ผู้จัดการรายวัน - กองทัพบกตบหน้า บช.น. ส่งหนังสือด่วนที่สุด จี้ให้ดำเนินคดีกับ “ดา ตอร์ปิโด” สมุน “หน้าเหลี่ยม” หลังจาบจ้วง “ในหลวง-พระราชินี” ย้ำจะติดตามความคืบหน้าตลอดเวลา ตำรวจนั่งไม่ติดบอกเตรียมออกหมายจับ ขณะที่ “ทักษิณ” ส่งทนายฟ้อง “สมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์” เรียก 100 ล้าน กรณีแฉหวังเป็นประธานาธิบดี พร้อมขอคุ้มครองชั่วคราวห้ามพูดให้ร้าย อ้างครอบครัว – ธุรกิจเสียหาย ตะลึงคลื่นมหาชนแห่ร่วมชุมนุมกู้ชาติเวทีพันธมิตรฯ ชลบุรีกระหึ่มหลายหมื่นคน
วานนี้ (21 ก.ค.) พ.อ.(หญิง) ศิริจันทร์ งาทอง รองโฆษกกองทัพบก เปิดเผยว่า ด้วยกองทัพบกได้รับทราบข้อมูลข่าวสาร ว่า น.ส.ดารณี ชาญเชิงศิลปกุล หรือ ดา ตอร์ปิโด ได้ขึ้นกล่าวปราศรัยในการชุมนุมของกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยขับไล่เผด็จการ (นปก.) ณ บริเวณท้องสนามหลวง เมื่อวันที่ 18 กรกฎาคม 2551 โดยมีการใช้ถ้อยคำดูหมิ่น หมิ่นประมาท หรือแสดงความอาฆาตมาดร้าย ต่อองค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ อันเป็นการกระทำความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 และถือเป็นการมิบังควรอย่างที่สุด
พ.อ.(หญิง) ศิริจันทร์กล่าวว่า จากการกระทำดังกล่าว กองทัพบกจึงได้มีหนังสือด่วนที่สุด เมื่อวันที่ 21 กรกฎาคม 2551 ถึง ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (ผบช.น.) เรื่อง ขอให้ดำเนินคดีกับผู้กระทำความผิดต่อองค์พระมหากษัตริย์ โดยเนื้อหาในหนังสือระบุว่า กองทัพบก ขอให้กองบัญชาการตำรวจนครบาล ได้กรุณาตรวจสอบการปราศรัยของ น.ส.ดารณี หากพบว่ามีการกระทำความผิดจริง ขอให้ดำเนินการตามกฎหมายต่อไป ทั้งนี้ หนังสือดังกล่าวได้ส่งไปยังกองบัญชาการตำรวจนครบาลแล้วในวันเดียวกัน
รองโฆษกกองทัพบก กล่าวอีกว่า กองทัพบกในฐานะที่เป็นหน่วยงานหลักที่มีหน้าที่ในการเทิดทูนไว้ ซึ่งสถาบัน ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ จะดำเนินการในทุกวิถีทาง เพื่อป้องกันมิให้มีการกระทำใดๆ อันเป็นการระคายเคืองเบื้องพระยุคลบาท โดยเด็ดขาด ทั้งนี้ กองทัพบกจะติดตามผลของการดำเนินคดีในเรื่องดังกล่าวอย่างใกล้ชิดต่อไป
**ตำรวจขยับออกหมายจับ "ดา"
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ช่วงบ่ายวันเดียวกัน พล.ต.ต.สุรชัย วาณิชเสนี ผบก.อก.บช.น.ทำหนังสือลับแจ้งถึง รอง ผบช.น.ทุกนาย ว่า พล.ต.ท.อัศวิน ขวัญเมือง ผบช.น.ประธานคณะกรรมการพิจารณาคดีหมิ่นฯเบื้องสูง ของ บช.น.เรียกประชุมคณะกรรมการทุกนาย เวลา 17.00 น. ณ ห้องประชุมปารุสกวัน 2 บช.น.เพื่อพิจารณาคดีหมิ่นฯ เบื้องสูง เหตุเกิดในท้องที่ สน.ชนะสงคราม ภายหลังก่อนหน้านี้เวลา 12.30 น. พล.ต.ต.อำนวย นิ่มมะโน ผบก.น.1 เรียกประชุม พนักงานสอบสวน สน.ชนะสงคราม นำโดย พ.ต.อ.รังสรรค์ ประดิษฐผล ผกก.สน.ชนะสงคราม ตลอดจนเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวน สน.ชนะสงคราม เพื่อตรวจสอบการรวบรวมพยานหลักฐานและสำนวนคดีหมิ่นฯ ก่อนนำเสนอให้บอร์ด บช.น.พิจารณาชี้ขาด
