เอเอฟพี/รอยเตอร์ - ยูบีเอส ธนาคารยักษ์ใหญ่สัญชาติสวิส ให้คำมั่นสัญญาเมื่อวันพฤหัสบดี(17) ที่จะยุติการเสนอบริการธนาคารโพ้นทะเลให้แก่ลูกค้าในสหรัฐฯ ภายหลังถูกสมาชิกรัฐสภากล่าวหาว่า แบงก์แห่งนี้และธนาคารแห่งอื่นๆ กำลังช่วยเหลือให้ชาวอเมริกันฐานะดีจำนวนมาก สามารถส่งเงินทองในหลบซ่อนตามเขตปลอดภาษีออฟชอร์ รวมเป็นยอดเงินสูงถึง 1.5 ล้านล้านดอลลาร์ ส่งผลให้สหรัฐฯขาดรายได้จากการจัดเก็บภาษีไปประมาณ 1 แสนล้านดอลลาร์
มาร์ก แบรนสัน ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงินที่ดูแลกิจการด้านการบริหารจัดการความมั่งคั่งทั่วโลกของยูบีเอส เป็นผู้ให้คำมั่นสัญญาดังกล่าวแก่คณะอนุกรรมการถาวรด้านการสอบสวนของวุฒิสภาสหรัฐฯ
คณะอนุกรรมการชุดนี้กำลังอยู่ระหว่างการสอบปากคำผู้เกี่ยวข้อง โดยให้ความสนใจเน้นหนักไปที่รายงานการสอบสวนความหนา 115 หน้า ซึ่งแจกแจงข้อเท็จจริงกรณีธนาคารยูบีเอสของสวิตเซอร์แลนด์และ แอลจีที แบงก์ในรัฐลิกเตนสไตน์ ถูกกล่าวหาว่ากระทำการอันเป็นการละเมิดกฎหมาย โดยการช่วยเหลือลูกค้าในสหรัฐฯให้หลบเลี่ยงการเสียภาษี
วุฒิสมาชิก คาร์ล เลวิน แห่งพรรคเดโมแครต ซึ่งเป็นประธานคณะอนุกรรมการ แถลงระหว่างการเสนอรายงานว่า ได้พบหลักฐานยืนยันชัดเจนถึงการใช้กลไกของธนาคารทั้งสองในการช่วยเหลือลูกค้าในสหรัฐฯหลีกเลี่ยงการเสียภาษีตามกฎหมาย
ส่วน วุฒิสมาชิก นอร์ม โคลแมน แห่งพรรครีพับลิกัน ซึ่งเป็นอนุกรรมการคนหนึ่งกล่าวเสริมว่า การย้ายเงินฝากไปซุกซ่อนไว้ในเขตปลอดภาษีโพ้นทะเล ทำให้สหรัฐฯขาดรายได้จากการจัดเก็บภาษีเป็นมูลค่ามหาศาล โดยในเบื้องต้นคาดว่ามีสินทรัพย์ของชาวอเมริกันซุกซ่อนอยู่ในเขตปลอดภาษีเหล่านั้นเป็นมูลค่าประมาณ 1.5 ล้านล้านดอลลาร์ ซึ่งยังผลให้สหรัฐฯขาดรายได้จากภาษีเป็นยอดเงินประมาณ 100,000 ล้านดอลลาร์
ยูบีเอส ซึ่งครองตลาดเป็นอันดับหนึ่งของโลกในธุรกิจด้านธนบดีธนกิจ หรือการบริหารจัดการทรัพย์สินให้แก่ผู้มั่งคั่งร่ำรวย แถลงว่า ลูกค้าชาวอเมริกันที่มีบัญชีอยู่ในสวิตเซอร์แลนด์ของตน มีเพียง 20,000 บัญชี และในจำนวนนี้ 1,900 บัญชี ไม่ได้มีการเปิดเผยยอดเงินฝาก แต่มีมูลค่ารวมกันประมาณ 18,000 ล้านดอลลาร์
แบรนสันบอกด้วยว่า ธนาคารกำลังทำงานร่วมกับรัฐบาลสหรัฐฯ เพื่อระบุชื่อลูกค้าในสหรัฐฯที่อาจเกี่ยวข้องกับการหนีภาษี เขากล่าวว่าตามกฎหมายสวิสนั้น แบงก์ต้องรักษาความลับเรื่องอัตลักษณ์ของลูกค้า แต่หากมีรัฐบาลต่างประเทศยื่นเรื่องอย่างเป็นทางการเพื่อขอข้อมูลเอาใช้ไปในเรื่องการทุจริต ธนาคารก็สามารถส่งให้ได้
