xs
xsm
sm
md
lg

อนาธิปไตยมิใช่ทางเลือก

เผยแพร่:   โดย: ชัยสิริ สมุทวณิช

นับว่าเป็นเรื่องเศร้าใจอย่างยิ่งสำหรับประชาชนที่ต้องโดนกลุ่มอันธพาลจำนวนหนึ่งทำร้ายร่างกาย ทั้งๆ ที่พวกเขาเหล่านั้นรวมตัวกันในฐานะพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยใช้สิทธิตามชอบธรรมตามรัฐธรรมนูญ เคลื่อนไหวอภิปรายถึงความไม่ชอบมาพากลของรัฐบาล การกระทำตามสิทธิดังกล่าว หากเป็นไปตามกฎหมาย ก็กล่าวไม่ได้ว่าเป็นการก่อกวน หรือบ่อนทำลาย อีกทั้งรัฐธรรมนูญก็ปกป้องอยู่ มิใช่เรื่องที่ใครจะมาใช้อำนาจแทนรัฐ กลุ่มคัดค้านย่อมชอบที่จะอภิปรายค้าน แต่ไม่ใช่มีสิทธิในการใช้อาวุธเข้าไปดำเนินการรุมตีทำร้ายร่างกาย

กลไกรัฐ เช่น เจ้าหน้าที่ตำรวจย่อมต้องปกป้องหรือใช้กำลังรวมทั้งอาวุธขู่ไม่ให้พวกอันธพาลเหล่านั้นเข้าใกล้ หรือป้องกันไม่ให้มีเหตุร้ายเกิดขึ้น

กรณีเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในจังหวัดอุดรธานีนั้น ไม่ใช่ครั้งแรกซึ่งเจ้าหน้าที่อาจอ้างว่าเตรียมตัวไม่ทัน แต่เคยเกิดที่จังหวัดอื่นมาแล้ว

ดังนั้นเห็นได้ชัดเจนว่า มันมีเบื้องหลังว่า ผู้มีอำนาจซึ่งน่าจะเป็นคนหรือกลุ่มคนในรัฐบาลหรือเกี่ยวข้องกับรัฐบาลและอาจเป็นกลุ่มคนที่ฝ่ายจัดตั้งกับรัฐบาลนี้เอง ที่ได้เป็นฝ่ายวางแผนให้มีการก่อการปะทะกับกลุ่มพันธมิตรฯ ในทุกที่และทุกจังหวัด

ที่น่าวิตกอย่างยิ่งก็คือ หลังเหตุการณ์ที่จังหวัดอุดรธานีซึ่งร้ายแรงแล้ว ก็ยังปรากฏว่ามี ส.ส.จากจังหวัดเชียงใหม่ได้กล่าวอย่างโจ่งแจ้งแสดงตนว่า ขอให้มาที่เชียงใหม่หรือภาคเหนือเถอะ จะโดนหนักยิ่งกว่าที่จังหวัดอุดรฯ

และที่ว่าหนักกว่านั้น เท่ากับว่าจะเอาชีวิตมากกว่ากระนั้นหรือ นี่เป็นการพูดว่าจะฆ่าคน ซึ่งพูดแบบนี้มันผิดกฎหมายชัดๆ น่าจะถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินการได้เลยด้วยซ้ำ

พฤติกรรมแบบนี้ส่อชัดถึงเจตนาและจิตสำนึกของคนฝ่ายรัฐบาลว่า คิดอย่างไรกับผู้ที่เห็นไม่ตรงกับตน

เคยมีผู้เป็นอารยชนกล่าวว่า แม้จะไม่เห็นด้วยกับอีกฝ่ายหนึ่ง ก็พร้อมที่จะต่อสู้เพื่อปกป้องให้ผู้ที่ตนไม่เห็นด้วยนั้น มีสิทธิที่จะแสดงความไม่เห็นด้วยกับตน

แต่นั่นคืออารยชน

หาใช่คนป่าเถื่อนที่ทำตนเป็นอันธพาลและรับจ้างทำแทนผู้มีอำนาจในรัฐบาล

รัฐบาลนั้นใช้อำนาจรัฐ มีอิทธิพล และมีกฎหมายในมือควบคุมกระทรวงทบวงกรม ซึ่งมีหน้าที่ปกครองและให้ประโยชน์สุข บำบัดทุกข์ต่อประชาชน

ไม่มีรัฐที่ชอบธรรมที่ไหนจะทำร้ายประชาชนโดยไร้สาเหตุ เพียงเพราะไม่เห็นด้วยกับสิ่งที่รัฐบาลคิดและสิ่งที่รัฐบาลกระทำ

การที่รัฐบาลในยุคที่นายสมัครสิ้นคิด เลือกใช้วิธีอันป่าเถื่อนเยี่ยงนี้ เท่ากับว่าได้แบ่งแยกประชาชนโดยปริยาย และเหตุที่รัฐบาลต้องแบ่งแยกประชาชนก็เพราะรัฐบาลนี้เล่นพรรคเล่นพวกเลือกข้างมาตั้งแต่ต้น ด้วยเหตุที่เป็นตัวแทนของอำนาจเก่า ซึ่งโดนคดีความทุจริตต่อบ้านเมือง และกอบโกยผลประโยชน์จากประชาชนไปมาก