รายงานข่าวแจ้งว่า สน.ชนะสงคราม จะนำคดีหมิ่นเบื้องสูงที่มี น.ส.ดารณี ชาญเชิงศิลปกุล หรือดา ตอร์ปิโด ตกเป็นผู้ต้องหา เข้ามาพิจารณา ซึ่งก่อนหน้านี้นายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ขึ้นปราศรัยที่เวทีสะพานมัฆวานรังสรรค์ ระบุว่านายตำรวจไม่เร่งรีบจัดการกรณีจาบจ้วงสถาบันของ น.ส.ดารณี ซึ่งได้กล่าวหมิ่นเบื้องสูงบนเวทีสนามหลวงเมื่อวันที่ 18 ก.ค.ขณะที่คดีของนายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ หนึ่งในแกนนำพันธมิตร ทั้ง พล.ต.ต.อำนวย นิ่มมะโน ผู้บังคับการตำรวจนครบาล 1 และ พล.ต.ท.อัศวิน ขวัญเมือง ผบช.น.กลับรีบเร่งดำเนินการ ทั้งนี้หากที่ประชุมบอร์ดพิจารณาคดีหมิ่นฯ บช.น.มีความเห็นว่า น.ส.ดารณี มีความผิดก็จะขออนุมัติศาลอาญาออกหมายจับเพื่อดำเนินคดีต่อไปทันที
***“ภูวดล” จวก ตร.หูทวนลม “ดา”
เวลาประมาณ 19.30 น.นายภูวดล ทรงประเสริฐ อาจารย์คณะสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ กล่าวบนเวทีพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ที่เชิงสะพานมัฆวาน ว่า กรณี “ดา ตอร์ปิโด” หนึ่งในสมาชิก นปก.พูดที่สนามหลวง เมื่อวันที่ 18 กรกฎาคม ที่ผ่านมา รัฐบาล หรือตำรวจ ไม่ได้ทำอะไรเลย โดยเฉพาะกองบัญชาการตำรวจนครบาล ที่ได้ส่งเจ้าหน้าที่ตำรวจสันติบาลที่ไปทำหน้าที่ที่สนามหลวงในช่วงหัวค่ำของวันที่ 18 นั้น ถือว่า ท่านกำลังฝ่าฝืนกฎหมาย เพราะนอกจากจะไม่จับคนดูหมิ่นสถาบันพระมหากษัตริย์ ซึ่งๆ หน้าแล้ว ยังปกปิดด้วย ซึ่งการกระทำครั้งนี้มีเอกสารเยอะแยะ แม้กระทั้ง กลุ่ม นปก.ที่มีจิตวิญญาณเป็นมนุษย์ รักสถาบันยังทนไม่ได้ต้องเอาหลักฐานมาให้เรา
ทั้งนี้ หากดูพฤติกรรมของระบอบนี้แล้ว จะเห็นว่า มีขบวนการล้มล้าง และหมิ่นพระบรมเดชานุภาพมานานแล้ว วันที่ 7 เมษายน 2551 ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นวันหยุดชดเชยวันจักรี สถานีโทรทัศน์ NBT ซึ่งมี จักรภพ เพ็ญแข รมต.สำนักนายกฯ กำกับดูแลในขณะนั้น ตำรวจยังสอบสวนไปไม่ถึงไหนในคดีหมิ่นเช่นกัน ออกอากาศเรื่องการโค่นล้มราชวงศ์ฝรั่งเศสของพระเจ้าหลุยส์ที่ 16 และการล้มล้างราชวงศ์อังกฤษของโอลิเวอร์ ครอมเวลล์ แค่นั้นไม่พอ เมื่อวันที่ 14-16 เมษายน 2551 สถานีช่อง NBT ก็เสนอการล้มลงของกษัตริย์เนปาล หลังจากนั้น วันที่ 19 เมษายน ก็มีการท้าทายพระราชอำนาจของพระเจ้าอยู่หัว ด้วยการถวายฎีกาคัดค้านพลเอกสุรยุทธ์ จุลานนท์ ว่า ไม่เหมาะสมที่จะเป็นองคมนตรี
อีกกรณีหนึ่ง คือ วันที่ 22 เมษายน นายโชติศักดิ์ อ่อนสูง ได้เดินทางมารับทราบข้อกล่าวหา ฐานไม่ยืนเคารพเพลงสรรเสริญพระบารมี หลังจากนั้น น.ส.จิตรา คชเดช ประธานสหภาพแรงงานโรงงานไทรอัมพ์ ก็ใส่เสื้อยืดที่มีข้อความ “ไม่ยืนไม่ใช่อาชญากร คิดต่างไม่ใช่อาชญากรรม” มาออกรายการที่ช่องเอ็นบีที
“พี่น้องจงจำไว้ว่า ดา ตอร์ปิโด ลูกจีนต่างด้าว เป็นคนกร่างที่สุด ทำตัวเป็นสมุนรับใช้ วันนี้ทำงานในพีทีวี และประสานงานในช่อง 11 จำไว้ว่า ถ้าสถาบันพระมหากษัตริย์ ยังถูกลบหลู่จากคนเหล่านี้ โดยที่ตำรวจไม่ทำอะไร เชื่อว่า ไม่นานแผ่นดินจะลุกเป็นไฟอย่างแน่นอน” นายภูวดลกล่าว
***สมเกียรติจวกปตท.สร้างภาพน้ำดีตบตา
เวลา 20.40 น.นายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ขึ้นเวทีปราศรัยที่สะพานมัฆวาน ว่า การทำงานของระบบตุลาการภิวัตน์กำลังเดินหน้า หลายเรื่องที่เกี่ยวข้องกับระบอบทักษิณกำลังจะไปจบลงที่ศาล กระบวนการเดินหน้าขัดขวางทำทุกวิธีทางเพื่อถ่วงดุลอำนาจของศาลจึงเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทั้งการกล่าวหาคณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ (คตส.) และคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ที่เป็นรายล่าสุด
