ผู้จัดการรายวัน – พันธมิตรนำผู้บาดเจ็บถูกสัตว์นรกอันธพาลการเมืองรุมขย้ำที่อุดรฟ้องต่อยูเอ็นแล้ว ระบุชัดละเมิดสิทธิมนุษยชนรุนแรง กก.สิทธิฯวุฒิสภา เผยรัฐบาลปฎิเสธความรับผิดชอบไม่ได้ ตำรวจ-ฝ่ายปกครองไม่ต่างกับสมรู้ ด้านแกนนำพันธมิตรอุดรและเหยื่อเผยนาทีวิกฤตของชีวิต แฉตำรวจจับมือกลุ่มคนรักอุดรปิดล้อมผู้ชุมนุม ขณะ 2 หัวโจก “ขวัญชัย ไพรพนา-น้องรมช.” เข้ามอบตัว ตำรวจตั้งข้อหาเบาหวิว “ธีระชัย” โบ้ยตำแหน่งข้าราชการการเมือง ซี 8 สำนักนายกฯของดีเจนรก “หมัก” พิจารณาเอง ด้านแพทย์สภาสอบพฤติกรรมหมอเหวง แฉสัมพันธ์ “เป็ดเหลิมนปก.-ขวัญชัย" พวกเดียวกัน
จากกรณีอันธพาลการเมืองในชื่อกลุ่มคนรักอุดร นำโดยนายขวัญชัย สาราคำ หรือ ขวัญชัย ไพรพนา และ นายนายอุทัย แสนแก้ว น้องชายนายธีระชัย แสนแก้ว ส.ส.พลังประชาชน จ.อุดรธานี และรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ไล่กลุ้มรุมทำร้ายประชาชนกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ที่จัดตั้งเวทีปราศรัยบริเวณฯสวนสาธารณะหนองประจักษ์ จังหวัดอุดรธานีเมื่อวันที่ 24 ก.ค.ที่ผ่านมา
วานนี้ (28ก.ค.) พล.ต.จำลอง ศรีเมือง แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย พร้อมผู้ได้รับบาดเจ็บจากกลุ่มดังกล่าวทำร้ายได้เดินทางเข้ายื่นหนังสือเพื่อร้องเรียนต่อผู้แทนข้าหลวงใหญ่ด้านสิทธิมนุษยชน ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ประจำประเทศไทย ณ ที่ประชุมองค์การสหประชาชาติ ถนนราชดำเนินนอก
ทั้งนี้ หนังสือฉบับดังกล่าวมีเนื้อหาโดยสรุปว่า การเกิดเหตุความรุนแรงที่ จ.อุดรธานี เป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชนอย่างรุนแรง และต้องการให้รัฐบาลไทยปกป้องคุ้มครองประชาชนผู้สนับสนุนกลุ่มพันธมิตรฯ โดยภายหลังที่ผู้แทนข้าหลวงรับหนังสือแล้ว เปิดเผยว่าจะใช้เวลาไม่เกิน 1 สัปดาห์ในการพิจารณา และจะดำเนินการตามขั้นตอนต่อไป
อย่างไรก็ตาม ในวันนี้ (29 ก.ค.) เวลาประมาณ 11.00 น. กลุ่มพันธมิตรฯ จะเดินทางไปที่สภาทนายความ เพื่อหาแนวทางต่อสู้คดีความทั้งในระดับประเทศ และระดับชาติ
กมธ.สิทธิฯชี้ตร.-ฝ่ายปกครองไม่ต่างสมรู้!
ด้าน นางนฤมล ศิริวัฒน์ ส.ว.อุตรดิตถ์ ในฐานะโฆษกคณะกรรมาธิการสิทธิมนุษยชน สิทธิเสรีภาพและการคุ้มครองผู้บริโภค วุฒิสภา ที่มีนายสมชาย แสวงการ เป็นประธาน ฯ กล่าวภายหลังการประชุมกรรมมาธิการฯ ว่า ที่ประชุมได้มีมติเลื่อนการแถลงเรียกร้องให้รัฐบาลออกมารับผิดชอบ กรณีพันธมิตรถูกรุมทำร้ายที่ จ.อุดรธานี ออกไปก่อน เนื่องจากผู้ที่ได้รับบาดเจ็บ 4 คน จากเหตุการณ์ดังกล่าวได้แจ้งมาว่าจะเดินทางเข้ามาร้องเรียนยังกรรมาธิการฯ ในวันนี้ (29 ก.ค.) เวลา 14.00 น.อย่างไรก็ตามในที่ประชุมได้มีการเปิดเทปบันทึกเหตุการณ์ทั้งที่ได้จากส่วนภาครัฐและเอกชน ซึ่งเท่าที่ได้ดูเหตุการณ์นั้นบอกได้ว่าเป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชนอย่างเดียวคงไม่พอแต่เหมือนกับว่า เหมือนกับว่าสมรู้ รัฐปิดตาข้างหนึ่งกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
นางนฤมล กล่าวต่อว่า นอกจากนี้กรรมาธิการได้ร่างจดหมายเปิดผนึกที่จะทำถึงรัฐบาลไว้แล้ว โดยจะรอหลังจากที่กรรมาธิการจะเดินทางลงไปในพื้นที่เพื่อตรวจเยี่ยมผู้บาดเจ็บในวันพุธ 30 กรกฎาคม นี้ และได้ออกหนังสือเชิญผู้ว่าราชการจังหวัดอุดรธานี และผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัด เข้าชี้แจงในวันพฤหัสบดี (31 ก.ค.)
