เอเอฟพี – อดีตประธานาธิบดี โจเซฟ เอสตราดา ผู้อื้อฉาวของฟิลิปปินส์ ระบุ จะหาทางดำเนินคดีกับองค์กรต่อต้านการคอร์รัปชันทั่วโลก ที่เอาเขาไปรวมไว้ในรายชื่อผู้นำที่คอร์รัปชันมากที่สุดในโลก โดยไม่มีหลักฐาน หรือความจริง
ยิ่งไปกว่านั้น ในรายชื่อขององค์กรทรานพาเรนซี อินเตอร์เนชันแนล มีชื่อของ ซูฮาร์โต อดีตผู้นำผู้ล่วงลับของอินโดนีเซีย และอดีตจอมเผด็จการ เฟอร์ดินานด์ มาร์กอส ของฟิลิปปินส์รวมอยู่ด้วย
“พวกเขาไม่มีความพยายามที่จะติดต่อกับผม และผมกำลังหารือกับทนายความของผมอยู่ เพื่อหาทางเป็นไปได้ที่จะดำเนินการทางกฎหมาย” เอสตราดากล่าว “ผมรู้ช็อก”
รายชื่อดังกล่าวนี้ รวมอยู่ในรายงานการคอร์รัปชันทั่วโลก ซึ่งมีจุดุม่งหมายเพื่อแสดงว่าการฉ้อราษฎร์บังหลวงสร้างความเสียหายให้กับการพัฒนาได้อย่างไร โดยรายงานนี้ถูกตีพิมพ์เฉพาะในประเทศ และแพร่หลายในอินเทอร์เน็ตเท่านั้น
อย่างไรก็ตาม เอสตราดา ยืนกรานว่า เขาสร้างความมั่งคั่งร่ำรวยจากการทำงานของเขาเอง หลังจากเลิกเป็นดารา เขาก็ใช้ความมีชื่อเสียงชนะการเลือกตั้งผู้ว่าในเมืองเล็กๆ แห่งหนึ่ง ก่อนที่จะขยับมาเป็นวุฒิสมาชิก รองประธานาธิบดี และประธานาธิบดีในปี 1998
ทว่า ตำแหน่งของเขาถูกโค่นลงจากการจลาจล ที่มีทหารให้การสนับสนุน โดยเขาอยู่ในตำแหน่งได้เพียง 30 เดือนเท่านั้น ซึ่งเขายังถูกฟ้องร้องในข้อหาคอร์รัปชันอย่างมหาศาล และถูกควบคุมตัวเพื่อรับการพิจารณาคดีนาน 6 ปี จนกระทั่งศาลตัดสินจำคุกตลอดชีวิตเมื่อปีที่ผ่านมา
ด้าน กลอเรีย อาร์โรโย ผู้สืบทอดตำแหน่งประธานาธิบดี ได้อภัยโทษ และปล่อยเขาเป็นอิสระ ด้วยเงื่อนไขการคืนเงินราว 80 ล้านดอลลาร์ที่ถูกกล่าวว่าได้มาจากการติดสินบน และโกงเงินภาษีให้กับรัฐ
ทั้งนี้ เอสตราดา ได้ปฏิเสธเสมอมาว่า เขาไม่ได้โกงเงินประชาชน โดยอ้างว่าเงินหลายล้านที่ฝากในบัญชีลับนั้นไม่ใช่ของเขา ซึ่งศาลได้ยึดเงินประมาณ 5 ล้านดอลลาร์จากมูลนิธิการกุศลที่เขาก่อตั้งขึ้นมา เช่นเดียวกับบัญชีบริหารการลงทุนที่มีมูลค่ามากกว่า 27 ล้านดอลลาร์