ทั้งนี้ นายสมเกียรติ ได้ย้ำถึงภารกิจการทวงคืน บริษัท ปตท.จำกัด (มหาชน) โดยระบุว่า หลังจาก ปตท.มีการแปรรูปไปเป็นบริษัทเอกชน ในแต่ละปี ปตท.มีกำไรเพิ่มมากขึ้น แต่กลับกันปั๊มน้ำมันกว่า 18,000 แห่ง ต้องประกาศหยุดกิจการ คงเหลือแต่ ปตท.ที่ผูกขาดน้ำมันไว้เพียงรายเดียว
“หลังจากระบอบทักษิณและทรราชการเงินเข้ายึด ปตท.ตั้งแต่เมื่อวันที่ 6 ธ.ค.2544 ปตท.มีกำไรอย่างต่อเนื่อง ทั้งจากราคาหุ้นที่พุ่งสูงขึ้น จากที่เปิดขายในครั้งแรกราคาหุ้นละ 35 บาท แต่ถึงวันนี้หุ้น ปตท.ถีบตัวสูงขึ้นถึงหุ้นละ 352 บาท กำไรกว่า 600 เปอร์เซ็นต์ เห็นๆ ถามว่าใครได้ประโยชน์ นอกจากทรราชการเงินที่เข้ามาครอบครอง ปตท.ตั้งแต่ต้นนั่นเอง” นายสมเกียรติ กล่าว
นายสมเกียรติ เปิดเผยอีกว่า ปตท.ชอบแต่สร้างภาพลักษณ์ เห็นได้จากแต่ละครั้งที่บริษัทน้ำมันประกาศขึ้นราคา ปตท.จะไม่ประกาศขึ้นตามในทันที คอยประกาศขึ้นทีละครั้ง จนราคาเท่ากับบริษัทน้ำมันรายอื่น ประชาชนไม่รู้ เชื่อโดยสนิทใจว่าเป็นการช่วยเหลือประชาชน แต่ความจริงนั้นไม่ใช่ เป็นการสร้างภาพลักษณ์ให้ตัวเองดูดีเท่านั้น
นอกจากนี้ นายสมเกียรติ ยังประกาศเดินหน้าสู้เพื่อความถูกต้อง แม้ตัวเองจะถูกฟ้องร้องก็พร้อมที่จะพิสูจน์ ถึงแม้ว่าการถูกฟ้องในครั้งนี้ จะเป็นการฟ้องแบบไม่เลือกหน้า แต่ก็พร้อมและไม่หวั่นกลับสิ่งที่เกิดขึ้น ขณะเดียวกันก็ยังจะเดินหน้าตรวจสอบรัฐบาล ยอมเสียอวัยวะเพื่อรักษาชีวิต และสละชีวิตเพื่อธรรมะที่ถูกต้องต่อไป
**ทักษิณฟ้องสมเกียรติ 100 ล้าน
วานนี้ (21 ก.ค.) เมื่อเวลา 13.30 น. ที่ศาลแพ่ง ถ.รัชดาภิเษก พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี มอบอำนาจให้นายวานิจ ปิณฑวนิช ทนายความเป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ,บริษัทเอเอสทีวี (ประเทศไทย) จำกัด และบริษัทไทยเดย์ดอทคอม จำกัด เป็นจำเลยที่ 1-3ในความผิดฐานละเมิด เรียกค่าเสียหาย 100 ล้านบาทพร้อมดอกเบี้ย ร้อยละ 7.5 ต่อปี
โดยโจทก์บรรยายฟ้องสรุปว่า ตั้งแต่วันที่ 25 พ.ค.51 ถึงปัจจุบัน จำเลยกับพวกรวม 5 คน ประกอบด้วย นายสนธิ ลิ้มทองกุล นายพิภพ ธงไชย พล.ต.จำลอง ศรีเมือง และนายสมศักดิ์ โกสัยสุข ในนามกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ได้ร่วมกันจัดการชุมนุม และเวทีปราศรัยตามสถานที่ต่างๆ อย่างต่อเนื่อง โดยจำเลยกับพวกได้ออกแถลงการณ์รวม 5 ฉบับ อีกทั้งจำเลยยังได้กล่าวปราศรัยบนเวทีพันธมิตรฯ เมื่อคืนวันที่ 25, 26 และ 31 พ.ค.51 มีเนื้อหาให้ร้ายโจทก์ทำนองว่า โจทก์ต้องการเปลี่ยนแปลงการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข เป็นระบบสาธารณรัฐ โดยโจทก์หวังเป็นประธานาธิบดี
นอกจากนี้โจทก์ยังเกี่ยวข้องกับการโยกย้ายข้าราชการอย่างไม่ชอบธรรม พยายามเข้าไปยุ่งเหยิงกับกระบวนการการยุติธรรม และผลักดันให้รัฐบาลพยายามแก้ไขรัฐธรรมนูญ เพื่อให้ตัวเองและพวกพ้องไม่ต้องรับโทษ ซึ่งทำให้โจทก์และครอบครัวได้รับความเสียหายจึงขอให้ศาลลงโทษจำเลยตามความผิดด้วย
ศาลรับคำฟ้องไว้พิจารณาและนัดชี้สองสถานในวันที่ 27 ต.ค.นี้ เวลา 13.30 น.