ทางการผู้รับผิดชอบของสหรัฐฯเริ่มต้นดำเนินคดีกับผู้เสียภาษีชาวอเมริกัน 100 ราย ที่ถูกระบุว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับการเปิดบัญชีลับในรัฐลิกเตนสไตน์ หลังจากอดีตพนักงานของธนาคาร แอลจีทีคนหนึ่ง ได้แจ้งต่อทางการถึงข้อมูลการหลีกเลี่ยงภาษีของลูกค้าธนาคารในทั่วโลกประมาณ 1,400 ราย
อดีตพนักงานคนดังกล่าว ซึ่งขณะนี้ยังหลบซ่อนตัวอยู่ ได้ส่งเอกสาร 12,000 หน้าที่เกี่ยวข้องกับการหลีกเลี่ยงภาษีของลูกค้าในสหรัฐฯให้แก่คณะอนุกรรมการสอบสวนของสหรัฐฯ ซึ่งวุฒิสมาชิกเลวินกล่าวว่าเป็นหลักฐานที่น่าตกใจเป็นอย่างยิ่ง
ส่วนในกรณีของยูบีเอสนั้น แบรดลีย์ เบอร์เกนฟีลด์ อดีตพนักงานคนหนึ่งของแบงก์สวิสแห่งนี้ ให้การรับสารภาพในการสอบสวนว่า ได้สมคบกับลูกค้าในสหรัฐฯหลีกเลี่ยงภาษีเป็นมูลค่าหลายล้านดอลลาร์ ด้วยการซุกซ่อนทรัพย์สินไว้ในสวิตเซอร์แลนด์และลิกเตนสไตน์
วุฒิสมาชิกเลวินยังเปิดเผยด้วยว่า คณะอนุกรรมการของเขายังได้รับเอกสารหลักฐานอีกฉบับหนึ่ง ยืนยันว่า ยูบีเอส ได้ทำการฝึกอบรมพนักงานด้านธนบดีธนกิจชาวสวิส ให้มีความเชี่ยวชาญในการหลีกเลี่ยงการตรวจสอบของเจ้าหน้าที่ศุลกากรและเจ้าหน้าที่ฝ่ายกฎหมายอื่น ๆ ของอเมริกา เมื่อเดินทางไปปฏิบัติหน้าที่ในสหรัฐฯ
มาร์ก แบรนสัน ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงินที่ดูแลกิจการด้านการบริหารจัดการความมั่งคั่งทั่วโลกของยูบีเอส เป็นผู้ให้คำมั่นสัญญาดังกล่าวแก่คณะอนุกรรมการถาวรด้านการสอบสวนของวุฒิสภาสหรัฐฯ
คณะอนุกรรมการชุดนี้กำลังอยู่ระหว่างการสอบปากคำผู้เกี่ยวข้อง โดยให้ความสนใจเน้นหนักไปที่รายงานการสอบสวนความหนา 115 หน้า ซึ่งแจกแจงข้อเท็จจริงกรณีธนาคารยูบีเอสของสวิตเซอร์แลนด์และ แอลจีที แบงก์ในรัฐลิกเตนสไตน์ ถูกกล่าวหาว่ากระทำการอันเป็นการละเมิดกฎหมาย โดยการช่วยเหลือลูกค้าในสหรัฐฯให้หลบเลี่ยงการเสียภาษี
วุฒิสมาชิก คาร์ล เลวิน แห่งพรรคเดโมแครต ซึ่งเป็นประธานคณะอนุกรรมการ แถลงระหว่างการเสนอรายงานว่า ได้พบหลักฐานยืนยันชัดเจนถึงการใช้กลไกของธนาคารทั้งสองในการช่วยเหลือลูกค้าในสหรัฐฯหลีกเลี่ยงการเสียภาษีตามกฎหมาย