เผยพฤติกรรมสัตว์นรกสุดเถื่อน-ถ่อย
วันเดียวกัน ที่บ้านพระอาทิตย์ พล.ต.จำลอง ศรีเมือง นายพิภพ ธงไชย นายสมศักดิ์ โกศัยสุข และนายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย พร้อมนายเจริญ หมู่ขจรพันธ์ แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย จ.อุดรธานี และผู้ที่ได้รับบาดเจ็บจากเหตุการณ์ดังกล่าว ร่วมกันแถลงข่าว พร้อมทั้งเปิดวีซีดีฉายภาพจากเหตุการณ์วันดังกล่าว
นายเจริญ หมู่ขจรพันธ์ แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย จ.อุดรธานี ยืนยันว่า ภาพที่ปรากฏทางสื่อมวลชนเป็นเหตุการณ์จริงที่อันธพาลในระบอบทักษิณกว่าพันคน พร้อมอาวุธครบมือ มีทั้งไม้ มีด ขวานเข้ามาทำร้ายพันธมิตรฯ ที่ปราศจากอาวุธจนได้รับบาดเจ็บเข้ารับการรักษาตัวที่โรงพยาบาลจำนวน 13 ราย และสาหัส 3 ราย และได้เผาทำลายทรัพย์สิน รื้อเวที
นายเจริญ เล่าย้ำถึงเหตุการณ์ในวันเกิดเหตุว่า ในช่วงเช้า ขณะจัดเวทีปราศรัย กลุ่มต้านพันธมิตรฯ นำโดยนายอุทัย แสนแก้ว และลูกน้องร่วม 10 คันรถ ได้ขับรถมาตระเวนรอบเวทีปราศรัย และก่อความรังควาน โดยใช้หนังสติ๊กยิงเข้ามาก่อกวนเป็นระยะๆ ต่อมาในช่วงสาย พบว่ามีตำรวจเข้ามาตรึงกำลังทำให้ฝ่ายพันธมิตรฯ อุ่นใจ คาดว่าเจ้าหน้าที่จะเข้ามาดูแลความปลอดภัยให้แก่ผู้ชุมนุม แต่ในที่สุดมารู้ภายหลังว่าถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจหลอก
เมื่อพบว่า กลุ่มคนรักอุดร มีกลิ่นเหล้าคละคลุ้งพร้อมอาวุธครบมือ เดินขบวนจากทุ่งศรีเมือง มีรถตำรวจนำขบวนนำหน้า ขณะที่แนวกั้นตำรวจที่ปิดล้อมเวทีพันธมิตรฯ กลับปล่อยให้กลุ่มคนรักอุดรเข้ามาทุบตีอย่างง่ายดาย โดยใช้เวลาประมาณ 45 นาที
นายเจริญ กล่าวย้ำว่า ถือเป็นความโชคดีของตัวเองที่ในวันเกิดเหตุไม่ได้ใส่เสื้อพันธมิตรฯ ทั้งที่ตกเป็นเป้าหลัก เพราะนายขวัญชัย เคยประกาศผ่านวิทยุชุมนุม ระบุว่าหากใครทำร้ายพันธมิตรฯ ได้รับค่าจ้างแผลละ 500 แต่สำหรับนายเจริญ แผลละ 20,000 บาท อีกทั้งพวกที่ถูกจ้างมาเพื่อทำลายล้างนั้นไม่รู้จักหน้าตาตนเอง ทำให้สามารถหลบหลีกกลุ่มอันพธาลที่เข้ามาทำร้ายไม่เว้นแม้แต่สตรี
แกนนำพันธมิตรฯ ยังระบุว่า ในส่วนของผู้เสียชีวิตขณะนี้ยังไม่ได้รับการรายงาน แต่ขอตรวจสอบความชัดเจนอีกครั้ง เนื่องจากได้รับรายงานว่ามีผู้พบศพชายคนหนึ่งถูกนำศพสภาพใบหน้าถูกขวานจามใบหน้าเละ มาทิ้งที่ จ.เลย แต่ขณะนี้ศพได้หายไปแล้ว
ผู้ว่าฯ-ผบก.อุดร"ยันทำตาม กม.
ขณะที่ห้องประชุมฉัตรไพฑูรย์ กองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดอุดรธานี นายสุพจน์ เลาวัณย์ศิริ ผู้ว่าราชการจังหวัดอุดรธานี, พล.ต.ต.เพิ่มศักดิ์ ภราดรศักดิ์ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดอุดรธานี, พ.ต.อ.ก่อเกียรติ วงษ์สุเมธ ผู้กำกับ สภ.เมืองอุดรธานี ได้ร่วมแถลงข่าวกรณีเหตุการณ์นี้
ผู้ว่าราชการจังหวัดอุดรธานี กล่าวว่า เรื่องดังกล่าวจังหวัดถือเป็นเรื่องสำคัญที่จะต้องดำเนินการตามกฎหมายอย่างเฉียบขาด โดยทางผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัด ได้ตั้งคณะทำงานชุดสืบสวนสอบสวนขึ้นทันที เพื่อเร่งรัดรวบรวมพยานหลักฐาน จนปรากฎชัดว่ามีผู้กระทำความผิดเป็นแกนนำ 2 คน ส่วนคนอื่นกำลังดำเนินการสอบสวน
“ตราบใดที่ยังเป็นผู้ว่าราชการจังหวัดอยู่จะดำเนินการทุกอย่างให้เป็นไปตามตัวบทกฎหมายของบ้านเมืองอย่างเคร่งครัด และการออกข่าวว่า จังหวัดห้ามคนที่ไม่ใช่ชาวอุดรเดินทางมาชุมนุมที่อุดรธานีนั้นไม่เป็นความจริง เพราะทุกคนสามารถเดินทางมาได้ และทุกคนสามารถชุมนุมเพื่อเรียกร้องหรือแสดงความคิดเห็นใดๆ ก็ได้"
ด้าน ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดอุดรธานี กล่าวเสริมว่า ขณะนี้ได้ตั้งกรรมการสืบสวนสอบสวนขึ้นมา 3 ชุด เพื่อให้มีการดำเนินการทางคดีอย่างรวดเร็วโดย 2 ชุดแรกเป็นชุดสืบสวนสอบสวนของตำรวจภูธรจังหวัด มีรองผู้บังคับการเป็นหัวหน้าชุด ส่วนอีกชุดเป็นชุดของตำรวจภูธรภาค 4 โดยจะแยกในส่วนของคนเจ็บออกเป็น 4 ส่วน คือ ส่วนที่ 1 ฝ่ายพันธมิตรฯ ส่วนที่ 2 ฝ่ายคนรักอุดร ส่วนที่ 3 เจ้าหน้าที่ตำรวจที่ได้รับบาดเจ็บ และส่วนที่ 4 ประชาชนที่รับบาดเจ็บจากเหตุการณ์ เพื่อสอบสวนหาตัวผู้กระทำผิด รวมทั้งจากภาพวีดีโอ และภาพนิ่งที่มีการบันทึกภาพไว้ ทั้งจากสื่อมวลชน เจ้าหน้าที่ และผู้ที่สามารถบันทึกภาพเหตุการณ์ไว้ได้
"ขวัญชัย-อุทัย" มอบตัว แต่ยังกร้าว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายขวัญชัย ไพรพนา ข้าราชการการเมืองระดับ 8 สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี และประธานชมรมคนรักอุดร พร้อมนายอุทัย แสนแก้ว น้องชายนายธีระชัย แสนแก้ว รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ สองหัวโจกแก๊งอันธพาลได้เดินทางมายังกองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดอุดรธานี พร้อมทนายความ ไปพบ พล.ต.ต.เพิ่มศักดิ์
นายขวัญชัย กล่าวอย่างก้าวร้าวว่า ตนและนายอุทัย เดินทางมาเพื่อแสดงตัวว่าจะไม่หลบหนีไปไหน หากมีการดำเนินคดีกับพวกตน พวกตนก็จะฟ้องกลับ พ.ต.ท.ทัศนาบดี ตระกูลพิทักษ์ชน ที่มาแจ้งความกล่าวหาพวกตนว่า เป็นซ่องโจร และขอยืนยันว่า หากกลุ่มพันธมิตรฯมีการตั้งเวทีปราศรัยอีกพวกตนและสมาชิกชมรมคนรักอุดรก็จะออกมาขับไล่อีกเหมือนเดิม