ทั้งนี้โจทก์ยังได้ยื่นคำร้องขอไต่สวนฉุกเฉินให้ศาลมีคำสั่ง ห้ามไม่ให้จำเลยที่ 1 กระทำการอันก่อให้เกิดความเสียหายแก่โจทก์รวมทั้งห้ามนำเอาถ้อยคำที่ทำให้เข้าใจว่าเป็นโจทก์มากล่าวในทางเสียหาย และห้ามจำเลยที่ 2 และ 3 เผยแพร่ถ้อยคำของจำเลยที่ 1 ซึ่งอาจทำให้โจทก์ได้รับความเสียหาย
โดยทนายโจทก์นำนายวานิจ ปิณฑวนิช ทนายความผู้รับมอบอำนาจจาก พ.ต.ท.ทักษิณ ขึ้นเบิกความยืนยันถึงความจำเป็นที่ต้องขอให้ศาลมีคำสั่งคุ้มครองชั่วคราว เนื่องจากที่ผ่านมาจำเลยได้กล่าวให้ร้ายโจทก์และครอบครัวให้ได้รับความเสียหาย และถูกดูหมิ่นและเกลียดชังจากประชาชนทั่วไป รวมทั้งส่งผลกระทบต่อการประกอบธุรกิจของโจทก์ โดยหลังตอบคำถามทนายโจทก์เสร็จสิ้น ศาลนัดพยานทำการไต่สวนอีกครั้งเพื่อตอบคำถามค้านทนายจำเลยในวันที่วันที่ 23 ก.ค.นี้ เวลา 13.30 น.
**คน ตอ.ร่วมเวทีพันธมิตรฯชลคึกคัก
ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศการเปิดเวทีใหญ่ของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยจังหวัดชลบุรี ในประเด็นหัวข้อเรื่อง “โค่นระบอบทักษิณ-ไล่รัฐบาลหุ่นเชิด” ที่บริเวณหน้าที่ว่าการอำเภอเมืองชลบุรีตั้งแต่ช่วงเย็นวานนี้ว่า เป็นไปอย่างคึกคัก โดยพบว่ามีประชาชนในพื้นที่ ตลอดจนจังหวัดใกล้เคียงเดินทางมาร่วมกิจกรรมดังกล่าวกันจำนวนมาก โดยในช่วงเวลาประมาณ 18.30 น.มีประชาชนเดินทางมาร่วมกว่า 5,000 คน ในช่วงหัวค่ำ ท่ามกลางการดูแลรักษาความปลอดภัยของกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจจำนวนมาก ขณะเดียวกันไม่พบว่ามีกลุ่มคัดค้านมาก่อกวนแต่อย่างใด ล่าสุดช่วงดึกผู้ที่มาร่วมชุมนุมเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จนคาดว่าการชุมนุมในครั้งนี้น่าจะมีคนร่วมประมาณ 4-5 หมื่นคนด้วยกัน
สำหรับกิจกรรมช่วงแรกบนเวทีเป็นการแนะนำตัวแกนนำพันธมิตรฯจากส่วนอำเภอต่างๆ ของจังหวัดชลบุรี จากนั้นประธานเครือข่ายประชาชนต้านคอร์รัปชัน นายวีระ สมความคิด ได้ขึ้นเวทีมาเล่าเหตุการณ์จากการเดินทางไปที่ปราสาทพระวิหาร ซึ่งสร้างความสนใจให้กับผู้ร่วมชุมนุมเป็นอย่างมาก
ในกิจกรรมการเมืองภาคประชาชนครั้งนี้ มีทีมพันธมิตรฯจากส่วนกลางเข้าร่วมด้วย อาทิ นายพิภพ ธงไชย, นายสมศักดิ์ โกศัยสุข, นายสุริยะใส กตะศิลา, นายอมร อมรรัตนานนท์ และอัญชลี ไพรีรัก ซึ่งพบว่าประชาชนผู้เข้าร่วมชุมนุมต่างพากันถ่ายภาพเป็นที่ระลึกกับทีมพันธมิตรฯ กันคึกคัก
นอกจากนี้ ที่บริเวณรอบกิจกรรมพบว่า ประชาชนต่างออกร้านนำอาหารและเครื่องดื่มมาคอยบริการให้กับผู้ร่วมชุมนุม ซึ่งสร้างบรรยากาศความเป็นกันเองให้กิจกรรมดังกล่าวเป็นอย่างมาก
มีรายงานเพิ่มเติมว่าจากการเดินทางเข้าร่วมรับฟังการปราศรัยของกลุ่มพันธมิตรในครั้งนี้ ปรากฏว่ามีประชาชนจำนวนมากแสดงเจตจำนงที่จะเข้าร่วมบริจาคทรัพย์ให้กับกองทุนของพันธมิตรอย่างต่อเนื่องจนมียอดบริจาคแล้วกว่า 2 แสนบาท และน่าจะมีปริมาณสูงขึ้นโดยตลอดจนคาดว่าจะมียอดบริจาคสูงสุดจากที่เคยได้รับบริจาคมาในพื้นที่ต่างจังหวัดของประเทศ
ชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรฯ ครั้งนี้ได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดีจากนายประชา เตรัตน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดชลบุรี รวมถึงการดูแลรักษาความเรียบร้อยและอำนวยความสะดวกของเจ้าหน้าที่ตำรวจจากสำนักงานตำรวจภูธรภาค 2 ขณะที่ยอดผู้ชุมนุมนั้นมีการทยอยเดินทางเข้ามาสมทบกันมากขึ้นเรื่อยๆ จนทำให้บริเวณเวทีแออัดยัดเยียดไปด้วยผู้คนและมีการทะลักออกไปจนถึงบริเวณถนนรอบนอก แต่สถานการณ์ก็เป็นไปด้วยความสงบ.