โดยสรุปรวมแล้ว รัฐบาลนี้ขาดความชอบธรรม ปกครองไม่ได้ และเป็นรัฐบาลที่ใช้อำนาจถึงขั้นผิดกฎหมายด้วยการฆ่า หรือประทุษร้ายต่อประชาชน

เหตุการณ์ที่ว่านี้ส่งผลให้กลุ่มพิทักษ์สิทธิมนุษยชนที่เรียกว่า ฮิวแมน ไรท์ วอทช์ ซึ่งมีที่ตั้งสำนักงานใหญ่ที่กรุงนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา ได้แถลงการณ์ประณาม และได้เรียกร้องต่อเจ้าหน้าที่รัฐบาลไทยให้ปกป้องผู้ประท้วงทางการเมืองจากผู้ที่สนับสนุนรัฐบาลโจมตี

ในแถลงการณ์ฉบับเดียวกันนี้ ระบุว่า กลุ่มสนับสนุนรัฐบาลได้ปะทะกับกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยตามที่ชุมนุมทั่วประเทศ 12 ครั้ง ตั้งแต่เดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา โดยเมื่อวันที่ 25 ก.ค. รุนแรงที่สุดที่อุดรธานี ทำให้มีผู้บาดเจ็บราว 40 คน โดยตำรวจยืนดูเฉยๆ

รอง ผอ.ฮิวแมนไรท์ วอทช์ นางเอเลน เพียร์สัน แห่งภูมิภาคเอเชีย กล่าวว่า เจ้าหน้าที่รัฐบาลไทยล้มเหลวในการปกป้องสิทธิขั้นพื้นฐานของพลเมืองที่ชุมนุมอย่างสันติ กลับปล่อยให้อันธพาลที่สนับสนุนรัฐบาลก่อความรุนแรงตามอำเภอใจ รัฐบาลกำลังทำให้ประชาธิปไตยเปราะบาง และตกอยู่ในอันตราย

ฮิวแมน ไรท์ วอทช์ เรียกร้องให้มีการสอบสวนการก่อเหตุรุนแรงดังกล่าว และนำตัวผู้กระทำผิดมาดำเนินคดี อีกทั้งยังระบุว่า คนรักอุดร ซึ่งสนับสนุนรัฐบาล 1,000 คน บุกโจมตีทำลายการชุมนุมอย่างสันติของกลุ่มพันธมิตรฯ ที่สวนสาธารณะในอำเภอเมือง จังหวัดอุดรธานี และสถานีวิทยุชมรมคนรักอุดรเอฟเอ็ม 97.70 ยังปลุกปั่นยุยงผู้สนับสนุนรัฐบาลซึ่งมีอาวุธทั้งมีด ดาบ ขวาน ท่อนเหล็ก ท่อนไม้ และหนังสติ๊ก เป็นอาวุธ โดยมีพยานในเหตุการณ์เห็นว่า ตำรวจและอาสาสมัครป้องกันภัยท้องถิ่นราว 500 คน ไม่ได้พยายามเข้ายุติความรุนแรง และไม่ได้เข้าไปจับกุมผู้ก่อเหตุรุนแรงแต่อย่างใด

นี่คือการแถลงขององค์การระหว่างประเทศ ซึ่งเป็นข่าวฟ้องไปยังทั่วโลก บ่งบอกถึงความล้มเหลวและชี้ให้เห็นว่าผู้เกี่ยวข้องโดยเฉพาะเจ้าหน้าที่รู้เห็นเป็นใจปล่อยให้มีการทำร้ายร่างกายตามอำเภอใจ

ด้วยเหตุเช่นนี้แหละ ทำให้อาจารย์ธีรยุทธ บุญมี ออกมาแถลงข่าวกล่าวว่าประเทศไทยมีสภาวะยืนอยู่ขอบเหวแห่งอนาธิปไตย และความรุนแรง ไทยอาจเผชิญความรุนแรงขนาดที่ใหญ่กว่าเหตุการณ์ 14 ตุลาฯ, 6 ตุลาฯ, หรือพฤษภาทมิฬก็ได้ เพราะวิกฤตทักษิณที่ยืดเยื้อมา 3 ปีกว่านี้ ได้ขยายกว้างและลึกขึ้นจนกลายเป็นปัญหามวลชนทั่วประเทศ

ครับ... จากการประเมินถึงขั้นนี้ ความรุนแรงจากกลุ่มหนึ่งคงจะไม่หยุดแน่

การตอบโต้คงจะมีขึ้นอย่างเหลืออด อะไรจะเกิดขึ้นเมื่อพันธมิตรฯ ถูกบีบให้ลุกขึ้นสู้แทนการประท้วงแบบอหิงสาที่ดำเนินการมาโดยตลอด?
กำลังโหลดความคิดเห็น