ผู้จัดการรายวัน -IHL ตั้งเป้าโกยรายได้ปีนี้ 1,800 ล้านบาท หลังโชว์ผลงานไตรมาสแรกกำไรโตเหตุยอดจองเบาะหนังเพิ่ม และแผนการออกรถยนต์รุ่นใหม่ของผู้ผลิตยังมีต่อเนื่อง เผยไม่ได้สนเรื่องราคาหุ้นที่ขณะนี้เทรดต่ำกว่า 10 บาท เพราะผู้บริหารเน้นการบริหารงานเพื่อให้ผลประกอบการออกมาดี
แหล่งข่าวระดับสูง บริษัท อินเตอร์ไฮด์ จำกัด (มหาชน) ( IHL ) เปิดเผยว่าปีนี้ บริษัทตั้งเป้าการ เติบโตของรายได้ไว้ที่ระดับ 1,800 ล้านบาทหรือเพิ่มจากปีก่อน 20% อันเป็นผลจากยอดสั่งซื้อเบาะหนัง ของผู้ประกอบการรถยนต์ค่ายต่าง ๆ ที่พบว่ายังเพิ่มต่อเนื่อง โดยเฉพาะค่ายรถญี่ปุ่น ล่าสุดคือการรถยนต์ ยี่ห้อโตโยต้า อัลติสและฮอนด้า แอคคอร์ด ส่งผลให้ยอดขายเพิ่มสูงมาก บริษัทจึงมั่นใจว่าผลงานจะทำได้ ตามเป้าหมายที่ตั้งไว้
โดยจากผลงานไตรมาสแรกปีนี้บริษัทมีกำไรสุทธิ 51.73 ล้านบาท เปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันปี 2550 บริษัทมีกำไรสุทธิ 36.78 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 14.95 ล้านบาทหรือ คิดเป็น 40.67 % ซึ่งบริษัทมียอดราย ได้รวม 500.24 ล้านบาท เปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันปี 50 ที่มี 333.69 ล้านบาท บริษัทมียอดรายได้เพิ่มขึ้น 166.55 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 49.91 % เนื่องจากไตรมาสแรกปีนี้บริษัทยังคงรักษาความสามารถในการขาย ได้อย่างต่อเนื่อง จากคำสั่งซื้อต่างๆที่เกิดขึ้นตั้งแต่ปลายปี 50 ขณะที่ต้นทุนขายไตรมาสแรกนี้ขยับเพิ่มเล็กน้อย ของยอดขายรวม
แหล่งข่าวกล่าวว่าหลายคนอาจมองว่า IHL จะย่ำแย่ เพราะเชื่อตามอุตสาหกรรมรถยนต์ซบเซาลง รวมทั้งราคาน้ำมันทะยานต่อเนื่องมาจากปีที่แล้วและยังคงผันผวนหนักแต่ตัวเลขขออร์เดอร์และการผลิตของบริษัทยังคงมีต่อเนื่อง ตามกลยุทธและแผนการตลาดของรถยนต์แต่ละยี่ห้อ
" เราก็ผลิตตามออร์เดอร์ และผู้ผลิตรถยนต์ก็ต้องคิดค้นผลิตรถยนต์รุ่นใหม่ ๆ ออกมา เพื่อเพิ่มความหลากหลายให้กับผู้บริโภค แม้ว่าราคาน้ำมันพุ่ง แต่ผู้ผลิตก็ต้องหาวิธีการผลิตรถรุ่นใหม่ ๆ ออกมา ให้ ทันกับเหตุการณ์ ไม่ว่าจะเป็นรถที่ใช้พลังงานอื่นทดแทน นอกเหนือจากน้ำมัน " แหล่งข่าวกล่าว
ปัจจุบัน มีการผลิตรถที่เป็นลักเซอร์ลี่คาร์ (luxery car ) ก็ต้องหันมาใช้เบาะหนังมากขึ้น รวมทั้งการผลิต ไฮบริดจ์คาร์ อีโกคาร์ เป็นต้น ซึ่งแสดงให้เห็นถึงการผลิตรถยนต์รุ่นใหม่ ๆ ออกมาต่อเนื่อง รวมทั้งรถยนต์ประหยัดน้ำมัน เป็นการเพิ่มทางเลือกให้กับผู้บริโภค นั่นก็ย่อมส่งผลดีต่อผู้ผลิตเบาะหนังด้วยเช่นกัน