วานนี้ (21 ก.ค.) พ.อ.(หญิง) ศิริจันทร์ งาทอง รองโฆษกกองทัพบก เปิดเผยว่า ด้วยกองทัพบกได้รับทราบข้อมูลข่าวสาร ว่า น.ส.ดารณี ชาญเชิงศิลปกุล หรือ ดา ตอร์ปิโด ได้ขึ้นกล่าวปราศรัยในการชุมนุมของกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยขับไล่เผด็จการ (นปก.) ณ บริเวณท้องสนามหลวง เมื่อวันที่ 18 กรกฎาคม 2551 โดยมีการใช้ถ้อยคำดูหมิ่น หมิ่นประมาท หรือแสดงความอาฆาตมาดร้าย ต่อองค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ อันเป็นการกระทำความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 และถือเป็นการมิบังควรอย่างที่สุด
พ.อ.(หญิง) ศิริจันทร์กล่าวว่า จากการกระทำดังกล่าว กองทัพบกจึงได้มีหนังสือด่วนที่สุด เมื่อวันที่ 21 กรกฎาคม 2551 ถึง ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (ผบช.น.) เรื่อง ขอให้ดำเนินคดีกับผู้กระทำความผิดต่อองค์พระมหากษัตริย์ โดยเนื้อหาในหนังสือระบุว่า กองทัพบก ขอให้กองบัญชาการตำรวจนครบาล ได้กรุณาตรวจสอบการปราศรัยของ น.ส.ดารณี หากพบว่ามีการกระทำความผิดจริง ขอให้ดำเนินการตามกฎหมายต่อไป ทั้งนี้ หนังสือดังกล่าวได้ส่งไปยังกองบัญชาการตำรวจนครบาลแล้วในวันเดียวกัน
รองโฆษกกองทัพบก กล่าวอีกว่า กองทัพบกในฐานะที่เป็นหน่วยงานหลักที่มีหน้าที่ในการเทิดทูนไว้ ซึ่งสถาบัน ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ จะดำเนินการในทุกวิถีทาง เพื่อป้องกันมิให้มีการกระทำใดๆ อันเป็นการระคายเคืองเบื้องพระยุคลบาท โดยเด็ดขาด ทั้งนี้ กองทัพบกจะติดตามผลของการดำเนินคดีในเรื่องดังกล่าวอย่างใกล้ชิดต่อไป
**ตำรวจขยับออกหมายจับ "ดา"
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ช่วงบ่ายวันเดียวกัน พล.ต.ต.สุรชัย วาณิชเสนี ผบก.อก.บช.น.ทำหนังสือลับแจ้งถึง รอง ผบช.น.ทุกนาย ว่า พล.ต.ท.อัศวิน ขวัญเมือง ผบช.น.ประธานคณะกรรมการพิจารณาคดีหมิ่นฯเบื้องสูง ของ บช.น.เรียกประชุมคณะกรรมการทุกนาย เวลา 17.00 น. ณ ห้องประชุมปารุสกวัน 2 บช.น.เพื่อพิจารณาคดีหมิ่นฯ เบื้องสูง เหตุเกิดในท้องที่ สน.ชนะสงคราม ภายหลังก่อนหน้านี้เวลา 12.30 น. พล.ต.ต.อำนวย นิ่มมะโน ผบก.น.1 เรียกประชุม พนักงานสอบสวน สน.ชนะสงคราม นำโดย พ.ต.อ.รังสรรค์ ประดิษฐผล ผกก.สน.ชนะสงคราม ตลอดจนเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวน สน.ชนะสงคราม เพื่อตรวจสอบการรวบรวมพยานหลักฐานและสำนวนคดีหมิ่นฯ ก่อนนำเสนอให้บอร์ด บช.น.พิจารณาชี้ขาด
รายงานข่าวแจ้งว่า สน.ชนะสงคราม จะนำคดีหมิ่นเบื้องสูงที่มี น.ส.ดารณี ชาญเชิงศิลปกุล หรือดา ตอร์ปิโด ตกเป็นผู้ต้องหา เข้ามาพิจารณา ซึ่งก่อนหน้านี้นายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ขึ้นปราศรัยที่เวทีสะพานมัฆวานรังสรรค์ ระบุว่านายตำรวจไม่เร่งรีบจัดการกรณีจาบจ้วงสถาบันของ น.ส.ดารณี ซึ่งได้กล่าวหมิ่นเบื้องสูงบนเวทีสนามหลวงเมื่อวันที่ 18 ก.ค.ขณะที่คดีของนายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ หนึ่งในแกนนำพันธมิตร ทั้ง พล.ต.ต.อำนวย นิ่มมะโน ผู้บังคับการตำรวจนครบาล 1 และ พล.ต.ท.อัศวิน ขวัญเมือง ผบช.น.กลับรีบเร่งดำเนินการ ทั้งนี้หากที่ประชุมบอร์ดพิจารณาคดีหมิ่นฯ บช.น.มีความเห็นว่า น.ส.ดารณี มีความผิดก็จะขออนุมัติศาลอาญาออกหมายจับเพื่อดำเนินคดีต่อไปทันที
