xs
xsm
sm
md
lg

แล้ว ‘ยานเกราะล้อยาง’ ยูเครนก็วิ่งแซงรถเมล์

เผยแพร่:   โดย: สุวิชชา เพียราษฎร์

สิ่งที่รัฐบาลสมัคร สุนทรเวช ‘ทำ’ และ ‘คิดจะทำ’ ล้วนแต่มีข้อครหาเสมอว่า เพื่อใคร!?

คำว่า ‘เพื่อใคร’ ส่วนใหญ่จะมองกันไปที่ หนึ่ง ‘นายใหญ่’ ที่ชักใยอยู่เบื้องหลัง และ สอง ‘พรรคพวก’ ซึ่งหมายความรวมตั้งแต่ นายทุนพรรค พ่อค้า และตัวนักการเมืองเองที่รับผิดชอบกระทรวงต่างๆ โดยมีผลประโยชน์ต่างตอบแทนเป็นที่ตั้ง

ยิ่งการเมืองยุ่งเหยิงอายุขัยของรัฐบาล หรืออำนาจใกล้จะหมดลงเช่นนี้ นักการเมืองเขี้ยวลากดินเหล่านี้ก็จะฉวยจังหวะ เข็นโครงการ อนุมัติโครงการต่างๆ ชนิดที่ว่า บางกรณีคาดไม่ถึงว่า ประเทศไทยในปีพ.ศ.นี้ยังมีวิธีการหารับประทานกันแบบย้อนยุคกลับไปหลายปี ทุกอย่างกระทำแบบ ‘ไร้ยางอาย’ รวดเร็วทันใจราวลวกเส้นบะหมี่สำเร็จรูป!

นอกจากกรณี รถเมล์ 6,000 คัน น้ำมันรัสเซีย หรือแม้กระทั่งมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ เป็นข่าวครึกโครมซึ่งสังคมรับรู้ไปแล้วนั้น ยังพบว่าที่เป็นไปแบบ ‘งุบงิบ’ เป็นข่าวแบบเงียบๆ ก็มีไม่ใช่ไม่มี !

ดังกรณี ‘ยานเกราะล้อยาง’ จากยูเครนซึ่งครั้งหนึ่งเป็นข่าวอื้อฉาวมีข้อพิรุธมากมาย ปรากฏว่า นายสมัคร สุนทรเวช ใช้สถานะความเป็นรมว.กระทรวงกลาโหมเซ็นอนุมัติให้กองทัพบกจัดซื้อได้ไปแล้วอย่างเงียบๆ เมื่อวันที่ 11 ก.ค. ที่ผ่านมา ทั้งนี้ ตามที่ปลัดกระทรวงกลาโหม เสนอเรื่องเพื่อพิจารณาอนุมัติเมื่อวันที่ 15 เม.ย. 51

หากยังจำได้ กองทัพบก (ทบ.) พยายามจะจัดซื้อยานเกราะล้อยาง รุ่น BTR –3 E 1 แบบต่างๆ จำนวน 96 คัน พร้อมระบบการฝึกศึกษา อบรม การถ่ายทอดเทคโนโลยีและระบบการซ่อมบำรุง โดยวิธีรัฐบาลต่อรัฐบาล กับรัฐบาลประเทศยูเครน

โครงการนี้คิดราคารวมค่าขนส่งถึงสถานที่ที่ ทบ.กำหนด ยกเว้นภาษีอากรทุกชนิด รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 114,270,100 ดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 3,898,892,400 บาท (อัตราแลกเปลี่ยน 1 ดอลลาร์สหรัฐ เท่ากับ 34.12 บาท)

เรื่องนี้เคยนำเสนอเข้า ครม.มาแล้วในสมัยรัฐบาลพล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ ซึ่งขณะนั้น พล.อ.บุญรอด สมทัศน์ เป็น รมว.กลาโหม เพื่อขออนุมัติจัดซื้อและผูกพันงบประมาณแต่ถูกตีตกไป ด้วยเหตุผล หนึ่ง กระบวนการเสนอเรื่องเข้า ครม.ไม่ถูกต้องตามขั้นตอน เนื่องจากไม่ผ่านการพิจารณาของรองปลัดกระทรวงกลาโหม สายดูแลเรื่องยุทโธปกรณ์ คือ พล.ร.อ.บรรณวิทย์ เก่งเรียน ขณะนั้น

สอง พล.ร.อ.บรรณวิทย์ ออกมาท้วงติงการจัดซื้อว่า ยังมีปัญหาที่สำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน ( สตง. ) ตรวจสอบพบความไม่โปร่งใส ผลจากการเข้ามาขวางครั้งนั้นถึงกลับทำให้มีการโยกย้าย พล.ร.อ.บรรณวิทย์ ออกไปจากตำแหน่งรองปลัดกลาโหม

ต่อมาได้มีการเสนอกลับมาใหม่ และ ครม.ขิงแก่ก็อนุมัติในหลักการ แต่กระทรวงกลาโหม โดยพล.อ.บุญรอด ก็สั่งการให้ทบทวนเรื่องนี้ใหม่อีกครั้ง!

