ผู้ประสานงานพันธมิตรฯ อัดยับรัฐตำรวจจ้องรับใช้หุ่นเชิดไล่บี้พันธมิตรฯ เผยเร่งรีบเอาผิดแกนนำจนผิดสังเกต ขณะที่คดีที่เกี่ยวกับคนในระบอบทักษิณ กลับทำตัวนิ่งเฉย แถมหมกเรื่องไว้ในห้องทำงานพี่ชาย “หญิงอ้อ” จนคดีไม่คืบ ระบุทางออกสุดท้ายของรัฐบาล คือ ลาออกสถานเดียว
คลิกที่นี่ เพื่อฟัง นายสุริยะใส กตะศิลา ปราศรัย
วันนี้ (17 ก.ค.) เวลา 00.25 น.นายสุริยะใส กตะศิลา ผู้ประสานพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ขึ้นเวทีปราศรัยถึงกรณีนายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ หนึ่งในแกนนำพันธมิตรฯ ถูกดำเนินคดีในข้อหาหมิ่นเบื้องสูงว่า การออกหมายจับมีข้อน่าสังเกต โดยเฉพาะกรณีที่ไม่มีหมายเรียกไปให้ปากคำ และการดำเนินคดีมีการข้ามขั้นตอนไปสู่การออกหมายจับเลย ซึ่งเห็นว่าเป็นการเลือกปฏิบัติ เนื่องจากคดีที่เกี่ยวข้องกับฝ่ายรัฐบาลไม่ว่าจะเป็นของนายจักรภพ เพ็ญแข หากตีความคำสัมภาษณ์ของทั้งสองคน เห็นเจตนาชัดเจนว่า ใครทำไปด้วยความจงรักภักดี และใครทำไปด้วยความทรยศต่อสถาบัน
โดยเฉพาะก่อนพันธมิตรฯ จะชุมนุมหนึ่งสัปดาห์ กองปราบปรามซึ่งรับเรื่องนายจักรภพไปสอบสวนได้แถลงเพื่อลดกระแสการเคลื่อนไหวของพันธมิตรฯ โดยบอกว่าตำรวจเตรียมชี้มูลและสั่งฟ้องนายจักรภพ แต่ผ่านไปแล้ว 2 เดือนยังไม่สั่งฟ้องไปที่อัยการสูงสุด มิหนำซ้ำคดียังถูกดึงไปกะทันหัน ถ่วงไว้ในห้องทำงานของ พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ดามาพงศ์ (รอง ผบ.คร.) พี่ชายคุณหญิงพจมาน ชินวัตร อีกด้วย
นายสุริยะใส กล่าวต่อว่า นอกจากตำรวจจะแตะถ่วงคดีหมิ่นเบื้องสูงของนายจักรภพแล้วยังละเลยดำเนินการในคดีที่นายตำรวจท่านหนึ่งเข้าแจ้งความดำเนินคดี นายโชติศักดิ์ อ่อนสูง ในข้อหาหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ หลังจากไม่ยืนตรงเคารพเพลงสรรเสริญพระบารมีในโรงภาพยนตร์ ทั้งที่เรื่องนี้ตำรวจควรจะกระตือรือร้นเร่งรีบดำเนินการเพื่อให้เป็นคดีตัวอย่าง ไม่ให้ใครนำไปเป็นเยี่ยงอย่าง แต่กลับดองเรื่องไว้ที่ห้องทำงานของ พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ อีก ดังนั้นเชื่อว่า 2 ดคีนี้จะไม่มีวันสั่งฟ้องภายใต้รัฐบาลหุ่นเชิดอย่างแน่นอน ส่วนต่อกรณีของนายสมเกีตรติ เพียงแค่ไม่ถึง 10 วัน ตำรวจออกมาฟันธงตรงเผงว่าผิด พร้อมออกหมายจับทันที
ความเชื่องช้าของรัฐตำรวจยังไม่หมดเท่านั้น นายสุริยะใสยังชี้ให้เห็นความล่าช้าในคดีรุกที่ดินรถไฟที่ จ.บุรีรัมย์ ของนายชัย ชิดชอบ บิดานายเนวิน ชิดชอบ ล่าสุดคดีไม่มีความคืบหน้า หายเงียบ ตำรวจบอกกรมแผนที่ทหารยังไม่ส่งภาพถ่ายทางอากาศไปให้ ตกลงเป็นเรื่องของตำรวจหรือทหาร ทำไมเรื่องแผนที่เขาพระวิหาร กรมแผนที่ทหารกระตืรือร้นหรือเกิน หรือว่าตำรวจกำลังจะโยนความผิดให้กรมแผนที่ทหาร