***“ภูวดล” จวก ตร.หูทวนลม “ดา”
เวลาประมาณ 19.30 น.นายภูวดล ทรงประเสริฐ อาจารย์คณะสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ กล่าวบนเวทีพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ที่เชิงสะพานมัฆวาน ว่า กรณี “ดา ตอร์ปิโด” หนึ่งในสมาชิก นปก.พูดที่สนามหลวง เมื่อวันที่ 18 กรกฎาคม ที่ผ่านมา รัฐบาล หรือตำรวจ ไม่ได้ทำอะไรเลย โดยเฉพาะกองบัญชาการตำรวจนครบาล ที่ได้ส่งเจ้าหน้าที่ตำรวจสันติบาลที่ไปทำหน้าที่ที่สนามหลวงในช่วงหัวค่ำของวันที่ 18 นั้น ถือว่า ท่านกำลังฝ่าฝืนกฎหมาย เพราะนอกจากจะไม่จับคนดูหมิ่นสถาบันพระมหากษัตริย์ ซึ่งๆ หน้าแล้ว ยังปกปิดด้วย ซึ่งการกระทำครั้งนี้มีเอกสารเยอะแยะ แม้กระทั้ง กลุ่ม นปก.ที่มีจิตวิญญาณเป็นมนุษย์ รักสถาบันยังทนไม่ได้ต้องเอาหลักฐานมาให้เรา
ทั้งนี้ หากดูพฤติกรรมของระบอบนี้แล้ว จะเห็นว่า มีขบวนการล้มล้าง และหมิ่นพระบรมเดชานุภาพมานานแล้ว วันที่ 7 เมษายน 2551 ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นวันหยุดชดเชยวันจักรี สถานีโทรทัศน์ NBT ซึ่งมี จักรภพ เพ็ญแข รมต.สำนักนายกฯ กำกับดูแลในขณะนั้น ตำรวจยังสอบสวนไปไม่ถึงไหนในคดีหมิ่นเช่นกัน ออกอากาศเรื่องการโค่นล้มราชวงศ์ฝรั่งเศสของพระเจ้าหลุยส์ที่ 16 และการล้มล้างราชวงศ์อังกฤษของโอลิเวอร์ ครอมเวลล์ แค่นั้นไม่พอ เมื่อวันที่ 14-16 เมษายน 2551 สถานีช่อง NBT ก็เสนอการล้มลงของกษัตริย์เนปาล หลังจากนั้น วันที่ 19 เมษายน ก็มีการท้าทายพระราชอำนาจของพระเจ้าอยู่หัว ด้วยการถวายฎีกาคัดค้านพลเอกสุรยุทธ์ จุลานนท์ ว่า ไม่เหมาะสมที่จะเป็นองคมนตรี
อีกกรณีหนึ่ง คือ วันที่ 22 เมษายน นายโชติศักดิ์ อ่อนสูง ได้เดินทางมารับทราบข้อกล่าวหา ฐานไม่ยืนเคารพเพลงสรรเสริญพระบารมี หลังจากนั้น น.ส.จิตรา คชเดช ประธานสหภาพแรงงานโรงงานไทรอัมพ์ ก็ใส่เสื้อยืดที่มีข้อความ “ไม่ยืนไม่ใช่อาชญากร คิดต่างไม่ใช่อาชญากรรม” มาออกรายการที่ช่องเอ็นบีที
“พี่น้องจงจำไว้ว่า ดา ตอร์ปิโด ลูกจีนต่างด้าว เป็นคนกร่างที่สุด ทำตัวเป็นสมุนรับใช้ วันนี้ทำงานในพีทีวี และประสานงานในช่อง 11 จำไว้ว่า ถ้าสถาบันพระมหากษัตริย์ ยังถูกลบหลู่จากคนเหล่านี้ โดยที่ตำรวจไม่ทำอะไร เชื่อว่า ไม่นานแผ่นดินจะลุกเป็นไฟอย่างแน่นอน” นายภูวดลกล่าว
***สมเกียรติจวกปตท.สร้างภาพน้ำดีตบตา
เวลา 20.40 น.นายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ขึ้นเวทีปราศรัยที่สะพานมัฆวาน ว่า การทำงานของระบบตุลาการภิวัตน์กำลังเดินหน้า หลายเรื่องที่เกี่ยวข้องกับระบอบทักษิณกำลังจะไปจบลงที่ศาล กระบวนการเดินหน้าขัดขวางทำทุกวิธีทางเพื่อถ่วงดุลอำนาจของศาลจึงเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทั้งการกล่าวหาคณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ (คตส.) และคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ที่เป็นรายล่าสุด