แหล่งข่าวรายเดิมกล่าวถึงในส่วนของต้นทุนการผลิตว่าบริษัทจะสั่งซื้อวัตถุดิบจากต่างประเทศ เข้ามาด้วย ซึ่งค่าเงินไม่ได้ส่งผลกระทบต่อยอดขาย เพราะการนำเข้าวัตถุดิบและขายเป็นเงินสกุลดอลลาร์ สหรัฐฯนั้น จะทำการเฮจจิ้งหรือป้องกันความเสี่ยงโดยอัตโนมัติ
" เราส่งออกและขายในต่างประเทศเท่ากันคือ 50 % และเราจะหาตลาดใหม่เพิ่ม โดยตลาดที่ เราคิดว่าดีมากคือ ตลาดย่านเอเชีย แต่ก็มีส่งไปที่สหรัฐฯ ออสเตรเลีย ส่วนยุโรปไม่ได้ส่งออก ล่าสุดบริษัทได้ลูกค้ารายใหม่ที่บริษัทได้มาคือผู้ผลิตรถยนต์ฮุนได" แหล่งข่าวกล่าว
สำหรับราคาหุ้นของ IHL นั้น ผู้บริหารไม่ได้ให้ความสนใจมากนัก แม้ปัจจุบันเทรดกันต่ำกว่าที่ราคา 10 บาท แต่ผู้บริหารต่างให้ความสำคัญกับการบริหารเพื่อสร้างรายได้บริษัทให้เติบโตตามเป้าหมาย หลังจากปี 50 บริษัทมีผลขาดทุนสุทธิ 40 ล้านบาท อันเป็นผลจากต้นทุนเพิ่มขึ้นจากการสั่งซื้อวัตถุดิบบางรายการ และ มี ต้นทุนส่วนเพิ่มจากการปรับเปลี่ยนกระบวนการผลิตในบางส่วนงาน ซึ่งปัจจุบันบริษัทฯได้ต่อรองราคาการสั่งซื้อ ควบคู่กับการปรับปรุงกระบวนการเชิงคุณภาพอย่างต่อเนื่อง และคาดว่าในปี 51 อัตราต้นทุนดังกล่าวกลับเข้าสู่ภาวะปกติได้ รวมทั้งการตั้งสำรองค่าเผื่อการฟ้องร้องจาก บรรษัทบริหารสินทรัพย์ไทย (บสท.) 105 ล้านบาท อันเป็นผลจากการปรับโครงสร้างหนี้ ซึ่งปีนี้ไม่มีตัวเลขดังกล่าวแล้ว
แหล่งข่าวระดับสูง บริษัท อินเตอร์ไฮด์ จำกัด (มหาชน) ( IHL ) เปิดเผยว่าปีนี้ บริษัทตั้งเป้าการ เติบโตของรายได้ไว้ที่ระดับ 1,800 ล้านบาทหรือเพิ่มจากปีก่อน 20% อันเป็นผลจากยอดสั่งซื้อเบาะหนัง ของผู้ประกอบการรถยนต์ค่ายต่าง ๆ ที่พบว่ายังเพิ่มต่อเนื่อง โดยเฉพาะค่ายรถญี่ปุ่น ล่าสุดคือการรถยนต์ ยี่ห้อโตโยต้า อัลติสและฮอนด้า แอคคอร์ด ส่งผลให้ยอดขายเพิ่มสูงมาก บริษัทจึงมั่นใจว่าผลงานจะทำได้ ตามเป้าหมายที่ตั้งไว้
โดยจากผลงานไตรมาสแรกปีนี้บริษัทมีกำไรสุทธิ 51.73 ล้านบาท เปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันปี 2550 บริษัทมีกำไรสุทธิ 36.78 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 14.95 ล้านบาทหรือ คิดเป็น 40.67 % ซึ่งบริษัทมียอดราย ได้รวม 500.24 ล้านบาท เปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันปี 50 ที่มี 333.69 ล้านบาท บริษัทมียอดรายได้เพิ่มขึ้น 166.55 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 49.91 % เนื่องจากไตรมาสแรกปีนี้บริษัทยังคงรักษาความสามารถในการขาย ได้อย่างต่อเนื่อง จากคำสั่งซื้อต่างๆที่เกิดขึ้นตั้งแต่ปลายปี 50 ขณะที่ต้นทุนขายไตรมาสแรกนี้ขยับเพิ่มเล็กน้อย ของยอดขายรวม
