาท มาเป็นตัวผลักดันนวัตกรรมด้านเมนูอาหารที่มากกว่าเมนูทอด
แม้ว่าตลาดเบอร์เกอร์ในปัจุบันจะเป็นตลาดที่เติบโตไม่มาก และมูลค่าตลาดไม่มากหรือมีสัดส่วนประมาณ 20% ของตลาดคิวเอสอาร์รวม 14,000 ล้านบาท แต่ก็เป็นตลาดที่มีโอกาส ซึ่งปัจจุบันเคเอฟซีมีการทำตลาดเบอร์เกอร์อยู่แล้วคือ ซิงเกิลเบอร์เกอร์ ราคา 55 บาท และบัดดี้เบอร์เกอร์ เนื้อไก่เป็นแบบแพ็ตตี้ (PATTY) แต่เป็นไก่ทอด โดยมีสัดส่วนรายได้ประมาณ 10% ของยอดขายรวมเคเอฟซี และมีส่วนแบ่งตลาดประมาณ 5% จากตลาดเบอร์เกอร์รวม
การเข้าตลาดเบอร์เกอร์ของเคเอฟซีจะต้องแตกต่างมีจุดเด่นจึงจะสู้คู่แข่งได้คือ การเป็นเบอร์เกอร์ไก่อบ เป็นชิ้นไก่ 100% ซึ่งเป็นเมนูแรกที่เปิดตัวเวลานี้ และเป็นรายแรกด้วยที่เป็นแบบเนื้อไก่ 100% อบทั้งชิ้น ต่างจากคู่แข่งในตลาดที่เป็นแบบแพ็ตตี้คือ ใช้ไก่บดอัดรูปผสมกับส่วนผสมอื่นเป็นแผ่นๆ โดยมีเป้าหมายจะเป็นผู้นำในตลาดเบอร์เกอร์ภายใน 1 ปี ซึ่งปัจจุบันผู้นำตลาดคือ แมคโดนัลด์มีแชร์มากกว่า 80% รองลงมาคือ เบอร์เกอร์คิง
โดยเคเอฟซีจะอาศัยจุดแข็งทางด้าน เครือข่ายสาขาที่มีมากกระจายทั่วประเทศกว่า 330 สาขา (ครึ่งปีแรกเปิดแล้ว 19 สาขา ครึ่งปีหลังวางแผนเปิดอีก 20 สาขา โดยจำนวนร้านแบ่งสัดส่วนเป็นของยัมฯ 65% และเป็นของกลุ่มเซ็นทรัล 35%) และการมีเตาอบเทคโนโลยีเฉพาะของเคเอฟซี วัตถุดิบที่มีคุณภาพ และความชำนาญเรื่องไก่ของเคเอฟซี
รวมไปถึงการทุ่มงบตลาดมากกว่า 50% หรือประมาณ 150 ล้านบาท จากงบรวมทั้งปีที่ใช้ 300 ล้านบาท เพื่อมาใช้กับเบอร์เกอร์โดยเฉพาะ ล่าสุดทุ่มงบตลาด 20 ล้านบาทในการเปิดตัวเบอร์เกอร์ไก่อบเมนูแรก ราคา 55 บาท ด้วยหนังโฆษณา สื่อส่งเสริมการขายแบบ 360 องศา และกิจกรรพิเศษเช่น "เคเอฟซีรวมพลคนทำดี" โดยให้ประชาชนทั่วไปมีส่วนร่วมในการทำเคเอฟซีเบอร์เกอร์ไก่อบด้วยตนเองและขายโดยดาราชั้นนำ เพื่อนำเงินรายได้ทั้งหมดมอบให้กับมูลนิธิสร้างสรรค์เด็ก เป็นต้น
นางแววคนีย์กล่าวต่อว่า จากนี้ไปบริษัทฯจะมีการพัฒนาเมนูเบอร์เกอร์ใหม่ๆเข้าตลาดต่อเนื่อง และไม่ใช่เนื้อไก่อย่างเดียวจะมีเนื้อสัตว์อื่นด้วยเพื่อสร้างความหลากหลาย สำหรับผลประกอบการครึ่งปีแรกของเคเอฟซี (ธ.ค.-พ.ค.) ปรากฎว่า มียอดขายเพิ่มขึ้นโดยรวม 16-17% ซึ่งมาจากทั้งสาขาเดิมและการเปิดสาขาใหม่ เป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้ และการรุกตลาดเบอร์เกอร์อย่างจริงจังครั้งนี้คาดหวังว่าจะช่วยเป็นตัวหลักในการผลักดันให้ยอดขายรวมเคเอฟซีเติบโตขึ้น 20%