ทั้งนี้ นายสมเกียรติ ได้ย้ำถึงภารกิจการทวงคืน บริษัท ปตท.จำกัด (มหาชน) โดยระบุว่า หลังจาก ปตท.มีการแปรรูปไปเป็นบริษัทเอกชน ในแต่ละปี ปตท.มีกำไรเพิ่มมากขึ้น แต่กลับกันปั๊มน้ำมันกว่า 18,000 แห่ง ต้องประกาศหยุดกิจการ คงเหลือแต่ ปตท.ที่ผูกขาดน้ำมันไว้เพียงรายเดียว
“หลังจากระบอบทักษิณและทรราชการเงินเข้ายึด ปตท.ตั้งแต่เมื่อวันที่ 6 ธ.ค.2544 ปตท.มีกำไรอย่างต่อเนื่อง ทั้งจากราคาหุ้นที่พุ่งสูงขึ้น จากที่เปิดขายในครั้งแรกราคาหุ้นละ 35 บาท แต่ถึงวันนี้หุ้น ปตท.ถีบตัวสูงขึ้นถึงหุ้นละ 352 บาท กำไรกว่า 600 เปอร์เซ็นต์ เห็นๆ ถามว่าใครได้ประโยชน์ นอกจากทรราชการเงินที่เข้ามาครอบครอง ปตท.ตั้งแต่ต้นนั่นเอง” นายสมเกียรติ กล่าว
นายสมเกียรติ เปิดเผยอีกว่า ปตท.ชอบแต่สร้างภาพลักษณ์ เห็นได้จากแต่ละครั้งที่บริษัทน้ำมันประกาศขึ้นราคา ปตท.จะไม่ประกาศขึ้นตามในทันที คอยประกาศขึ้นทีละครั้ง จนราคาเท่ากับบริษัทน้ำมันรายอื่น ประชาชนไม่รู้ เชื่อโดยสนิทใจว่าเป็นการช่วยเหลือประชาชน แต่ความจริงนั้นไม่ใช่ เป็นการสร้างภาพลักษณ์ให้ตัวเองดูดีเท่านั้น
นอกจากนี้ นายสมเกียรติ ยังประกาศเดินหน้าสู้เพื่อความถูกต้อง แม้ตัวเองจะถูกฟ้องร้องก็พร้อมที่จะพิสูจน์ ถึงแม้ว่าการถูกฟ้องในครั้งนี้ จะเป็นการฟ้องแบบไม่เลือกหน้า แต่ก็พร้อมและไม่หวั่นกลับสิ่งที่เกิดขึ้น ขณะเดียวกันก็ยังจะเดินหน้าตรวจสอบรัฐบาล ยอมเสียอวัยวะเพื่อรักษาชีวิต และสละชีวิตเพื่อธรรมะที่ถูกต้องต่อไป
**ทักษิณฟ้องสมเกียรติ 100 ล้าน
วานนี้ (21 ก.ค.) เมื่อเวลา 13.30 น. ที่ศาลแพ่ง ถ.รัชดาภิเษก พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี มอบอำนาจให้นายวานิจ ปิณฑวนิช ทนายความเป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ,บริษัทเอเอสทีวี (ประเทศไทย) จำกัด และบริษัทไทยเดย์ดอทคอม จำกัด เป็นจำเลยที่ 1-3ในความผิดฐานละเมิด เรียกค่าเสียหาย 100 ล้านบาทพร้อมดอกเบี้ย ร้อยละ 7.5 ต่อปี
โดยโจทก์บรรยายฟ้องสรุปว่า ตั้งแต่วันที่ 25 พ.ค.51 ถึงปัจจุบัน จำเลยกับพวกรวม 5 คน ประกอบด้วย นายสนธิ ลิ้มทองกุล นายพิภพ ธงไชย พล.ต.จำลอง ศรีเมือง และนายสมศักดิ์ โกสัยสุข ในนามกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ได้ร่วมกันจัดการชุมนุม และเวทีปราศรัยตามสถานที่ต่างๆ อย่างต่อเนื่อง โดยจำเลยกับพวกได้ออกแถลงการณ์รวม 5 ฉบับ อีกทั้งจำเลยยังได้กล่าวปราศรัยบนเวทีพันธมิตรฯ เมื่อคืนวันที่ 25, 26 และ 31 พ.ค.51 มีเนื้อหาให้ร้ายโจทก์ทำนองว่า โจทก์ต้องการเปลี่ยนแปลงการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข เป็นระบบสาธารณรัฐ โดยโจทก์หวังเป็นประธานาธิบดี
นอกจากนี้โจทก์ยังเกี่ยวข้องกับการโยกย้ายข้าราชการอย่างไม่ชอบธรรม พยายามเข้าไปยุ่งเหยิงกับกระบวนการการยุติธรรม และผลักดันให้รัฐบาลพยายามแก้ไขรัฐธรรมนูญ เพื่อให้ตัวเองและพวกพ้องไม่ต้องรับโทษ ซึ่งทำให้โจทก์และครอบครัวได้รับความเสียหายจึงขอให้ศาลลงโทษจำเลยตามความผิดด้วย
ศาลรับคำฟ้องไว้พิจารณาและนัดชี้สองสถานในวันที่ 27 ต.ค.นี้ เวลา 13.30 น.
