ผู้จัดการรายวัน - ส.อ.ท.จี้พาณิชย์ใช้มาตรการคุมเข้มราคาสินค้าเพื่อสกัดเงินเฟ้อต้องพิจารณาต้นทุนแท้จริง เผยสินค้าหลายรายการยังไม่ได้ปรับขึ้นทั้งที่แบกรับภาระหนัก แนะลดการเก็บเงินประกันสังคม (ปกส.) ที่มีสูงถึง 3-4 แสนล้าน ช่วยกระตุ้นแรงซื้อแบบไม่กระทบรายได้ ด้านผู้ค้าน้ำมันจำใจลดราคาดีเซล 80 สตางค์ต่อลิตร ตามตลาดโลก
นายสันติ วิลาสศักดานนท์ ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยถึงกรณีที่กระทรวงพาณิชย์มีแนวคิดในการเข้มงวดราคาสินค้าเพื่อสกัดเงินเฟ้อว่า ต้องการให้กระทรวงพาณิชย์พิจารณาราคาสินค้าจากต้นทุนที่แท้จริง อย่าพิจารณาแค่เพียงราคาน้ำมันได้ปรับลดลงในช่วงนี้แล้วจะทำให้ผู้ประกอบการสามารถตรึงราคาสินค้าได้หมด เนื่องจากราคาสินค้าที่ยื่นขอไปก่อนหน้าได้ถูกขอให้ตรึงราคาไว้จึงทำให้บางสินค้ายังไม่ได้ปรับขึ้น และบางสินค้าได้ทยอยปรับไปแล้วแต่ไม่ได้ปรับทั้งหมด
“ราคาน้ำมันที่ลงจะลดไปมากน้อยเพียงใด หากเทียบกับต้นทุนสินค้าก่อนหน้านั้นราคาน้ำมันได้ปรับขึ้นไปอย่างมาก โดยตั้งแต่ปลายปีทีแล้วดีเซลปรับขึ้นอย่างมาก วันนี้เพิ่งลดไปไม่กี่บาทแล้วจะให้ราคาสินค้าไม่ปรับราคาคงไม่ได้ทั้งหมด ควรพิจารณาจากต้นทุนที่แท้จริง ซึ่งการปรับราคาสินค้าของผู้ผลิตในภาวะที่แรงซื้อตกต่ำนั้นไม่มีใครอยากทำ หากแบกภาระได้ก็จะพยายามตรึงแต่ถ้าไม่ไหวหากให้ตรึงก็จะลำบากระยะยาว” นายสันติกล่าว
ทั้งนี้ กรณีที่พาณิชย์เสนอให้คลังลดภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) ลงมานั้น หลักการถ้าทำได้ก็จะเป็นการเพิ่มรายได้ประชาชน แต่ข้อเท็จจริงการปฏิบัติคลังระบุชัดเจนว่าเป็นไปไม่ได้ และจากผลพวงแรงซื้อที่ลดต่ำ ผู้ผลิตไม่สามารถปรับราคาสินค้าตามต้นทุนที่แท้จริงได้ทำให้ผู้ผลิตสินค้าที่เน้นตลาดในประเทศคงไม่มีนโยบายที่จะขยายการลงทุนในขณะนี้คงจะต้องดูทิศทางเศรษฐกิจในประเทศและเศรษฐกิจโลกเป็นปัจจัยสำคัญโดยเฉพาะราคาน้ำมัน อย่างไรก็ตาม แนวทางกระตุ้นแรงซื้อด้วยการเพิ่มรายได้ให้กับประชาชนเพื่อสกัดเงินเฟ้อนั้นส่วนตัวเห็นว่าการลดการเก็บเงินประกันสังคมลง หรือยกเว้นเป็นการชั่วคราวน่าจะเป็นทางหนึ่งที่ดีเพราะไม่ได้กระทบฐานะการคลังมาก และขณะนี้เงินประกันสังคมทั้งระบบก็มีมาก 3-4 แสนล้านบาท
นายทวี ปิยพัฒนา ประธานส.อ.ท.ภาคใต้กล่าวว่า หากรัฐต้องการเพิ่มรายได้ให้กับประชาชนประเด็นการลดเก็บเงินประกันสังคมน่าจะเป็นทางเลือกที่ดีเนื่องจากเงินในระบบมีหลายแสนล้านบาทไม่เข้าใจว่ารัฐจะถือไว้ทำไม ขณะที่ลูกจ้างขณะนี้จ่ายเงินประกันสังคม 3-4% ของเงินเดือนหากลดลงก็จะดีต่อระบบเพราะปัญหาน้ำมันแพงทุกส่วนก็ช่วยลดต้นทุนกันเต็มที่แล้ว
