ตาก - ผลผลิตกว่า 1 ล้านตันในโครงการ Contract Farming (CF)ตามแผนร่วมมือชายแดนกับพม่า-ลาว-กัมพูชา ตกค้างอยู่ในประเทศเพื่อนบ้าน เหตุยังไม่ได้รับอนุมัตินำเข้า ผู้ร่วมโครงการใน 16 จังหวัด เตรียม ร้องเรียนกระทรวงพาณิชย์
นายนิยม ไวยรัชพานิช ประธานคณะกรรมการการค้าชายแดน หอการค้าไทย เปิดเผยว่า ขณะนี้ผู้ประกอบการที่ร่วมโครงการ Contract Farming (CF)ตามแผนร่วมมือชายแดนกับพม่า-ลาว-กัมพูชา โดยเข้าไปปลูกพืชเศรษฐกิจ ตามพื้นที่ชายแดนพม่า-ลาว-กัมพูชา ได้แจ้งความเดือดร้อนที่ไม่สามารถนำเข้าผลผลิต ราว 1.1 ล้านตัน ได้ เนื่องจาก ครม.ยังไม่อนุมัติ ซึ่งในฤดูเพาะปลูกปีนี้ มีผู้ประกอบการกว่า 100 ราย ใน 16 จังหวัดชายแดนติด 3 ประเทศเพื่อนบ้าน ได้เข้าไปปลูกพืชไร่ ในพื้นที่ของประเทศเหล่านั้น เป็นปีที่ 3
ประกอบด้วย ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์, ถั่วเขียว, ถั่วเหลือง, มันฝรั่ง และละหุ่ง ตามแผน Ayeyawady - Chao Phraya - Mekong Economic Cooperation Strategy(ACMECS) เพื่อส่งเสริมเกษตรกรตามชายแดนประเทศเพื่อนบ้านให้มีรายได้ บรรเทาปัญหาการข้ามแดนมาทำงานในประทศไทย
นายนิยม กล่าวอีกว่า ตามปกติเมื่อเริ่มเก็บเกี่ยวผลผลิต กระทรวงพาณิชย์ จะเสนอ ครม.เพื่ออนุมัตินำเข้า และยกเว้นภาษีศุลกากรโดยกระทรวงพาณิชย์ จะเป็นผู้เสนอ ครม.แต่จนถึงขณะนี้ยังไม่เสนอ หากล่าช้า ผลผลิตที่เก็บเกี่ยวอาจได้รับความเสียหายจากความชื้นเนื่องจากอยู่ในช่วงฤดูฝน
ด้านนายสมศักดิ์ คะวิรัตน์ รองประธานหอการค้าตาก และนักธุรกิจการเกษตรในจังหวัดตาก กล่าวว่า ปีที่แล้วพื้นที่เพาะปลูกข้าวโพดทั่วโลกประสบความเสียหาย ทำให้ข้าวโพดในประเทศราคาสูงมากจนเกษตรกรผู้เลี้ยงสัตว์เดือดร้อน ปรากฏว่า ผลผลิตจาก CF ได้ช่วยบรรเทาปัญหาความขาดแคลนลงได้ นอกจากนั้น ยังช่วยประหยัดเงินตราต่างประเทศอีกด้วย เพราะไม่ต้องนำเข้าจากประเทศตะวันตก เช่น สหรัฐฯ และอาร์เจนตินา เป็นต้น
อย่างไรก็ตาม ปีนี้ต้นทุนการเกษตรสูงมากเนื่องจากปุ๋ย, ยา และปัจจัยการผลิตอื่น ๆ สูงขึ้น 2-3 เท่าตัว และมีแนวโน้มจะสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องโดยไม่ได้รับการแก้ไข ในขณะราคาผลผลิตกลับไม่แตกต่างจากเดิมมากนัก ผู้ประกอบการจำนวนมากจึงชะลอการลงทุน จำนวนมาก บางรายถึงเลิกกิจการไปเลย ผู้ประกอบการ CF ก็เช่นเดียวกัน
นายนิยม ไวยรัชพานิช ประธานคณะกรรมการการค้าชายแดน หอการค้าไทย เปิดเผยว่า ขณะนี้ผู้ประกอบการที่ร่วมโครงการ Contract Farming (CF)ตามแผนร่วมมือชายแดนกับพม่า-ลาว-กัมพูชา โดยเข้าไปปลูกพืชเศรษฐกิจ ตามพื้นที่ชายแดนพม่า-ลาว-กัมพูชา ได้แจ้งความเดือดร้อนที่ไม่สามารถนำเข้าผลผลิต ราว 1.1 ล้านตัน ได้ เนื่องจาก ครม.ยังไม่อนุมัติ ซึ่งในฤดูเพาะปลูกปีนี้ มีผู้ประกอบการกว่า 100 ราย ใน 16 จังหวัดชายแดนติด 3 ประเทศเพื่อนบ้าน ได้เข้าไปปลูกพืชไร่ ในพื้นที่ของประเทศเหล่านั้น เป็นปีที่ 3
ประกอบด้วย ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์, ถั่วเขียว, ถั่วเหลือง, มันฝรั่ง และละหุ่ง ตามแผน Ayeyawady - Chao Phraya - Mekong Economic Cooperation Strategy(ACMECS) เพื่อส่งเสริมเกษตรกรตามชายแดนประเทศเพื่อนบ้านให้มีรายได้ บรรเทาปัญหาการข้ามแดนมาทำงานในประทศไทย
นายนิยม กล่าวอีกว่า ตามปกติเมื่อเริ่มเก็บเกี่ยวผลผลิต กระทรวงพาณิชย์ จะเสนอ ครม.เพื่ออนุมัตินำเข้า และยกเว้นภาษีศุลกากรโดยกระทรวงพาณิชย์ จะเป็นผู้เสนอ ครม.แต่จนถึงขณะนี้ยังไม่เสนอ หากล่าช้า ผลผลิตที่เก็บเกี่ยวอาจได้รับความเสียหายจากความชื้นเนื่องจากอยู่ในช่วงฤดูฝน
ด้านนายสมศักดิ์ คะวิรัตน์ รองประธานหอการค้าตาก และนักธุรกิจการเกษตรในจังหวัดตาก กล่าวว่า ปีที่แล้วพื้นที่เพาะปลูกข้าวโพดทั่วโลกประสบความเสียหาย ทำให้ข้าวโพดในประเทศราคาสูงมากจนเกษตรกรผู้เลี้ยงสัตว์เดือดร้อน ปรากฏว่า ผลผลิตจาก CF ได้ช่วยบรรเทาปัญหาความขาดแคลนลงได้ นอกจากนั้น ยังช่วยประหยัดเงินตราต่างประเทศอีกด้วย เพราะไม่ต้องนำเข้าจากประเทศตะวันตก เช่น สหรัฐฯ และอาร์เจนตินา เป็นต้น
อย่างไรก็ตาม ปีนี้ต้นทุนการเกษตรสูงมากเนื่องจากปุ๋ย, ยา และปัจจัยการผลิตอื่น ๆ สูงขึ้น 2-3 เท่าตัว และมีแนวโน้มจะสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องโดยไม่ได้รับการแก้ไข ในขณะราคาผลผลิตกลับไม่แตกต่างจากเดิมมากนัก ผู้ประกอบการจำนวนมากจึงชะลอการลงทุน จำนวนมาก บางรายถึงเลิกกิจการไปเลย ผู้ประกอบการ CF ก็เช่นเดียวกัน