พล.ต.ต.เพิ่มศักดิ์ กล่าวว่า เบื้องต้นเป็นหน้าที่ของพนักงานสอบสวนที่จะสอบปากคำ หากพบว่ามีความผิดก็ต้องแจ้งข้อกล่าวหาให้ทราบ และดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป ส่วนใครจะมองและคิดอย่างไรก็เป็นสิทธิของคนนั้น ๆ และหากกลุ่มพันธมิตรยังยืนยันว่าจะมาจัดเวทีอีก ตำรวจก็ต้องเพิ่มกำลังมากขึ้น และอาจจะขอเพิ่มจากตำรวจภาค 4 มาเสริม ส่วนการขอกำลังเจ้าหน้าที่ทหารมาช่วย เป็นอำนาจหน้าที่ของผู้ว่าราชการจังหวัด
หลังจากที่นายขวัญชัย ไพรพนา และนายอุทัย แสนแก้ว ได้เข้ามอบตัวต่อผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดอุดรธานีแล้ว ได้เดินทางไปที่ สภ.เมืองอุดรธานีเพื่อให้ปากคำกับ พ.ต.ท.เทอดศักดิ์ บุญโชติ พนักงานสอบสวน สบ.3 หลังเสร็จให้ปากคำเสร็จ พนักงานสอบสวนได้แจ้ง 2 ข้อหากับนายขวัญชัย และนายอุทัย ข้อหาแรกคือ เป็นหัวหน้าหรือเป็นผู้มีหน้าที่ในการสั่ง มีการมั่วสุมกันตั้งแต่สิบคนขึ้นไป ใช้กำลังประทุษร้าย ขู่เข็ญว่าจะใช้กำลังประทุษร้าย หรือกระทำการอย่างหนึ่งอย่างใดให้เกิดความวุ่นวายในบ้านเมือง โดยมีอาวุธอันเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 215
ข้อหาที่สอง เป็นผู้ประกาศให้เข้าร่วมในการชุลมุนต่อสู้ระหว่างบุคคลตั้งแต่สามคนขึ้นไป และบุคคลหรือบุคคลใด ไม่ว่าจะเป็นผู้ที่เข้าร่วมในการนั้น หรือได้รับอันตรายสาหัส โดยการกระทำในการชุลมุนต่อสู้นั้น อันเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 299 ซึ่งนายขวัญชัย และนายอุทัย ได้ให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าว และเจ้าหน้าที่ได้ปล่อยตัวไปโดยไม่ต้องประกันตัวแต่อย่างใด
ก่อนหน้านี้นายขวัญชัย ได้กล่าวยืนยันว่า พร้อมจะติดคุกหากเจ้าหน้าที่ตำรวจแจ้งข้อหาอะไรมาก็ตาม ซึ่งหากมีการแจ้งข้อหา ตนก็จะไม่ใช้ตำแหน่งข้าราชการการเมืองที่ได้รับการแต่งตั้งประกันตัว
คดีนี้เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 26 ก.ค.ที่ผ่านมา พ.ต.ท.ทัศนาบดี ตระกูลพิทักษ์ชน อายุ 41 ปี นายตำรวจนอกราชการ อดีตหัวหน้าครูฝึกยุทธวิธี ตำรวจภูธรภาค 4 ได้เข้าแจ้งความต่อ พ.ต.ต.กมล อัปการัตน์ พนักงานสอบสวน สภ.เมืองอุดรธานี เพื่อดำเนินคดีกับ พล.ต.ต.เพิ่มศักดิ์ ภราดรศักดิ์ ผบก.ภ.จว.อุดรธานี ในข้อหาละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ ตามกฎหมายอาญามาตรา 157 และดำเนินคดีกับ นายขวัญชัย ไพรพนา และ นายอุทัย แสนแก้ว 2 แกนนำกลุ่มคนรัก
"ธีระชัย"โยนตำแหน่งดีเจนรกเป็นเรื่องของ“หมัก”
นายธีระชัย แสนแก้ว รมช.เกษตรและสหกรณ์ ให้สัมภาษณ์ที่มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน วิทยาเขตกาฬสินธุ์ จ.กาฬสินธุ์ โดยปฏิเสธว่า ตนไม่ได้มีส่วนเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เหตุการณ์นี้ตนมองว่าเป็นเพียงการทะเลาะกันตีกันเหมือนกับเวทีคอนเสิร์ตทั่วไป เพราะเป็นที่รู้กันว่าพันธมิตรฯ ต้องการจะขับไล่อดีตนายกรัฐมนตรี พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร แต่ในส่วนกลุ่มคนรักอุดรที่รัก พ.ต.ท.ทักษิณ ไม่พอใจจึงทำให้เกิดเหตุการณ์นี้ ในเรื่องของปัญหาทั้งหมด จึงขึ้นอยู่กับเจ้าหน้าที่ตำรวจกับกระบวนการยุติธรรมของศาลว่าจะดำเนินการเอาผิดอะไรกับใครอย่างไร ส่วนที่สื่อบางฉบับอ้างว่ามีนายอุทัย แสนแก้ว น้องชายของตนเข้าไปมีเอี่ยวหรือแม้แต่กรณีของนายขวัญชัย ไพรพนา จึงขึ้นอยู่กับกระบวนการของกฎหมาย
ส่วนกรณีที่นายขวัญชัย ไพรพนา มีตำแหน่งเป็น ข้าราชการการเมือง ตำแหน่งประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เทียบเท่าข้าราชการซี 8 กินเงินเดือนกว่า 3 หมื่นบาท โดยการเสนอของนายธีระชัยนั้น จะมีการสั่งปลดหรือไม่ นายธีระชัยกล่าวว่า ในเรื่องนี้คงจะต้องขึ้นอยู่กับนายกรัฐมนตรีว่าจะมีความเห็นอย่างไรแต่ในส่วนตัวกรณีของนายขวัญชัยได้ใช้ในนามกลุ่มคนรักอุดรเคลื่อนไหวจึงคิดว่าไม่น่าเกี่ยวข้องกับตำแหน่งแต่อย่างใด
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร และหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงการตั้งนายขวัญชัย ไพรพนา เป็นข้าราชการการเมืองว่า รัฐบาลต้องพิจารณาให้ดี หากมีบุคคลที่เป็นข้าราชการการเมือง ก็ควรต้องพิจารณา และรับผิดชอบ หากมีสถานะเช่นนั้น และมาประพฤติเช่นนั้น ก็ไม่เหมาะสมอย่างยิ่ง ควรจะปรับให้ออกจากตำแหน่งไป
แฉภาพบิ๊กตร.ร่วมวันเกิด "ขวัญชัย"
เมื่อคืนวันที่ 27 ก.ค.ที่ผ่านมาในพื้นที่ จ.อุดรธานี ได้มีใบปลิวระบุรายชื่อร้านค้า 56 แห่ง ในตัวเมืองอุดรธานี เป็นผู้สนับสนุนนายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย แจกจ่ายไปทั่ว และมีการส่งข้อความพร้อมภาพถ่าย เป็นจดหมายอิเล็กทรอนิกส์ และ sms กระจายไปยังกลุ่มบุคคลต่างๆ พร้อมกับแนบภาพถ่าย พล.ต.ต.เพิ่มศักดิ์ ภราดรศักดิ์ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดอุดรธานี ที่แต่งกายเครื่องแบบเต็มยศคู่กับนายชวัญชัย ไพรพนา เมื่อวันที่ 13 มิ.ย.ที่ได้ขึ้นเวทีกล่าวอวยพรนายขวัญชัย เนื่องในวันคล้ายวันเกิดเพื่อแสดงให้เห็นว่าเป็นภาพความสัมพันธ์ใกล้ชิดระหว่างผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดอุดรธานี กับกลุ่มชมรมคนรักอุดรด้วย