ทั้งนี้โจทก์ยังได้ยื่นคำร้องขอไต่สวนฉุกเฉินให้ศาลมีคำสั่ง ห้ามไม่ให้จำเลยที่ 1 กระทำการอันก่อให้เกิดความเสียหายแก่โจทก์รวมทั้งห้ามนำเอาถ้อยคำที่ทำให้เข้าใจว่าเป็นโจทก์มากล่าวในทางเสียหาย และห้ามจำเลยที่ 2 และ 3 เผยแพร่ถ้อยคำของจำเลยที่ 1 ซึ่งอาจทำให้โจทก์ได้รับความเสียหาย
โดยทนายโจทก์นำนายวานิจ ปิณฑวนิช ทนายความผู้รับมอบอำนาจจาก พ.ต.ท.ทักษิณ ขึ้นเบิกความยืนยันถึงความจำเป็นที่ต้องขอให้ศาลมีคำสั่งคุ้มครองชั่วคราว เนื่องจากที่ผ่านมาจำเลยได้กล่าวให้ร้ายโจทก์และครอบครัวให้ได้รับความเสียหาย และถูกดูหมิ่นและเกลียดชังจากประชาชนทั่วไป รวมทั้งส่งผลกระทบต่อการประกอบธุรกิจของโจทก์ โดยหลังตอบคำถามทนายโจทก์เสร็จสิ้น ศาลนัดพยานทำการไต่สวนอีกครั้งเพื่อตอบคำถามค้านทนายจำเลยในวันที่วันที่ 23 ก.ค.นี้ เวลา 13.30 น.
**คน ตอ.ร่วมเวทีพันธมิตรฯชลคึกคัก
ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศการเปิดเวทีใหญ่ของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยจังหวัดชลบุรี ในประเด็นหัวข้อเรื่อง “โค่นระบอบทักษิณ-ไล่รัฐบาลหุ่นเชิด” ที่บริเวณหน้าที่ว่าการอำเภอเมืองชลบุรีตั้งแต่ช่วงเย็นวานนี้ว่า เป็นไปอย่างคึกคัก โดยพบว่ามีประชาชนในพื้นที่ ตลอดจนจังหวัดใกล้เคียงเดินทางมาร่วมกิจกรรมดังกล่าวกันจำนวนมาก โดยในช่วงเวลาประมาณ 18.30 น.มีประชาชนเดินทางมาร่วมกว่า 5,000 คน ในช่วงหัวค่ำ ท่ามกลางการดูแลรักษาความปลอดภัยของกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจจำนวนมาก ขณะเดียวกันไม่พบว่ามีกลุ่มคัดค้านมาก่อกวนแต่อย่างใด ล่าสุดช่วงดึกผู้ที่มาร่วมชุมนุมเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จนคาดว่าการชุมนุมในครั้งนี้น่าจะมีคนร่วมประมาณ 4-5 หมื่นคนด้วยกัน
สำหรับกิจกรรมช่วงแรกบนเวทีเป็นการแนะนำตัวแกนนำพันธมิตรฯจากส่วนอำเภอต่างๆ ของจังหวัดชลบุรี จากนั้นประธานเครือข่ายประชาชนต้านคอร์รัปชัน นายวีระ สมความคิด ได้ขึ้นเวทีมาเล่าเหตุการณ์จากการเดินทางไปที่ปราสาทพระวิหาร ซึ่งสร้างความสนใจให้กับผู้ร่วมชุมนุมเป็นอย่างมาก
ในกิจกรรมการเมืองภาคประชาชนครั้งนี้ มีทีมพันธมิตรฯจากส่วนกลางเข้าร่วมด้วย อาทิ นายพิภพ ธงไชย, นายสมศักดิ์ โกศัยสุข, นายสุริยะใส กตะศิลา, นายอมร อมรรัตนานนท์ และอัญชลี ไพรีรัก ซึ่งพบว่าประชาชนผู้เข้าร่วมชุมนุมต่างพากันถ่ายภาพเป็นที่ระลึกกับทีมพันธมิตรฯ กันคึกคัก
นอกจากนี้ ที่บริเวณรอบกิจกรรมพบว่า ประชาชนต่างออกร้านนำอาหารและเครื่องดื่มมาคอยบริการให้กับผู้ร่วมชุมนุม ซึ่งสร้างบรรยากาศความเป็นกันเองให้กิจกรรมดังกล่าวเป็นอย่างมาก
มีรายงานเพิ่มเติมว่าจากการเดินทางเข้าร่วมรับฟังการปราศรัยของกลุ่มพันธมิตรในครั้งนี้ ปรากฏว่ามีประชาชนจำนวนมากแสดงเจตจำนงที่จะเข้าร่วมบริจาคทรัพย์ให้กับกองทุนของพันธมิตรอย่างต่อเนื่องจนมียอดบริจาคแล้วกว่า 2 แสนบาท และน่าจะมีปริมาณสูงขึ้นโดยตลอดจนคาดว่าจะมียอดบริจาคสูงสุดจากที่เคยได้รับบริจาคมาในพื้นที่ต่างจังหวัดของประเทศ
ชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรฯ ครั้งนี้ได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดีจากนายประชา เตรัตน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดชลบุรี รวมถึงการดูแลรักษาความเรียบร้อยและอำนวยความสะดวกของเจ้าหน้าที่ตำรวจจากสำนักงานตำรวจภูธรภาค 2 ขณะที่ยอดผู้ชุมนุมนั้นมีการทยอยเดินทางเข้ามาสมทบกันมากขึ้นเรื่อยๆ จนทำให้บริเวณเวทีแออัดยัดเยียดไปด้วยผู้คนและมีการทะลักออกไปจนถึงบริเวณถนนรอบนอก แต่สถานการณ์ก็เป็นไปด้วยความสงบ.