ผู้จัดการรายวัน – ทัวร์นาเม้นต์กีฬาใหญ่ยังไม่แรงพอที่จะกระตุ้นตลาดอุปกรณ์กีฬา เหตุปัจจัยลบในประเทศเพียบ ตลาดรวมโตแค่ 7% ด้านสปอร์ตมอลล์ดิ้นสู้ ผ่านครึ่งปีแรกโต 7% สานต่อกลยุทธ์อัดอีเว้นต์เอง-อิงทัวร์นาเม้นต์ใหญ่ คาดปีนี้ทั้งปีมี 8 กิจกรรมใหญ่ ด้วยงบตลาดเพิ่มขึ้นรวมเป็น 80 ล้านบาท
นายสฤษดิพงษ์ รัตนาพต ผู้อำนวยการใหญ่อาวุโส สายบริหารสินค้า และ นายสุนทร สุรีย์เหลืองขจร ผู้จัดการฝ่ายอาวุโสจัดหาสินค้า สปอร์ตมอลล์ บริษัท เดอะมอล์กรุ๊ป จำกัด ร่วมกันเปิดเผยว่า ตลาดอุปกรณ์กีฬาในไทยมีมูลค่า 30,000 ล้านบาท คาดว่าปีนี้จะโตไม่เกิน 7% จากปรกติที่จะโตมากกว่า 10% แม้ว่าจะมีอีเวนต์กีฬาใหญ่อย่างฟุตบอลยูโรที่จบไปแล้วและโอลิมปิคที่กำลังจะเริ่มก็ตาม แต่เนื่องจากมีปัจจัยลบในประเทศมากทั้งเศรษฐกิจซบเซา กำลังซื้อลดลง ราคาน้ำมันแพงต่อเนื่อง ปัญหาการเมือง ที่สร้างผลกระทบไม่น้อย จึงทำให้การเติบโตเป็นไปอย่างธรรมดา
อย่างไรก็ตามในส่วนของสปอร์ตมอลล์ครึ่งปีแรกเติบโต 10% เนื่องจากกลยุทธ์ที่ยึดมั่นมาแล้ว 2 ปีคือ การจัดกิจกรรมกีฬาเองกับการอิงมหกรรมกีฬาใหญ่ๆ เพือดึงคนเข้ามาในร้านเพื่อสร้างยอดขาย คาดว่าปีนี้มีกิจกรรมใหญ่ประมาณ 8 อีเว้นต์ ซึ่งเป็นการโตจากการจัดกิจกรรม เพราะหากปรกติก็จะโตเพียงแค่ 4-5% เท่านั้น โดยปีนี้ตั้งเป้ารายได้ไว้ที่ 2,100 ล้านบาท เติบโต 15% จากปีที่แล้วที่ทำได้ 1,800 ล้านบาท ซึ่งครึ่งปีแรกนี้ทำรายได้รวม 1,000 ล้านบาท
ทั้งนี้ปีนี้ใช้งบการตลาดมากถึง 80 ล้านบาท มากกว่าปีที่แล้วที่ใช้ 20 ล้านบาท ครึ่งปีแรกใช้ไปแล้ว 60 ล้านบาท โดยอีเว้นต์ใหญ่ล่าสุดคือ สปอร์ตมอลล์โอลิมปิค 2008 ด้วยงบกว่า 30 ล้านบาท วันที่ 30 ก.ค. – 27 ส.ค.นี้ที่เดอะมอลล์งามวงศ์วาน และที่ดิเอ็มโพเรียมและเดอะมอลล์ทุกสาขา ซึ่งจะมีทั้งกิจกรรม การขายสินค้าต่างๆ การเปิดตัวสินคาใหม่ เพื่อรองรับกระแสโอลิมปิค สำหรับอีเว้นต์ใหญ่ที่จะจัดเองในช่วงปลายปีเช่น แบดมินตัน กอล์ฟ ซึ่งจากนี้ไปบริษัทฯมีแผนที่จะสร้างการเติบโตในกีฬากลุ่มแบดมินตันมากขึ้น ต่อจากกลุ่มกอล์ฟ เพราะมีแนวโน้มเติบโตดีซึ่งเมื่อ 2 ปีที่แล้ว กอล์ฟมีสัดส่วนรายได้แค่ 5% เท่านั้นเอง
นายสุนทรกล่าวด้วยว่า ได้ปรับโฉมร้านสปอร์ตมอลล์ในคอนเซ็ปท์ใหม่ โดยเปิดเป็น ชอปอินชอป พื้นที่เฉลี่ย 100 กว่าตร.ม. ต่อแบรนด์ สำหรับ 5 แบรนด์ใหญ่ที่มียอดขายมากสุดคือ ไนกี้ อาดิดาส คอนเวิร์ส พูม่า รีบอค เริ่มแล้วที่สาขาบางแค งามวงศ์วาน
โดยสัดส่วนรายได้ของกลุ่มสินค้ามีดังนี้ รองเท้าและเสื้อผ้า สัดส่วนกว่า 50% จากรายได้รวม โดยมาจาก 5 แบรนด์ใหญ่นี้ก็มากกว่า 70% ใน 50% นี้แล้ว, กอลฟ์ สัดส่วนรายได้ 20% มีแนวโน้มโตต่อเนื่อง แร็คเก็ต สัดส่วน 10% เอ็กซ์เซอร์ไซส์ 10% ที่เหลืออื่นๆ โดยกลุ่มผู้ใหญ่มีการใช้จ่ายเฉลี่ย 2,000 บาทต่อคนต่อครั้ง ส่วนเด็กประมาณ 300 บาทต่อคนต่อครั้ง