แหล่งข่าวกล่าวว่าหลายคนอาจมองว่า IHL จะย่ำแย่ เพราะเชื่อตามอุตสาหกรรมรถยนต์ซบเซาลง รวมทั้งราคาน้ำมันทะยานต่อเนื่องมาจากปีที่แล้วและยังคงผันผวนหนักแต่ตัวเลขขออร์เดอร์และการผลิตของบริษัทยังคงมีต่อเนื่อง ตามกลยุทธและแผนการตลาดของรถยนต์แต่ละยี่ห้อ
" เราก็ผลิตตามออร์เดอร์ และผู้ผลิตรถยนต์ก็ต้องคิดค้นผลิตรถยนต์รุ่นใหม่ ๆ ออกมา เพื่อเพิ่มความหลากหลายให้กับผู้บริโภค แม้ว่าราคาน้ำมันพุ่ง แต่ผู้ผลิตก็ต้องหาวิธีการผลิตรถรุ่นใหม่ ๆ ออกมา ให้ ทันกับเหตุการณ์ ไม่ว่าจะเป็นรถที่ใช้พลังงานอื่นทดแทน นอกเหนือจากน้ำมัน " แหล่งข่าวกล่าว
ปัจจุบัน มีการผลิตรถที่เป็นลักเซอร์ลี่คาร์ (luxery car ) ก็ต้องหันมาใช้เบาะหนังมากขึ้น รวมทั้งการผลิต ไฮบริดจ์คาร์ อีโกคาร์ เป็นต้น ซึ่งแสดงให้เห็นถึงการผลิตรถยนต์รุ่นใหม่ ๆ ออกมาต่อเนื่อง รวมทั้งรถยนต์ประหยัดน้ำมัน เป็นการเพิ่มทางเลือกให้กับผู้บริโภค นั่นก็ย่อมส่งผลดีต่อผู้ผลิตเบาะหนังด้วยเช่นกัน
แหล่งข่าวรายเดิมกล่าวถึงในส่วนของต้นทุนการผลิตว่าบริษัทจะสั่งซื้อวัตถุดิบจากต่างประเทศ เข้ามาด้วย ซึ่งค่าเงินไม่ได้ส่งผลกระทบต่อยอดขาย เพราะการนำเข้าวัตถุดิบและขายเป็นเงินสกุลดอลลาร์ สหรัฐฯนั้น จะทำการเฮจจิ้งหรือป้องกันความเสี่ยงโดยอัตโนมัติ
" เราส่งออกและขายในต่างประเทศเท่ากันคือ 50 % และเราจะหาตลาดใหม่เพิ่ม โดยตลาดที่ เราคิดว่าดีมากคือ ตลาดย่านเอเชีย แต่ก็มีส่งไปที่สหรัฐฯ ออสเตรเลีย ส่วนยุโรปไม่ได้ส่งออก ล่าสุดบริษัทได้ลูกค้ารายใหม่ที่บริษัทได้มาคือผู้ผลิตรถยนต์ฮุนได" แหล่งข่าวกล่าว
สำหรับราคาหุ้นของ IHL นั้น ผู้บริหารไม่ได้ให้ความสนใจมากนัก แม้ปัจจุบันเทรดกันต่ำกว่าที่ราคา 10 บาท แต่ผู้บริหารต่างให้ความสำคัญกับการบริหารเพื่อสร้างรายได้บริษัทให้เติบโตตามเป้าหมาย หลังจากปี 50 บริษัทมีผลขาดทุนสุทธิ 40 ล้านบาท อันเป็นผลจากต้นทุนเพิ่มขึ้นจากการสั่งซื้อวัตถุดิบบางรายการ และ มี ต้นทุนส่วนเพิ่มจากการปรับเปลี่ยนกระบวนการผลิตในบางส่วนงาน ซึ่งปัจจุบันบริษัทฯได้ต่อรองราคาการสั่งซื้อ ควบคู่กับการปรับปรุงกระบวนการเชิงคุณภาพอย่างต่อเนื่อง และคาดว่าในปี 51 อัตราต้นทุนดังกล่าวกลับเข้าสู่ภาวะปกติได้ รวมทั้งการตั้งสำรองค่าเผื่อการฟ้องร้องจาก บรรษัทบริหารสินทรัพย์ไทย (บสท.) 105 ล้านบาท อันเป็นผลจากการปรับโครงสร้างหนี้ ซึ่งปีนี้ไม่มีตัวเลขดังกล่าวแล้ว