จากนั้นเรื่องนี้ก็เงียบหายไปในสายลมจนกระทั่งมาโผล่ในวันนี้แต่ประเด็นต่างๆ ที่ สตง.สอบไว้ก็ยังคาใจในหลายประเด็น

ประเด็นแรก ข้อเสนอด้านราคา ซึ่งราคาที่บริษัท เอ็น จี วี เอ็นเตอร์ไพรซ์ จำกัด ผู้ได้รับคัดเลือกแบบจากกองทัพบก เสนอราคาในขั้นตอนการคัดเลือก ประมาณคันละ 800,000 เหรียญสหรัฐ แต่ภายหลังกองทัพบก ชี้แจงว่า สถานทูตยูเครน ยืนยันราคาต่อคันที่เพิ่มสูงขึ้นจากราคาในขั้นตอนการคัดเลือกครั้งแรก

สตง. ชี้ว่า รายละเอียดของราคาต่อคันสูงกว่าที่เสนอในขั้นตอนการคัดเลือกครั้งแรกเป็นข้อสังเกตว่า ราคาที่ใช้ในการพิจารณาคัดเลือกแบบครั้งแรกไม่ใช่ราคาที่จะมีการตกลงซื้อขายกันจริง อาจเข้าข่ายความผิดตามพระราชบัญญัติความผิดว่าด้วยการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ พ.ศ. 2542!

ประเด็นที่สอง การดำเนินการจัดหายานเกราะล้อยางของกองทัพบกไม่โปร่งใส โดยในขั้นตอนการจัดหา กองทัพบกได้ประกาศเชิญชวนทำการคัดเลือกแบบยานเกราะล้อยาง ซึ่งในขั้นตอนนี้ มีผู้เข้าเสนอข้อมูลและเอกสารประกอบการพิจารณาภายในระยะเวลาที่กำหนดตามประกาศฯ จำนวน 8 บริษัท แต่เมื่อถึงวันพิจารณาคัดเลือกแบบ กลับปรากฏว่า มีบริษัทที่ไม่ได้มีรายชื่อในการเข้าเสนอข้อมูลตามวันเวลาที่กำหนดด้วย คือ บริษัท เอ็น จี วี เอ็นเตอร์ไพรซ์ จำกัด ซึ่งเสนอยานเกราะ รุ่น BTR –3E1 ของสาธารณรัฐยูเครน และเป็นผู้ได้รับการคัดเลือกจากกองทัพบก

ประการที่สาม ยานเกราะล้อยางรุ่น BTR –3E1 ของสาธารณรัฐยูเครน ไม่ได้ผลิตขึ้นมาใหม่แต่เป็นการนำยานเกราะรุ่นเก่าของรัสเซียมาปรับปรุงให้เป็นของใหม่

ที่ผ่านมา กองทัพบกได้ชี้แจงกระบวนการคัดเลือกแบบ รวมถึงคุณลักษณะเฉพาะและสมรรถนะยานเกราะล้อยางของสาธารณรัฐยูเครน และยืนยันว่า ได้ดำเนินการทุกขั้นตอนอย่างถูกต้อง โปร่งใส รวมทั้งจัดส่งสำเนาเอกสารหลักฐานประกอบคำชี้แจง

อย่างไรก็ตาม จากการพิจารณาคำชี้แจงพร้อมเอกสารหลักฐานของกองทัพบก สตง.พบว่า ยังไม่มีความชัดเจนในหลายกรณี เช่น เหตุผลและความจำเป็นรวมทั้งความเหมาะสมกรณีผ่อนผันให้บริษัท เอ็น จี วี เอ็นเตอร์ไพรซ์ จำกัด ซึ่งไม่ได้ยื่นเสนอข้อมูลภายในวันเวลาที่กำหนดตามประกาศฯ สามารถเข้าร่วมการคัดเลือกตั้ง โดยให้ยื่นข้อเสนอภายหลังบริษัทอื่น ทำให้เกิดความได้เปรียบเสียเปรียบผู้เสนอข้อมูลรายอื่นๆ โดยเฉพาะข้อเสนอด้านราคาดังกล่าว

การอนุมัติเซ็นจัดซื้ออย่างเงียบๆ ครั้งนี้ โดยที่กองทัพ และรัฐบาลไม่ยอมตอบคำถาม สตง.ทำความจริงให้ประจักษ์ย่อมเป็นเรื่องน่าหดหู่ใจเป็นอย่างยิ่งสำหรับประชาชนผู้เสียภาษี

ไม่อยากจะคิดจริงๆ ว่า นี่คือ การถ้อยทีถ้อยอาศัยกันระหว่างนายสมัคร กับพลเอก อนุพงษ์ เผ่าจินดา!

ท่านผู้อ่านสามารถแลกเปลี่ยนความคิดเห็นเพิ่มเติมได้ที่ เอ็มบล็อก http://mblog.manager.co.th/suwitcha67 หรือ E-mail suwitcha@manager.co.th
กำลังโหลดความคิดเห็น