สัมพันธ์ “เหลิม-ขวัญชัย” เป็นพวกเดียวกัน
หลังจากเหตุการณ์เมื่อวันที่ 1 กรกฎาคม ที่ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยเดินทางมาลงที่สนามบินกระบี่ เพื่อมอบนโยบายให้แก่ผู้ว่าราชการจังหวัดกระบี่ และส่วนราชการ ทว่าพบกับการขับไล่ของกลุ่มพันธมิตรกระบี่ หลายร้อยคนที่เดินทางมาขับไล่อย่างสันติถึงสนามบิน จ.กระบี่ จนกระทั่งโรงแรมกระบี่ มาริไทม์ ปาร์คแอนด์สปา ซึ่งเป็นที่พักของ ร.ต.อ.เฉลิมและคณะ ซึ่งทำให้ ร.ต.อ.เฉลิมหวาดกลัวจนต้องยกเลิกกำหนดการทั้งหมด และอาศัยช่วงเช้ามืดของวันที่ 2 กรกฎาคม หลบหนีออกทางด้านข้างของโรงแรม ขณะที่หลังจากนั้น ร.ต.อ.เฉลิม ก็ถูกกลุ่มพันธมิตรฯ ชุมนุมขับไล่โดยสันติอีกหลายจังหวัด เช่น ชัยภูมิ และ ขอนแก่น
ต่อมาในช่วงค่ำของวันที่ 10 กรกฎาคม ที่โรงแรมเจริญโฮเต็ล ถ.นิตโย ต.หมากแข้ง อ.เมืองอุดรธานี ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รมว.มหาดไทยที่เดินทางไปราชการยัง จ.อุดรธานี จึงมีการประสานงานกับนายขวัญชัย ไพรพนา ผู้ซึ่งอุทิศชีวิตเพื่อรับใช้ระบอบทักษิณ ให้ขนสมาชิกชมรมคนรักอุดรจำนวน 200 คน มาคอยต้อนรับ และคอยเป็นเกราะกำบังการขับไล่ของพันธมิตร
จากนั้น ร.ต.อ.เฉลิม ได้พบปะกับ “ชมรมคนรักอุดร” ซึ่งเป็นกลุ่มคนกลุ่มเดียวกันกับที่ก่อเหตุไล่ทำร้ายและฆ่ากลุ่มพันธมิตรฯ ที่ชุมนุมกันอย่างสงบเมื่อวันที่ 24 กรกฎาคมที่ผ่านมา ณ สวนสาธารณะหนองประจักษ์ จ.อุดรธานี
ร.ต.อ.เฉลิม ยังเล่าถึงเหตุการณ์ที่ถูกชาวจังหวัดกระบี่ขับไล่ จนต้องหนีกลับว่า เป็นการหนีแบบคลาสสิก และอ้างว่าตนมาจากการเลือกตั้ง
นอกจากนี้ยังกล่าวด้วยว่า ตนไปลงที่สนามบินกระบี่ มีคนมาบอกว่ามีการประท้วงที่สนามบิน ตนก็บอกไม่เป็นไร หลบออกด้านข้างได้ ไม่ได้อับอาย เพราะตนมาจาการเลือกตั้ง หลังจากนั้นได้ออกจากสนามบินไป 10 นาที ก็ตามมาทุบรถ ตนก็บอกไม่เป็นไร อย่าไปทำอะไรเขา เมื่อตนไปถึงโรงแรมก็ตามไปประท้วงที่โรงแรม จนตนเองต้องหนีออกมาตอนตี 5 ซึ่งที่หนีออกมาได้เพราะพวกมันเมาเหล้า ตนถอดสูทใส่เสื้อเชิร์ตขาวเดินออกมาโดยมีคนบัง 3 คน จึงออกมาได้ ออกมาถึงสนามบินตอน 6 โมงเช้า โดยที่ผู้ว่ากระบี่ไม่รู้ ตนจะบอกให้ว่านี่คือ การหนีแบบ “สารวัตรนินจา”
ทั้งนี้ ระหว่างที่ ร.ต.อ.พูดนั้น นายขวัญชัย ได้ยืนอยู่ข้างๆ คอยแหงนหน้ามองด้วยอาการกระหยิ่มยิ้มย่องและคอยปรบมือหัวเราะชอบใจเป็นระยะๆ ด้วย
วันเดียวกันนี้ที่กระทรวงมหาดไทย ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รมว.มหาดไทย ได้นัดพบ ส.ส.พรรคพลังประชาชน เพื่อรับประทานอาหาร ที่ห้องรับรองกระทรวงมหาดไทย โดยมี ส.ส.ประมาณ 10 คน ที่ส่วนใหญ่พบว่าเป็น ส.ส.ภาคอีสาน เป็นกลุ่ม ส.ส.จังหวัดนครราชสีมา ในระบบเขต และระบบสัดส่วน ทั้งนี้มีนายอัสนี เชิดชัย นายบุญเลิศ ครุฑขุนทศ นางลินดา เชิดชัย นายภิรมย์ พลวิเศษ นายประเสริฐ จันทรรวงทอง เป็นต้น โดยใช้เวลาร่วมรับประทานอาหารและหารือถึงสถานการณ์การเมืองเป็นเวลา 1 ชั่วโมง
โดยนายประเสริฐ กล่าวว่า ร.ต.อ.เฉลิม ได้ติดต่อขอพูดคุยกับ ส.ส.อีสาน ในกลุ่ม โคราช ซึ่ง ส.ส.ในกลุ่มทั้งหมดที่เดิมทีสนับสนุน ร.ต.อ.เฉลิม เป็น รมว.มหาดไทย อยู่แล้ว ได้ตอบรับมาร่วมกินข้าวด้วยในวันนี้ ทั้งนี้ ในฐานะตัวแทน ส.ส. กลุ่มโคราช เห็นว่า ร.ต.อ.เฉลิม เหมาะสมที่จะนั่ง รมว.มหาดไทยต่อไป และยังไม่ควรปรับเปลี่ยนใดๆ ซึ่งร.ต.อ.เฉลิมบอกพวกผมว่ามีความมั่นใจมากว่าการปรับ ครม.ครั้งนี้จะอยู่ในตำแหน่ง รมว.มหาดไทยต่อไป
แพทยสภาพร้อมสอบ “หมอเหวง”
ด้าน นพ.สมศักดิ์ โล่ห์เลขา นายกแพทยสภา กล่าวถึงกรณีที่แกนนำกลุ่มต่อต้านพันธมิตรได้กล่าวบนเวทีว่า นพ.เหวง โตจิราการ ได้โทรศัพท์มาแสดงความยินดี ในเหตุการณ์กลุ่มคนรักอุดรฯ บุกทำร้ายพันธมิตรฯ ที่ จ.อุดรธานี โดยกลุ่มพันธมิตรเตรียมที่จะยื่นให้แพทยสภาตรวจสอบพฤติกรรมของนพ.เหวง ถือเป็นการขัดต่อจรรยาบรรณของวิชาชีพแพทย์หรือไม่ นั้นว่า หากมีผู้มาร้องเรียนต่อกรณีดังกล่าว ก็ต้องนำเรื่องเข้าคณะอนุกรรมการจริยธรรมอยู่แล้ว
ทั้งนี้ หากเป็นกรณีที่ประชาชนให้ความสนใจ จะมีการตั้งคณะอนุกรรมการจริยธรรมชุดพิเศษขึ้นตรวจสอบ เพื่อสามารถทำงานได้รวดเร็วไม่เยินเย่อ
“ที่ผ่านมาไม่เคยมีกรณีไหนที่หมอจะดีใจที่เห็นคนบาดเจ็บ เพราะหมอมีหน้าที่ในการดูแลรักษาคนป่วย และยิ่งไม่มีที่ทำให้คนดีกลายเป็นคนป่วย แต่กรณีนี้ไม่ใช่การประกอบวิชาชีพ ดังนั้น อยากฝากให้นักการเมืองอย่าแสดงตนว่าเป็นหมอ หากหมอไม่ได้ประกอบวิชาชีพเวชกรรมแล้ว ก็ควรใช้ชื่อคำนำหน้าว่านาย ไม่จำเป็นต้องเรียกว่า นพ.หรือ หมอ หรือสื่อเองก็ไม่จำเป็นต้องเรียกว่าเป็นหมอ ใช้ชื่อธรรมดาก็ได้”
ขณะที่ นายแพทย์ตุลย์ สิทธิอมร อาจารย์คณะแพทยศาสตร์ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ เดินทางไปร้องเรียนให้ตรวจสอบจริยธรรม นายแพทย์เหวง โตจิราการ แกนนำแนวร่วมประชาธิปไตยขับไล่เผด็จการแห่งชาติ หรือ นปช. ที่มีข่าวว่าโทรศัพท์ไปแสดงความยินดีขณะที่มีเหตุทำร้ายร่างกาย และพยายามฆ่าแนวร่วมของกลุ่มพันธมิตรฯ ที่ จ.อุดรธานี เมื่อหลายวันก่อน