ดีเซลลดราคา 80 สต.วันนี้
วานนี้ (28 ก.ค.) ผู้ค้าน้ำมันทุกรายได้แจ้งปรับลดราคาขายปลีกดีเซลลง 80 สตางค์ต่อลิตรมีผลตั้งแต่วันที่ 29 ก.ค.เป็นต้นไป แต่ยังคงเบนซินไว้ส่งผลให้ดีเซลมาอยู่ที่ 37.94 บาทต่อลิตร สาเหตุมาจากราคาดีเซลตลาดสิงคโปร์ได้ปรับลดลงไปก่อนหน้านี้กว่า 3 เหรียญต่อบาร์เรลแม้ว่าช่วงปลายสัปดาห์จะปรับขึ้นมากกว่า 2 เหรียญต่อบาร์เรล แต่ก็ยังเป็นการปรับขึ้นที่น้อยกว่าลดลง
นายวีรพล จิรประดิษฐ์กุล ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.) กล่าวว่า ขณะนี้ฐานะกองทุนน้ำมันฯ เป็นบวกเพียง 60-70 ล้านบาทต่อเดือนเท่านั้น ขณะที่คาดว่า มีแนวโน้มต้องจ่ายเพิ่มจากความนิยมพลังงานทดแทนมากขึ้นทำให้ภาระการอุดหนุนสูงตามไปด้วย โดยปัจจุบันมีการเข้าไปอุดหนุนแก๊สโซฮอล์ ลิตรละประมาณ 30 สตางค์ ไบโอดีเซล บี 2 ลิตรละ 30 สตางค์ ไบโอดีเซล บี 5 ลิตรละ 1.50 บาท ซึ่งการจะปรับลดการเก็บเงินส่วนนี้ลงหรือไม่คงอยู่ที่การตัดสินใจของคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กบง.)
พล.ท.หญิงพูนภิรมย์ ลิปตพัลลภ รมว.พลังงาน กล่าวว่า ราคาน้ำมันดิบที่ลดลงอย่างต่อเนื่องผู้ค้าน้ำมันคงลดราคาขายปลีกลง ส่วนการเก็บเงินดีเซลคืนกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงและกองทุนเพื่อการอนุรักษ์พลังงานที่รัฐผ่อนผันไปก่อนหน้า 90 สตางค์ต่อลิตรและจะสิ้นสุดสิ้นเดือนนี้นั้นจะเร่งพิจารณาให้เร็วที่สุดเช่นเดียวกับการขึ้นราคาก๊าซหุงต้มหรือแอลพีจีภาคขนส่งและอุตสาหกรรม
นายสันติ วิลาสศักดานนท์ ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยถึงกรณีที่กระทรวงพาณิชย์มีแนวคิดในการเข้มงวดราคาสินค้าเพื่อสกัดเงินเฟ้อว่า ต้องการให้กระทรวงพาณิชย์พิจารณาราคาสินค้าจากต้นทุนที่แท้จริง อย่าพิจารณาแค่เพียงราคาน้ำมันได้ปรับลดลงในช่วงนี้แล้วจะทำให้ผู้ประกอบการสามารถตรึงราคาสินค้าได้หมด เนื่องจากราคาสินค้าที่ยื่นขอไปก่อนหน้าได้ถูกขอให้ตรึงราคาไว้จึงทำให้บางสินค้ายังไม่ได้ปรับขึ้น และบางสินค้าได้ทยอยปรับไปแล้วแต่ไม่ได้ปรับทั้งหมด
“ราคาน้ำมันที่ลงจะลดไปมากน้อยเพียงใด หากเทียบกับต้นทุนสินค้าก่อนหน้านั้นราคาน้ำมันได้ปรับขึ้นไปอย่างมาก โดยตั้งแต่ปลายปีทีแล้วดีเซลปรับขึ้นอย่างมาก วันนี้เพิ่งลดไปไม่กี่บาทแล้วจะให้ราคาสินค้าไม่ปรับราคาคงไม่ได้ทั้งหมด ควรพิจารณาจากต้นทุนที่แท้จริง ซึ่งการปรับราคาสินค้าของผู้ผลิตในภาวะที่แรงซื้อตกต่ำนั้นไม่มีใครอยากทำ หากแบกภาระได้ก็จะพยายามตรึงแต่ถ้าไม่ไหวหากให้ตรึงก็จะลำบากระยะยาว” นายสันติกล่าว
