วันนี้ (29 ก.ค.) นายประสาน สุสิกขโกศล ประธานอนุกรรมการวินิจฉัยเรื่องคัดค้าน และปัญหาหรือ ข้อโต้แย้ง คณะที่ 15 ของกกต. จะเชิญนายชัย ชิดชอบ ประธานสภาผู้แทนราษฎร ส.ส.สัดส่วนพรรคพลังประชาชน มาชี้แจงข้อกล่าวหา ที่ว่านายชัย มีหุ้นใน บริษัทศิลาชัย บุรีรัมย์ (1991 จำกัด) จำนวน 7,500 หุ้น มูลค่า 7.5 ล้านบาท อาจขัดรัฐธรรมนูญ มาตรา 265 (2) เนื่องจากเป็นผู้ถือหุ้นในบริษัทที่รับสัมปทานจากรัฐ ใน เวลา 09.30 น.
ด้านนายชัย ชิดชอบ ประธานสภาผู้แทนราษฎร กล่าวว่าวันนี้ จะไปชี้แจงกับ กกต. เรื่องหุ่นในบริษัทศิลาชัย และไม่รู้สึกหนักใจ เพราะทำถูกต้องตามกฎหมาย
"ผมไม่ได้ถือสัมปทานที่ระเบิดหิน เป็นสัมปทานบัตร คำว่า ประทานบัตร กับสัมปทาน ความหมายแตกต่างกัน ประทานบัตร ใครก็มีสิทธิ์จะไปขอได้ ในที่ของตนเอง แต่การขอสัมปทาน ต้องเป็นที่ดินของรัฐ เรามีหลักฐานพร้อมที่จะเปิดเผยความบริสุทธิ์ เราไม่ได้ไปทำผิด คิดไม่ชอบต่อกระบวนการของกฎหมาย แต่ประการใด ส่วนจะขัดหรือไม่ เป็นดุลพินิจของศาล" นายชัย กล่าว และว่าในฐานะที่เป็นผู้ถูกกล่าวหา ก็ต้องไปชี้แจงต่อกระบวนการยุติธรรม กกต.เชิญมาก็ไป
ผู้สื่อข่าวถามว่า เรื่องนี้มองว่า เป็นการดิสเครดิตพรรคพลังประชาชน ที่ต้องการปลิดที่ละคนหรือไม่ นายชัย กล่าวว่า เป็นเรื่องของแต่ละคน อาจจะมีความอาฆาตแค้นส่วนตัวอะไรบางอย่างก็ได้ หรือเขาคิดว่าจะทำอะไรตนได้ ก็ทำ ถ้าทำลายได้ก็ดี ถ้าทำลายไม่ได้ ก็ให้นอนไม่หลับเหมือนกัน ก็เห็นใจเขา
เมื่อถามว่า ต้องการให้ตรวจสอบทั้ง ส.ส.- ส.ว. ให้เป็นมาตรฐานเดียวกันหรือไม่ นายชัย กล่าวว่า ทั้ง ส.ส.และส.ว.ก็ไปยื่นบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินต่อ ป.ป.ช. และ กกต. ซึ่งก็มีลายเซ็นตลอด จะปฎิเสธไม่ได้ ส่วนเรื่องของตน ก็แล้วแต่ศาล และกกต. จะให้ความเป็นธรรม
"ผมรู้สึกเฉยๆ ผิดก็ออกไป ผมก็ไปทำมาหากิน ทำนา ทำไร่ ของผมอย่างที่เคยทำ มันก็หมดปัญหา เพราะเราพยายามทำดีที่สุดแล้ว ทำดีอย่างนี้แล้ว เป็นกลางอย่างนี้แล้ว ยังไม่เป็นที่พอใจของท่านสมาชิกผู้ทรงเกียรติ ก็เรื่องของท่าน" นายชัยกล่าว
ด้านนายชัย ชิดชอบ ประธานสภาผู้แทนราษฎร กล่าวว่าวันนี้ จะไปชี้แจงกับ กกต. เรื่องหุ่นในบริษัทศิลาชัย และไม่รู้สึกหนักใจ เพราะทำถูกต้องตามกฎหมาย
"ผมไม่ได้ถือสัมปทานที่ระเบิดหิน เป็นสัมปทานบัตร คำว่า ประทานบัตร กับสัมปทาน ความหมายแตกต่างกัน ประทานบัตร ใครก็มีสิทธิ์จะไปขอได้ ในที่ของตนเอง แต่การขอสัมปทาน ต้องเป็นที่ดินของรัฐ เรามีหลักฐานพร้อมที่จะเปิดเผยความบริสุทธิ์ เราไม่ได้ไปทำผิด คิดไม่ชอบต่อกระบวนการของกฎหมาย แต่ประการใด ส่วนจะขัดหรือไม่ เป็นดุลพินิจของศาล" นายชัย กล่าว และว่าในฐานะที่เป็นผู้ถูกกล่าวหา ก็ต้องไปชี้แจงต่อกระบวนการยุติธรรม กกต.เชิญมาก็ไป
ผู้สื่อข่าวถามว่า เรื่องนี้มองว่า เป็นการดิสเครดิตพรรคพลังประชาชน ที่ต้องการปลิดที่ละคนหรือไม่ นายชัย กล่าวว่า เป็นเรื่องของแต่ละคน อาจจะมีความอาฆาตแค้นส่วนตัวอะไรบางอย่างก็ได้ หรือเขาคิดว่าจะทำอะไรตนได้ ก็ทำ ถ้าทำลายได้ก็ดี ถ้าทำลายไม่ได้ ก็ให้นอนไม่หลับเหมือนกัน ก็เห็นใจเขา
เมื่อถามว่า ต้องการให้ตรวจสอบทั้ง ส.ส.- ส.ว. ให้เป็นมาตรฐานเดียวกันหรือไม่ นายชัย กล่าวว่า ทั้ง ส.ส.และส.ว.ก็ไปยื่นบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินต่อ ป.ป.ช. และ กกต. ซึ่งก็มีลายเซ็นตลอด จะปฎิเสธไม่ได้ ส่วนเรื่องของตน ก็แล้วแต่ศาล และกกต. จะให้ความเป็นธรรม
"ผมรู้สึกเฉยๆ ผิดก็ออกไป ผมก็ไปทำมาหากิน ทำนา ทำไร่ ของผมอย่างที่เคยทำ มันก็หมดปัญหา เพราะเราพยายามทำดีที่สุดแล้ว ทำดีอย่างนี้แล้ว เป็นกลางอย่างนี้แล้ว ยังไม่เป็นที่พอใจของท่านสมาชิกผู้ทรงเกียรติ ก็เรื่องของท่าน" นายชัยกล่าว