จากกรณีอันธพาลการเมืองในชื่อกลุ่มคนรักอุดร นำโดยนายขวัญชัย สาราคำ หรือ ขวัญชัย ไพรพนา และ นายนายอุทัย แสนแก้ว น้องชายนายธีระชัย แสนแก้ว ส.ส.พลังประชาชน จ.อุดรธานี และรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ไล่กลุ้มรุมทำร้ายประชาชนกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ที่จัดตั้งเวทีปราศรัยบริเวณฯสวนสาธารณะหนองประจักษ์ จังหวัดอุดรธานีเมื่อวันที่ 24 ก.ค.ที่ผ่านมา
วานนี้ (28ก.ค.) พล.ต.จำลอง ศรีเมือง แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย พร้อมผู้ได้รับบาดเจ็บจากกลุ่มดังกล่าวทำร้ายได้เดินทางเข้ายื่นหนังสือเพื่อร้องเรียนต่อผู้แทนข้าหลวงใหญ่ด้านสิทธิมนุษยชน ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ประจำประเทศไทย ณ ที่ประชุมองค์การสหประชาชาติ ถนนราชดำเนินนอก
ทั้งนี้ หนังสือฉบับดังกล่าวมีเนื้อหาโดยสรุปว่า การเกิดเหตุความรุนแรงที่ จ.อุดรธานี เป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชนอย่างรุนแรง และต้องการให้รัฐบาลไทยปกป้องคุ้มครองประชาชนผู้สนับสนุนกลุ่มพันธมิตรฯ โดยภายหลังที่ผู้แทนข้าหลวงรับหนังสือแล้ว เปิดเผยว่าจะใช้เวลาไม่เกิน 1 สัปดาห์ในการพิจารณา และจะดำเนินการตามขั้นตอนต่อไป
อย่างไรก็ตาม ในวันนี้ (29 ก.ค.) เวลาประมาณ 11.00 น. กลุ่มพันธมิตรฯ จะเดินทางไปที่สภาทนายความ เพื่อหาแนวทางต่อสู้คดีความทั้งในระดับประเทศ และระดับชาติ
กมธ.สิทธิฯชี้ตร.-ฝ่ายปกครองไม่ต่างสมรู้!
ด้าน นางนฤมล ศิริวัฒน์ ส.ว.อุตรดิตถ์ ในฐานะโฆษกคณะกรรมาธิการสิทธิมนุษยชน สิทธิเสรีภาพและการคุ้มครองผู้บริโภค วุฒิสภา ที่มีนายสมชาย แสวงการ เป็นประธาน ฯ กล่าวภายหลังการประชุมกรรมมาธิการฯ ว่า ที่ประชุมได้มีมติเลื่อนการแถลงเรียกร้องให้รัฐบาลออกมารับผิดชอบ กรณีพันธมิตรถูกรุมทำร้ายที่ จ.อุดรธานี ออกไปก่อน เนื่องจากผู้ที่ได้รับบาดเจ็บ 4 คน จากเหตุการณ์ดังกล่าวได้แจ้งมาว่าจะเดินทางเข้ามาร้องเรียนยังกรรมาธิการฯ ในวันนี้ (29 ก.ค.) เวลา 14.00 น.อย่างไรก็ตามในที่ประชุมได้มีการเปิดเทปบันทึกเหตุการณ์ทั้งที่ได้จากส่วนภาครัฐและเอกชน ซึ่งเท่าที่ได้ดูเหตุการณ์นั้นบอกได้ว่าเป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชนอย่างเดียวคงไม่พอแต่เหมือนกับว่า เหมือนกับว่าสมรู้ รัฐปิดตาข้างหนึ่งกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
นางนฤมล กล่าวต่อว่า นอกจากนี้กรรมาธิการได้ร่างจดหมายเปิดผนึกที่จะทำถึงรัฐบาลไว้แล้ว โดยจะรอหลังจากที่กรรมาธิการจะเดินทางลงไปในพื้นที่เพื่อตรวจเยี่ยมผู้บาดเจ็บในวันพุธ 30 กรกฎาคม นี้ และได้ออกหนังสือเชิญผู้ว่าราชการจังหวัดอุดรธานี และผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัด เข้าชี้แจงในวันพฤหัสบดี (31 ก.ค.)
เผยพฤติกรรมสัตว์นรกสุดเถื่อน-ถ่อย
วันเดียวกัน ที่บ้านพระอาทิตย์ พล.ต.จำลอง ศรีเมือง นายพิภพ ธงไชย นายสมศักดิ์ โกศัยสุข และนายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย พร้อมนายเจริญ หมู่ขจรพันธ์ แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย จ.อุดรธานี และผู้ที่ได้รับบาดเจ็บจากเหตุการณ์ดังกล่าว ร่วมกันแถลงข่าว พร้อมทั้งเปิดวีซีดีฉายภาพจากเหตุการณ์วันดังกล่าว
นายเจริญ หมู่ขจรพันธ์ แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย จ.อุดรธานี ยืนยันว่า ภาพที่ปรากฏทางสื่อมวลชนเป็นเหตุการณ์จริงที่อันธพาลในระบอบทักษิณกว่าพันคน พร้อมอาวุธครบมือ มีทั้งไม้ มีด ขวานเข้ามาทำร้ายพันธมิตรฯ ที่ปราศจากอาวุธจนได้รับบาดเจ็บเข้ารับการรักษาตัวที่โรงพยาบาลจำนวน 13 ราย และสาหัส 3 ราย และได้เผาทำลายทรัพย์สิน รื้อเวที
นายเจริญ เล่าย้ำถึงเหตุการณ์ในวันเกิดเหตุว่า ในช่วงเช้า ขณะจัดเวทีปราศรัย กลุ่มต้านพันธมิตรฯ นำโดยนายอุทัย แสนแก้ว และลูกน้องร่วม 10 คันรถ ได้ขับรถมาตระเวนรอบเวทีปราศรัย และก่อความรังควาน โดยใช้หนังสติ๊กยิงเข้ามาก่อกวนเป็นระยะๆ ต่อมาในช่วงสาย พบว่ามีตำรวจเข้ามาตรึงกำลังทำให้ฝ่ายพันธมิตรฯ อุ่นใจ คาดว่าเจ้าหน้าที่จะเข้ามาดูแลความปลอดภัยให้แก่ผู้ชุมนุม แต่ในที่สุดมารู้ภายหลังว่าถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจหลอก
เมื่อพบว่า กลุ่มคนรักอุดร มีกลิ่นเหล้าคละคลุ้งพร้อมอาวุธครบมือ เดินขบวนจากทุ่งศรีเมือง มีรถตำรวจนำขบวนนำหน้า ขณะที่แนวกั้นตำรวจที่ปิดล้อมเวทีพันธมิตรฯ กลับปล่อยให้กลุ่มคนรักอุดรเข้ามาทุบตีอย่างง่ายดาย โดยใช้เวลาประมาณ 45 นาที
นายเจริญ กล่าวย้ำว่า ถือเป็นความโชคดีของตัวเองที่ในวันเกิดเหตุไม่ได้ใส่เสื้อพันธมิตรฯ ทั้งที่ตกเป็นเป้าหลัก เพราะนายขวัญชัย เคยประกาศผ่านวิทยุชุมนุม ระบุว่าหากใครทำร้ายพันธมิตรฯ ได้รับค่าจ้างแผลละ 500 แต่สำหรับนายเจริญ แผลละ 20,000 บาท อีกทั้งพวกที่ถูกจ้างมาเพื่อทำลายล้างนั้นไม่รู้จักหน้าตาตนเอง ทำให้สามารถหลบหลีกกลุ่มอันพธาลที่เข้ามาทำร้ายไม่เว้นแม้แต่สตรี
แกนนำพันธมิตรฯ ยังระบุว่า ในส่วนของผู้เสียชีวิตขณะนี้ยังไม่ได้รับการรายงาน แต่ขอตรวจสอบความชัดเจนอีกครั้ง เนื่องจากได้รับรายงานว่ามีผู้พบศพชายคนหนึ่งถูกนำศพสภาพใบหน้าถูกขวานจามใบหน้าเละ มาทิ้งที่ จ.เลย แต่ขณะนี้ศพได้หายไปแล้ว
ผู้ว่าฯ-ผบก.อุดร"ยันทำตาม กม.