นายสฤษดิพงษ์ รัตนาพต ผู้อำนวยการใหญ่อาวุโส สายบริหารสินค้า และ นายสุนทร สุรีย์เหลืองขจร ผู้จัดการฝ่ายอาวุโสจัดหาสินค้า สปอร์ตมอลล์ บริษัท เดอะมอล์กรุ๊ป จำกัด ร่วมกันเปิดเผยว่า ตลาดอุปกรณ์กีฬาในไทยมีมูลค่า 30,000 ล้านบาท คาดว่าปีนี้จะโตไม่เกิน 7% จากปรกติที่จะโตมากกว่า 10% แม้ว่าจะมีอีเวนต์กีฬาใหญ่อย่างฟุตบอลยูโรที่จบไปแล้วและโอลิมปิคที่กำลังจะเริ่มก็ตาม แต่เนื่องจากมีปัจจัยลบในประเทศมากทั้งเศรษฐกิจซบเซา กำลังซื้อลดลง ราคาน้ำมันแพงต่อเนื่อง ปัญหาการเมือง ที่สร้างผลกระทบไม่น้อย จึงทำให้การเติบโตเป็นไปอย่างธรรมดา
อย่างไรก็ตามในส่วนของสปอร์ตมอลล์ครึ่งปีแรกเติบโต 10% เนื่องจากกลยุทธ์ที่ยึดมั่นมาแล้ว 2 ปีคือ การจัดกิจกรรมกีฬาเองกับการอิงมหกรรมกีฬาใหญ่ๆ เพือดึงคนเข้ามาในร้านเพื่อสร้างยอดขาย คาดว่าปีนี้มีกิจกรรมใหญ่ประมาณ 8 อีเว้นต์ ซึ่งเป็นการโตจากการจัดกิจกรรม เพราะหากปรกติก็จะโตเพียงแค่ 4-5% เท่านั้น โดยปีนี้ตั้งเป้ารายได้ไว้ที่ 2,100 ล้านบาท เติบโต 15% จากปีที่แล้วที่ทำได้ 1,800 ล้านบาท ซึ่งครึ่งปีแรกนี้ทำรายได้รวม 1,000 ล้านบาท
ทั้งนี้ปีนี้ใช้งบการตลาดมากถึง 80 ล้านบาท มากกว่าปีที่แล้วที่ใช้ 20 ล้านบาท ครึ่งปีแรกใช้ไปแล้ว 60 ล้านบาท โดยอีเว้นต์ใหญ่ล่าสุดคือ สปอร์ตมอลล์โอลิมปิค 2008 ด้วยงบกว่า 30 ล้านบาท วันที่ 30 ก.ค. – 27 ส.ค.นี้ที่เดอะมอลล์งามวงศ์วาน และที่ดิเอ็มโพเรียมและเดอะมอลล์ทุกสาขา ซึ่งจะมีทั้งกิจกรรม การขายสินค้าต่างๆ การเปิดตัวสินคาใหม่ เพื่อรองรับกระแสโอลิมปิค สำหรับอีเว้นต์ใหญ่ที่จะจัดเองในช่วงปลายปีเช่น แบดมินตัน กอล์ฟ ซึ่งจากนี้ไปบริษัทฯมีแผนที่จะสร้างการเติบโตในกีฬากลุ่มแบดมินตันมากขึ้น ต่อจากกลุ่มกอล์ฟ เพราะมีแนวโน้มเติบโตดีซึ่งเมื่อ 2 ปีที่แล้ว กอล์ฟมีสัดส่วนรายได้แค่ 5% เท่านั้นเอง
นายสุนทรกล่าวด้วยว่า ได้ปรับโฉมร้านสปอร์ตมอลล์ในคอนเซ็ปท์ใหม่ โดยเปิดเป็น ชอปอินชอป พื้นที่เฉลี่ย 100 กว่าตร.ม. ต่อแบรนด์ สำหรับ 5 แบรนด์ใหญ่ที่มียอดขายมากสุดคือ ไนกี้ อาดิดาส คอนเวิร์ส พูม่า รีบอค เริ่มแล้วที่สาขาบางแค งามวงศ์วาน
โดยสัดส่วนรายได้ของกลุ่มสินค้ามีดังนี้ รองเท้าและเสื้อผ้า สัดส่วนกว่า 50% จากรายได้รวม โดยมาจาก 5 แบรนด์ใหญ่นี้ก็มากกว่า 70% ใน 50% นี้แล้ว, กอลฟ์ สัดส่วนรายได้ 20% มีแนวโน้มโตต่อเนื่อง แร็คเก็ต สัดส่วน 10% เอ็กซ์เซอร์ไซส์ 10% ที่เหลืออื่นๆ โดยกลุ่มผู้ใหญ่มีการใช้จ่ายเฉลี่ย 2,000 บาทต่อคนต่อครั้ง ส่วนเด็กประมาณ 300 บาทต่อคนต่อครั้ง