ส่วน วุฒิสมาชิก นอร์ม โคลแมน แห่งพรรครีพับลิกัน ซึ่งเป็นอนุกรรมการคนหนึ่งกล่าวเสริมว่า การย้ายเงินฝากไปซุกซ่อนไว้ในเขตปลอดภาษีโพ้นทะเล ทำให้สหรัฐฯขาดรายได้จากการจัดเก็บภาษีเป็นมูลค่ามหาศาล โดยในเบื้องต้นคาดว่ามีสินทรัพย์ของชาวอเมริกันซุกซ่อนอยู่ในเขตปลอดภาษีเหล่านั้นเป็นมูลค่าประมาณ 1.5 ล้านล้านดอลลาร์ ซึ่งยังผลให้สหรัฐฯขาดรายได้จากภาษีเป็นยอดเงินประมาณ 100,000 ล้านดอลลาร์
ยูบีเอส ซึ่งครองตลาดเป็นอันดับหนึ่งของโลกในธุรกิจด้านธนบดีธนกิจ หรือการบริหารจัดการทรัพย์สินให้แก่ผู้มั่งคั่งร่ำรวย แถลงว่า ลูกค้าชาวอเมริกันที่มีบัญชีอยู่ในสวิตเซอร์แลนด์ของตน มีเพียง 20,000 บัญชี และในจำนวนนี้ 1,900 บัญชี ไม่ได้มีการเปิดเผยยอดเงินฝาก แต่มีมูลค่ารวมกันประมาณ 18,000 ล้านดอลลาร์
แบรนสันบอกด้วยว่า ธนาคารกำลังทำงานร่วมกับรัฐบาลสหรัฐฯ เพื่อระบุชื่อลูกค้าในสหรัฐฯที่อาจเกี่ยวข้องกับการหนีภาษี เขากล่าวว่าตามกฎหมายสวิสนั้น แบงก์ต้องรักษาความลับเรื่องอัตลักษณ์ของลูกค้า แต่หากมีรัฐบาลต่างประเทศยื่นเรื่องอย่างเป็นทางการเพื่อขอข้อมูลเอาใช้ไปในเรื่องการทุจริต ธนาคารก็สามารถส่งให้ได้
ทางการผู้รับผิดชอบของสหรัฐฯเริ่มต้นดำเนินคดีกับผู้เสียภาษีชาวอเมริกัน 100 ราย ที่ถูกระบุว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับการเปิดบัญชีลับในรัฐลิกเตนสไตน์ หลังจากอดีตพนักงานของธนาคาร แอลจีทีคนหนึ่ง ได้แจ้งต่อทางการถึงข้อมูลการหลีกเลี่ยงภาษีของลูกค้าธนาคารในทั่วโลกประมาณ 1,400 ราย
อดีตพนักงานคนดังกล่าว ซึ่งขณะนี้ยังหลบซ่อนตัวอยู่ ได้ส่งเอกสาร 12,000 หน้าที่เกี่ยวข้องกับการหลีกเลี่ยงภาษีของลูกค้าในสหรัฐฯให้แก่คณะอนุกรรมการสอบสวนของสหรัฐฯ ซึ่งวุฒิสมาชิกเลวินกล่าวว่าเป็นหลักฐานที่น่าตกใจเป็นอย่างยิ่ง
ส่วนในกรณีของยูบีเอสนั้น แบรดลีย์ เบอร์เกนฟีลด์ อดีตพนักงานคนหนึ่งของแบงก์สวิสแห่งนี้ ให้การรับสารภาพในการสอบสวนว่า ได้สมคบกับลูกค้าในสหรัฐฯหลีกเลี่ยงภาษีเป็นมูลค่าหลายล้านดอลลาร์ ด้วยการซุกซ่อนทรัพย์สินไว้ในสวิตเซอร์แลนด์และลิกเตนสไตน์
วุฒิสมาชิกเลวินยังเปิดเผยด้วยว่า คณะอนุกรรมการของเขายังได้รับเอกสารหลักฐานอีกฉบับหนึ่ง ยืนยันว่า ยูบีเอส ได้ทำการฝึกอบรมพนักงานด้านธนบดีธนกิจชาวสวิส ให้มีความเชี่ยวชาญในการหลีกเลี่ยงการตรวจสอบของเจ้าหน้าที่ศุลกากรและเจ้าหน้าที่ฝ่ายกฎหมายอื่น ๆ ของอเมริกา เมื่อเดินทางไปปฏิบัติหน้าที่ในสหรัฐฯ