ขณะที่ห้องประชุมฉัตรไพฑูรย์ กองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดอุดรธานี นายสุพจน์ เลาวัณย์ศิริ ผู้ว่าราชการจังหวัดอุดรธานี, พล.ต.ต.เพิ่มศักดิ์ ภราดรศักดิ์ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดอุดรธานี, พ.ต.อ.ก่อเกียรติ วงษ์สุเมธ ผู้กำกับ สภ.เมืองอุดรธานี ได้ร่วมแถลงข่าวกรณีเหตุการณ์นี้
ผู้ว่าราชการจังหวัดอุดรธานี กล่าวว่า เรื่องดังกล่าวจังหวัดถือเป็นเรื่องสำคัญที่จะต้องดำเนินการตามกฎหมายอย่างเฉียบขาด โดยทางผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัด ได้ตั้งคณะทำงานชุดสืบสวนสอบสวนขึ้นทันที เพื่อเร่งรัดรวบรวมพยานหลักฐาน จนปรากฎชัดว่ามีผู้กระทำความผิดเป็นแกนนำ 2 คน ส่วนคนอื่นกำลังดำเนินการสอบสวน
“ตราบใดที่ยังเป็นผู้ว่าราชการจังหวัดอยู่จะดำเนินการทุกอย่างให้เป็นไปตามตัวบทกฎหมายของบ้านเมืองอย่างเคร่งครัด และการออกข่าวว่า จังหวัดห้ามคนที่ไม่ใช่ชาวอุดรเดินทางมาชุมนุมที่อุดรธานีนั้นไม่เป็นความจริง เพราะทุกคนสามารถเดินทางมาได้ และทุกคนสามารถชุมนุมเพื่อเรียกร้องหรือแสดงความคิดเห็นใดๆ ก็ได้"
ด้าน ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดอุดรธานี กล่าวเสริมว่า ขณะนี้ได้ตั้งกรรมการสืบสวนสอบสวนขึ้นมา 3 ชุด เพื่อให้มีการดำเนินการทางคดีอย่างรวดเร็วโดย 2 ชุดแรกเป็นชุดสืบสวนสอบสวนของตำรวจภูธรจังหวัด มีรองผู้บังคับการเป็นหัวหน้าชุด ส่วนอีกชุดเป็นชุดของตำรวจภูธรภาค 4 โดยจะแยกในส่วนของคนเจ็บออกเป็น 4 ส่วน คือ ส่วนที่ 1 ฝ่ายพันธมิตรฯ ส่วนที่ 2 ฝ่ายคนรักอุดร ส่วนที่ 3 เจ้าหน้าที่ตำรวจที่ได้รับบาดเจ็บ และส่วนที่ 4 ประชาชนที่รับบาดเจ็บจากเหตุการณ์ เพื่อสอบสวนหาตัวผู้กระทำผิด รวมทั้งจากภาพวีดีโอ และภาพนิ่งที่มีการบันทึกภาพไว้ ทั้งจากสื่อมวลชน เจ้าหน้าที่ และผู้ที่สามารถบันทึกภาพเหตุการณ์ไว้ได้
"ขวัญชัย-อุทัย" มอบตัว แต่ยังกร้าว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายขวัญชัย ไพรพนา ข้าราชการการเมืองระดับ 8 สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี และประธานชมรมคนรักอุดร พร้อมนายอุทัย แสนแก้ว น้องชายนายธีระชัย แสนแก้ว รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ สองหัวโจกแก๊งอันธพาลได้เดินทางมายังกองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดอุดรธานี พร้อมทนายความ ไปพบ พล.ต.ต.เพิ่มศักดิ์
นายขวัญชัย กล่าวอย่างก้าวร้าวว่า ตนและนายอุทัย เดินทางมาเพื่อแสดงตัวว่าจะไม่หลบหนีไปไหน หากมีการดำเนินคดีกับพวกตน พวกตนก็จะฟ้องกลับ พ.ต.ท.ทัศนาบดี ตระกูลพิทักษ์ชน ที่มาแจ้งความกล่าวหาพวกตนว่า เป็นซ่องโจร และขอยืนยันว่า หากกลุ่มพันธมิตรฯมีการตั้งเวทีปราศรัยอีกพวกตนและสมาชิกชมรมคนรักอุดรก็จะออกมาขับไล่อีกเหมือนเดิม
พล.ต.ต.เพิ่มศักดิ์ กล่าวว่า เบื้องต้นเป็นหน้าที่ของพนักงานสอบสวนที่จะสอบปากคำ หากพบว่ามีความผิดก็ต้องแจ้งข้อกล่าวหาให้ทราบ และดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป ส่วนใครจะมองและคิดอย่างไรก็เป็นสิทธิของคนนั้น ๆ และหากกลุ่มพันธมิตรยังยืนยันว่าจะมาจัดเวทีอีก ตำรวจก็ต้องเพิ่มกำลังมากขึ้น และอาจจะขอเพิ่มจากตำรวจภาค 4 มาเสริม ส่วนการขอกำลังเจ้าหน้าที่ทหารมาช่วย เป็นอำนาจหน้าที่ของผู้ว่าราชการจังหวัด
หลังจากที่นายขวัญชัย ไพรพนา และนายอุทัย แสนแก้ว ได้เข้ามอบตัวต่อผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดอุดรธานีแล้ว ได้เดินทางไปที่ สภ.เมืองอุดรธานีเพื่อให้ปากคำกับ พ.ต.ท.เทอดศักดิ์ บุญโชติ พนักงานสอบสวน สบ.3 หลังเสร็จให้ปากคำเสร็จ พนักงานสอบสวนได้แจ้ง 2 ข้อหากับนายขวัญชัย และนายอุทัย ข้อหาแรกคือ เป็นหัวหน้าหรือเป็นผู้มีหน้าที่ในการสั่ง มีการมั่วสุมกันตั้งแต่สิบคนขึ้นไป ใช้กำลังประทุษร้าย ขู่เข็ญว่าจะใช้กำลังประทุษร้าย หรือกระทำการอย่างหนึ่งอย่างใดให้เกิดความวุ่นวายในบ้านเมือง โดยมีอาวุธอันเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 215
ข้อหาที่สอง เป็นผู้ประกาศให้เข้าร่วมในการชุลมุนต่อสู้ระหว่างบุคคลตั้งแต่สามคนขึ้นไป และบุคคลหรือบุคคลใด ไม่ว่าจะเป็นผู้ที่เข้าร่วมในการนั้น หรือได้รับอันตรายสาหัส โดยการกระทำในการชุลมุนต่อสู้นั้น อันเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 299 ซึ่งนายขวัญชัย และนายอุทัย ได้ให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าว และเจ้าหน้าที่ได้ปล่อยตัวไปโดยไม่ต้องประกันตัวแต่อย่างใด