ทั้งนี้ กรณีที่พาณิชย์เสนอให้คลังลดภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) ลงมานั้น หลักการถ้าทำได้ก็จะเป็นการเพิ่มรายได้ประชาชน แต่ข้อเท็จจริงการปฏิบัติคลังระบุชัดเจนว่าเป็นไปไม่ได้ และจากผลพวงแรงซื้อที่ลดต่ำ ผู้ผลิตไม่สามารถปรับราคาสินค้าตามต้นทุนที่แท้จริงได้ทำให้ผู้ผลิตสินค้าที่เน้นตลาดในประเทศคงไม่มีนโยบายที่จะขยายการลงทุนในขณะนี้คงจะต้องดูทิศทางเศรษฐกิจในประเทศและเศรษฐกิจโลกเป็นปัจจัยสำคัญโดยเฉพาะราคาน้ำมัน อย่างไรก็ตาม แนวทางกระตุ้นแรงซื้อด้วยการเพิ่มรายได้ให้กับประชาชนเพื่อสกัดเงินเฟ้อนั้นส่วนตัวเห็นว่าการลดการเก็บเงินประกันสังคมลง หรือยกเว้นเป็นการชั่วคราวน่าจะเป็นทางหนึ่งที่ดีเพราะไม่ได้กระทบฐานะการคลังมาก และขณะนี้เงินประกันสังคมทั้งระบบก็มีมาก 3-4 แสนล้านบาท
นายทวี ปิยพัฒนา ประธานส.อ.ท.ภาคใต้กล่าวว่า หากรัฐต้องการเพิ่มรายได้ให้กับประชาชนประเด็นการลดเก็บเงินประกันสังคมน่าจะเป็นทางเลือกที่ดีเนื่องจากเงินในระบบมีหลายแสนล้านบาทไม่เข้าใจว่ารัฐจะถือไว้ทำไม ขณะที่ลูกจ้างขณะนี้จ่ายเงินประกันสังคม 3-4% ของเงินเดือนหากลดลงก็จะดีต่อระบบเพราะปัญหาน้ำมันแพงทุกส่วนก็ช่วยลดต้นทุนกันเต็มที่แล้ว
ดีเซลลดราคา 80 สต.วันนี้
วานนี้ (28 ก.ค.) ผู้ค้าน้ำมันทุกรายได้แจ้งปรับลดราคาขายปลีกดีเซลลง 80 สตางค์ต่อลิตรมีผลตั้งแต่วันที่ 29 ก.ค.เป็นต้นไป แต่ยังคงเบนซินไว้ส่งผลให้ดีเซลมาอยู่ที่ 37.94 บาทต่อลิตร สาเหตุมาจากราคาดีเซลตลาดสิงคโปร์ได้ปรับลดลงไปก่อนหน้านี้กว่า 3 เหรียญต่อบาร์เรลแม้ว่าช่วงปลายสัปดาห์จะปรับขึ้นมากกว่า 2 เหรียญต่อบาร์เรล แต่ก็ยังเป็นการปรับขึ้นที่น้อยกว่าลดลง
นายวีรพล จิรประดิษฐ์กุล ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.) กล่าวว่า ขณะนี้ฐานะกองทุนน้ำมันฯ เป็นบวกเพียง 60-70 ล้านบาทต่อเดือนเท่านั้น ขณะที่คาดว่า มีแนวโน้มต้องจ่ายเพิ่มจากความนิยมพลังงานทดแทนมากขึ้นทำให้ภาระการอุดหนุนสูงตามไปด้วย โดยปัจจุบันมีการเข้าไปอุดหนุนแก๊สโซฮอล์ ลิตรละประมาณ 30 สตางค์ ไบโอดีเซล บี 2 ลิตรละ 30 สตางค์ ไบโอดีเซล บี 5 ลิตรละ 1.50 บาท ซึ่งการจะปรับลดการเก็บเงินส่วนนี้ลงหรือไม่คงอยู่ที่การตัดสินใจของคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กบง.)
พล.ท.หญิงพูนภิรมย์ ลิปตพัลลภ รมว.พลังงาน กล่าวว่า ราคาน้ำมันดิบที่ลดลงอย่างต่อเนื่องผู้ค้าน้ำมันคงลดราคาขายปลีกลง ส่วนการเก็บเงินดีเซลคืนกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงและกองทุนเพื่อการอนุรักษ์พลังงานที่รัฐผ่อนผันไปก่อนหน้า 90 สตางค์ต่อลิตรและจะสิ้นสุดสิ้นเดือนนี้นั้นจะเร่งพิจารณาให้เร็วที่สุดเช่นเดียวกับการขึ้นราคาก๊าซหุงต้มหรือแอลพีจีภาคขนส่งและอุตสาหกรรม