นอกจากนี้ นายสุริยะใสยังเปิดโปงพฤติกรรมชั่วช้าสามานย์ โดยระบุว่า ในยุค พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส มีการตั้งกรรมการสอบ พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติในขณะนั้น มีการตรวจสอบการใช้งบประมาณที่ใช้ในการประชาสัมพันธ์ของตำรวจตรวจคนเข้าเมือง (ตม.) โดยผลสอบมีมูลว่าใช้เงินผิดประเภทจริง จึงส่งเรื่องไปที่นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี ในฐานะที่กำกับดูแลคณะกรรมการตำรวจแห่งชาติ ปรากฏว่านายสมัครดองเรื่องไว้ ว่ากันว่า นายสมัครต้องการยืมมือ พล.ต.อ.พัชรวาท ดำเนินคดี พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ ทั้งคดีหมิ่น คดีจัดซื้อจัดจ้าง หรือใช้เงินผิดประเภท หากไม่ดำเนินคดีนายสมัคร ก็จะดำเนินคดีกับพล.ต.อ.พัชรวาท เรื่องใช้งบ ตม.ผิดวินัย เรื่องจริงเท็จไม่ทราบ ตำรวจมีหน้าที่ชี้แจง
ทั้งนี้ ในช่วงท้าย นายสุริยะใสได้ตั้งข้อสังเกตที่มาของการออกหมายจับนายสมเกียรติอีกว่า สำหรับคดีนี้ นายธนะชาติ แสงประดับโชติ ผู้สมัคร ส.ส.พรรคพลังประชาชน เป็นคนเข้าแจ้งความดำเนินคดีนายสมเกียรติ เมื่อวันที่ 29 มิ.ย.ที่ผ่านมา นายธนะชาติ นั้นเป็นลูกน้องศุภชัย ใจสมุทร รองเลขาธิการพรรคพลังประชาชน ทำหน้าที่ฝ่ายกฎหมาย นอกจากนี้ยังเคยสวมรอยเป็นผู้ปกครองนักเรียนโรงเรียนราชวินิตมัธยม เข้าแจ้งความต่อศาลเพ่งทำให้พันธมิตรฯต้องย้ายการชุมนุมมาอยู่ที่สะพานมัฆวานรังสรรค์
ขณะเดียวกัน นายธนะชาติยังพยายามทุกวิถีทางที่จะร้องต่อ กกต.(คณะกรรมการการเลือกตั้ง) ให้ยุบพรรคประชาธิปัตย์ แต่กกต.ไม่เล่นด้วย เนื่องจากไม่มีข้อมูล พูดง่ายๆ นายธนะชาติ เป็นมือเป็นไม้ให้กับพรรคพลังประชาชนเพื่อเล่นงานฝ่ายตรงกันข้าม ครั้งนี้ก็มาเล่นงานนายสมเกียรติ ในคดีหมิ่นประมาท และดูหมิ่นพระมหากษัตริย์ ตำรวจก็รับลูกขออนุมัติออกหมายจับ ก็ไม่ว่ากัน ทุกอย่างต้องไปตามกฎหมาย
“เริ่มมีสัญญาณชัดเจน การใช้กฎหมายจับกุมแกนนำพันธมิตรฯ จากนี้ไปไม่ทราบว่าจะต้องโดนกันอีกกี่คดี จะมีการแทรกแซง หรือยืมมือคนอื่นเล่นงานพันธมิตรฯ อีกหรือไม่ อย่าเล่นเกมแตะถ่วงสลับเก้าอี้รัฐมนตรี ล่าสุดมีข่าวเตรียมย้าย ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ไปเป็นรัฐมนตรียุติธรรม ให้นายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ เป็นรัฐมนตรีมหาดไทย มันไม่ใช่ทางออกของรัฐบาล การปรับครม.ไม่ใช่คำตอบสุดท้าย แต่คำตอบสุดท้าย คือ รัฐบาลจะต้องลาออกไปโดยเร็วที่สุด” นายสุริยะใส กล่าวทิ้งท้าย