ก่อนหน้านี้นายขวัญชัย ได้กล่าวยืนยันว่า พร้อมจะติดคุกหากเจ้าหน้าที่ตำรวจแจ้งข้อหาอะไรมาก็ตาม ซึ่งหากมีการแจ้งข้อหา ตนก็จะไม่ใช้ตำแหน่งข้าราชการการเมืองที่ได้รับการแต่งตั้งประกันตัว
คดีนี้เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 26 ก.ค.ที่ผ่านมา พ.ต.ท.ทัศนาบดี ตระกูลพิทักษ์ชน อายุ 41 ปี นายตำรวจนอกราชการ อดีตหัวหน้าครูฝึกยุทธวิธี ตำรวจภูธรภาค 4 ได้เข้าแจ้งความต่อ พ.ต.ต.กมล อัปการัตน์ พนักงานสอบสวน สภ.เมืองอุดรธานี เพื่อดำเนินคดีกับ พล.ต.ต.เพิ่มศักดิ์ ภราดรศักดิ์ ผบก.ภ.จว.อุดรธานี ในข้อหาละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ ตามกฎหมายอาญามาตรา 157 และดำเนินคดีกับ นายขวัญชัย ไพรพนา และ นายอุทัย แสนแก้ว 2 แกนนำกลุ่มคนรัก
"ธีระชัย"โยนตำแหน่งดีเจนรกเป็นเรื่องของ“หมัก”
นายธีระชัย แสนแก้ว รมช.เกษตรและสหกรณ์ ให้สัมภาษณ์ที่มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน วิทยาเขตกาฬสินธุ์ จ.กาฬสินธุ์ โดยปฏิเสธว่า ตนไม่ได้มีส่วนเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เหตุการณ์นี้ตนมองว่าเป็นเพียงการทะเลาะกันตีกันเหมือนกับเวทีคอนเสิร์ตทั่วไป เพราะเป็นที่รู้กันว่าพันธมิตรฯ ต้องการจะขับไล่อดีตนายกรัฐมนตรี พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร แต่ในส่วนกลุ่มคนรักอุดรที่รัก พ.ต.ท.ทักษิณ ไม่พอใจจึงทำให้เกิดเหตุการณ์นี้ ในเรื่องของปัญหาทั้งหมด จึงขึ้นอยู่กับเจ้าหน้าที่ตำรวจกับกระบวนการยุติธรรมของศาลว่าจะดำเนินการเอาผิดอะไรกับใครอย่างไร ส่วนที่สื่อบางฉบับอ้างว่ามีนายอุทัย แสนแก้ว น้องชายของตนเข้าไปมีเอี่ยวหรือแม้แต่กรณีของนายขวัญชัย ไพรพนา จึงขึ้นอยู่กับกระบวนการของกฎหมาย
ส่วนกรณีที่นายขวัญชัย ไพรพนา มีตำแหน่งเป็น ข้าราชการการเมือง ตำแหน่งประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เทียบเท่าข้าราชการซี 8 กินเงินเดือนกว่า 3 หมื่นบาท โดยการเสนอของนายธีระชัยนั้น จะมีการสั่งปลดหรือไม่ นายธีระชัยกล่าวว่า ในเรื่องนี้คงจะต้องขึ้นอยู่กับนายกรัฐมนตรีว่าจะมีความเห็นอย่างไรแต่ในส่วนตัวกรณีของนายขวัญชัยได้ใช้ในนามกลุ่มคนรักอุดรเคลื่อนไหวจึงคิดว่าไม่น่าเกี่ยวข้องกับตำแหน่งแต่อย่างใด
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร และหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงการตั้งนายขวัญชัย ไพรพนา เป็นข้าราชการการเมืองว่า รัฐบาลต้องพิจารณาให้ดี หากมีบุคคลที่เป็นข้าราชการการเมือง ก็ควรต้องพิจารณา และรับผิดชอบ หากมีสถานะเช่นนั้น และมาประพฤติเช่นนั้น ก็ไม่เหมาะสมอย่างยิ่ง ควรจะปรับให้ออกจากตำแหน่งไป
แฉภาพบิ๊กตร.ร่วมวันเกิด "ขวัญชัย"
เมื่อคืนวันที่ 27 ก.ค.ที่ผ่านมาในพื้นที่ จ.อุดรธานี ได้มีใบปลิวระบุรายชื่อร้านค้า 56 แห่ง ในตัวเมืองอุดรธานี เป็นผู้สนับสนุนนายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย แจกจ่ายไปทั่ว และมีการส่งข้อความพร้อมภาพถ่าย เป็นจดหมายอิเล็กทรอนิกส์ และ sms กระจายไปยังกลุ่มบุคคลต่างๆ พร้อมกับแนบภาพถ่าย พล.ต.ต.เพิ่มศักดิ์ ภราดรศักดิ์ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดอุดรธานี ที่แต่งกายเครื่องแบบเต็มยศคู่กับนายชวัญชัย ไพรพนา เมื่อวันที่ 13 มิ.ย.ที่ได้ขึ้นเวทีกล่าวอวยพรนายขวัญชัย เนื่องในวันคล้ายวันเกิดเพื่อแสดงให้เห็นว่าเป็นภาพความสัมพันธ์ใกล้ชิดระหว่างผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดอุดรธานี กับกลุ่มชมรมคนรักอุดรด้วย
สัมพันธ์ “เหลิม-ขวัญชัย” เป็นพวกเดียวกัน
หลังจากเหตุการณ์เมื่อวันที่ 1 กรกฎาคม ที่ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยเดินทางมาลงที่สนามบินกระบี่ เพื่อมอบนโยบายให้แก่ผู้ว่าราชการจังหวัดกระบี่ และส่วนราชการ ทว่าพบกับการขับไล่ของกลุ่มพันธมิตรกระบี่ หลายร้อยคนที่เดินทางมาขับไล่อย่างสันติถึงสนามบิน จ.กระบี่ จนกระทั่งโรงแรมกระบี่ มาริไทม์ ปาร์คแอนด์สปา ซึ่งเป็นที่พักของ ร.ต.อ.เฉลิมและคณะ ซึ่งทำให้ ร.ต.อ.เฉลิมหวาดกลัวจนต้องยกเลิกกำหนดการทั้งหมด และอาศัยช่วงเช้ามืดของวันที่ 2 กรกฎาคม หลบหนีออกทางด้านข้างของโรงแรม ขณะที่หลังจากนั้น ร.ต.อ.เฉลิม ก็ถูกกลุ่มพันธมิตรฯ ชุมนุมขับไล่โดยสันติอีกหลายจังหวัด เช่น ชัยภูมิ และ ขอนแก่น
ต่อมาในช่วงค่ำของวันที่ 10 กรกฎาคม ที่โรงแรมเจริญโฮเต็ล ถ.นิตโย ต.หมากแข้ง อ.เมืองอุดรธานี ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รมว.มหาดไทยที่เดินทางไปราชการยัง จ.อุดรธานี จึงมีการประสานงานกับนายขวัญชัย ไพรพนา ผู้ซึ่งอุทิศชีวิตเพื่อรับใช้ระบอบทักษิณ ให้ขนสมาชิกชมรมคนรักอุดรจำนวน 200 คน มาคอยต้อนรับ และคอยเป็นเกราะกำบังการขับไล่ของพันธมิตร
จากนั้น ร.ต.อ.เฉลิม ได้พบปะกับ “ชมรมคนรักอุดร” ซึ่งเป็นกลุ่มคนกลุ่มเดียวกันกับที่ก่อเหตุไล่ทำร้ายและฆ่ากลุ่มพันธมิตรฯ ที่ชุมนุมกันอย่างสงบเมื่อวันที่ 24 กรกฎาคมที่ผ่านมา ณ สวนสาธารณะหนองประจักษ์ จ.อุดรธานี
ร.ต.อ.เฉลิม ยังเล่าถึงเหตุการณ์ที่ถูกชาวจังหวัดกระบี่ขับไล่ จนต้องหนีกลับว่า เป็นการหนีแบบคลาสสิก และอ้างว่าตนมาจากการเลือกตั้ง
นอกจากนี้ยังกล่าวด้วยว่า ตนไปลงที่สนามบินกระบี่ มีคนมาบอกว่ามีการประท้วงที่สนามบิน ตนก็บอกไม่เป็นไร หลบออกด้านข้างได้ ไม่ได้อับอาย เพราะตนมาจาการเลือกตั้ง หลังจากนั้นได้ออกจากสนามบินไป 10 นาที ก็ตามมาทุบรถ ตนก็บอกไม่เป็นไร อย่าไปทำอะไรเขา เมื่อตนไปถึงโรงแรมก็ตามไปประท้วงที่โรงแรม จนตนเองต้องหนีออกมาตอนตี 5 ซึ่งที่หนีออกมาได้เพราะพวกมันเมาเหล้า ตนถอดสูทใส่เสื้อเชิร์ตขาวเดินออกมาโดยมีคนบัง 3 คน จึงออกมาได้ ออกมาถึงสนามบินตอน 6 โมงเช้า โดยที่ผู้ว่ากระบี่ไม่รู้ ตนจะบอกให้ว่านี่คือ การหนีแบบ “สารวัตรนินจา”
ทั้งนี้ ระหว่างที่ ร.ต.อ.พูดนั้น นายขวัญชัย ได้ยืนอยู่ข้างๆ คอยแหงนหน้ามองด้วยอาการกระหยิ่มยิ้มย่องและคอยปรบมือหัวเราะชอบใจเป็นระยะๆ ด้วย
วันเดียวกันนี้ที่กระทรวงมหาดไทย ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รมว.มหาดไทย ได้นัดพบ ส.ส.พรรคพลังประชาชน เพื่อรับประทานอาหาร ที่ห้องรับรองกระทรวงมหาดไทย โดยมี ส.ส.ประมาณ 10 คน ที่ส่วนใหญ่พบว่าเป็น ส.ส.ภาคอีสาน เป็นกลุ่ม ส.ส.จังหวัดนครราชสีมา ในระบบเขต และระบบสัดส่วน ทั้งนี้มีนายอัสนี เชิดชัย นายบุญเลิศ ครุฑขุนทศ นางลินดา เชิดชัย นายภิรมย์ พลวิเศษ นายประเสริฐ จันทรรวงทอง เป็นต้น โดยใช้เวลาร่วมรับประทานอาหารและหารือถึงสถานการณ์การเมืองเป็นเวลา 1 ชั่วโมง
โดยนายประเสริฐ กล่าวว่า ร.ต.อ.เฉลิม ได้ติดต่อขอพูดคุยกับ ส.ส.อีสาน ในกลุ่ม โคราช ซึ่ง ส.ส.ในกลุ่มทั้งหมดที่เดิมทีสนับสนุน ร.ต.อ.เฉลิม เป็น รมว.มหาดไทย อยู่แล้ว ได้ตอบรับมาร่วมกินข้าวด้วยในวันนี้ ทั้งนี้ ในฐานะตัวแทน ส.ส. กลุ่มโคราช เห็นว่า ร.ต.อ.เฉลิม เหมาะสมที่จะนั่ง รมว.มหาดไทยต่อไป และยังไม่ควรปรับเปลี่ยนใดๆ ซึ่งร.ต.อ.เฉลิมบอกพวกผมว่ามีความมั่นใจมากว่าการปรับ ครม.ครั้งนี้จะอยู่ในตำแหน่ง รมว.มหาดไทยต่อไป
แพทยสภาพร้อมสอบ “หมอเหวง”
ด้าน นพ.สมศักดิ์ โล่ห์เลขา นายกแพทยสภา กล่าวถึงกรณีที่แกนนำกลุ่มต่อต้านพันธมิตรได้กล่าวบนเวทีว่า นพ.เหวง โตจิราการ ได้โทรศัพท์มาแสดงความยินดี ในเหตุการณ์กลุ่มคนรักอุดรฯ บุกทำร้ายพันธมิตรฯ ที่ จ.อุดรธานี โดยกลุ่มพันธมิตรเตรียมที่จะยื่นให้แพทยสภาตรวจสอบพฤติกรรมของนพ.เหวง ถือเป็นการขัดต่อจรรยาบรรณของวิชาชีพแพทย์หรือไม่ นั้นว่า หากมีผู้มาร้องเรียนต่อกรณีดังกล่าว ก็ต้องนำเรื่องเข้าคณะอนุกรรมการจริยธรรมอยู่แล้ว
ทั้งนี้ หากเป็นกรณีที่ประชาชนให้ความสนใจ จะมีการตั้งคณะอนุกรรมการจริยธรรมชุดพิเศษขึ้นตรวจสอบ เพื่อสามารถทำงานได้รวดเร็วไม่เยินเย่อ
“ที่ผ่านมาไม่เคยมีกรณีไหนที่หมอจะดีใจที่เห็นคนบาดเจ็บ เพราะหมอมีหน้าที่ในการดูแลรักษาคนป่วย และยิ่งไม่มีที่ทำให้คนดีกลายเป็นคนป่วย แต่กรณีนี้ไม่ใช่การประกอบวิชาชีพ ดังนั้น อยากฝากให้นักการเมืองอย่าแสดงตนว่าเป็นหมอ หากหมอไม่ได้ประกอบวิชาชีพเวชกรรมแล้ว ก็ควรใช้ชื่อคำนำหน้าว่านาย ไม่จำเป็นต้องเรียกว่า นพ.หรือ หมอ หรือสื่อเองก็ไม่จำเป็นต้องเรียกว่าเป็นหมอ ใช้ชื่อธรรมดาก็ได้”
ขณะที่ นายแพทย์ตุลย์ สิทธิอมร อาจารย์คณะแพทยศาสตร์ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ เดินทางไปร้องเรียนให้ตรวจสอบจริยธรรม นายแพทย์เหวง โตจิราการ แกนนำแนวร่วมประชาธิปไตยขับไล่เผด็จการแห่งชาติ หรือ นปช. ที่มีข่าวว่าโทรศัพท์ไปแสดงความยินดีขณะที่มีเหตุทำร้ายร่างกาย และพยายามฆ่าแนวร่วมของกลุ่มพันธมิตรฯ ที่ จ.อุดรธานี เมื่อหลายวันก่อน