ที่โรงแรมมิราเคิล แกรนด์ วานนี้ (15 ก.ค.) พรรคประชาธิปัตย์ได้จัดการประชุมใหญ่วิสามัญประจำปี เพื่อเลือกตั้งคณะกรรมการบริหารพรรคใหม่ตามข้อบังคับพรรค โดยมีนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ เป็นประธานในการประชุม ซึ่งการเลือกครั้งนี้ได้ลดจำนวนคณะกรรมการบริหารจากเดิม 49 คน เหลือเพียง 19 คน โดยการเลือกตั้งได้เปิดโอกาสให้สมาชิกเสนอชื่อ เข้าชิงตำแหน่งต่างๆ และให้มีการลงคะแนนลับ เพื่อให้ได้รับเสียงเกินกึ่งหนึ่งตามข้อบังคับพรรค
ผลปรากฎว่า นายอภิสิทธิ์ ยังคงได้รับเลือกให้ดำรงตำแหน่งเป็นหัวหน้าพรรค สมัยที่ 2 ส่วน ตำแหน่งรองหัวหน้าพรรค 8 คนได้แก่ นายจุรินทร์ ลักษณะวิศิษฎ์ ส.ส.สัดส่วน นายนิพนธ์ พร้อมพันธุ์ ส.ส.สัดส่วน นายกอร์ปศักดิ์ สภาวสุ โดยทั้ง3 คนมาจากการเสนอชื่อของหัวหน้าพรรค นายชัยวุฒิ บรรณวัฒน์ เป็นรองหัวหน้าพรรคภาคเหนือ นายไกรศักดิ์ ชุณหะวัณ เป็นรองหัวหน้าพรรคภาคตะวันออกเฉียงเหนือ นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน เป็นรองหัวหน้าพรรคภาคกลาง นายวิทยา แก้วภราดัย เป็นรองหัวหน้าพรรคภาคใต้ และนายกรณ์ จาติกวณิช เป็นรองหัวหน้ากทม.
ส่วนตำแหน่งเลขาธิการพรรค นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ยังคงได้รับความไว้วางใจอีกสมัยหนึ่ง ตำแหน่งรองเลขาธิการพรรคมี 3 คนคือ นายชำนิ ศักดิเศรษฐ์ ส.ส.สัดส่วน นางศิริวรรณ ปราศจากศัตรู อดีต ส.ส.แพร่ นายธีระ สลักเพชร ส.ส.ตราด ตำแหน่งเหรัญญิกพรรคคือ นางอัญชลี วานิช เทพบุตร อดีตนายก อบจ.ภูเก็ต และอดีต ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ ตำแหน่งนายทะเบียนพรรคคือ นายชินวรณ์ บุณยะเกียรติ ส.ส.นครศรีธรรมราช และตำแหน่งโฆษกพรรค คือ น.พ.บุรณัชย์ สมุทรักษ์ ซึ่งทั้งหมดนี้ถือว่าเป็นกรรมการบริหารพรรคโดยตำแหน่ง ส่วนอีก 3 คนที่คัดเลือกเข้ามา คือ .นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย นายสาธิต ปิตุเตชะ นายวิรัช ร่มเย็น
อย่างไรก็ตามถือเป็นที่น่าสังเกตว่า การเลือกคณะกรรมการบริหารชุดนี้ ถือว่า ส่วนใหญ่เป็นคนรุ่นใหม่ ขณะที่แกนนำคนรุ่นเก่าที่เคยมีบทบาทต้องหลุดจาก ตำแหน่งไป อาทิ นายไตรรงค์ สุวรรณคีรี นายวิทูรย์ นามบุตร และนายอลงกรณ์ พลบุตร
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการเสนอชื่อตำแหน่งรองหัวหน้าพรรคจากโควต้าหัวหน้าพรรค นายอภิสิทธิ์ได้เสนอชื่อนายอภิรักษ์ โกษะโยธิน ผู้ว่าฯกทม. ด้วย แต่นายอภิรักษ์ขอถอนตัว โดยอ้างว่าทำงานในตำแหน่งผู้ว่าฯกทม.ไม่สามารถ ช่วยงานในตำแหน่งรองหัวหน้าพรรคได้เต็มที่
ทั้งนี้มีรายงานข่าวว่า สาเหตุที่ทำให้นายอภิรักษ์ตัดสินใจถอนตัวเพราะเตรียมลงสมัครรับเลือกตั้งตำแหน่งผู้ว่าฯกทม.อีกสมัย
ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่าพรรคประขาธิปัตย์ได้มีการเพิ่มสีประจำพรรค ประกอบด้วย สีส้ม หมายถึง นวัตกรรม การต่อสู้วิกฤติบ้านเมือง สีขาว หมายถึง การเมืองที่บริสุทธิ์ และสีฟ้า หมายถึง อุดมการณ์ของพรรค
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวปิดการประชุมสมัยวิสามัญพรรคประชาธิปัตย์ ในหัวข้อ ท้าทายวิกฤตชาติ ประสิทธิภาพ ประชาธิปัตย์ ประชาธิปไตยว่า จุดมุ่งหมายของเราต้องการเข้าไปกอบกู้บ้านเมืองจากวิกฤติทุกด้าน โดยจะเข้าไปเป็นรัฐบาลที่ดีของคนไทยทุกคน ซึ่งมีเป้าหมายของการเข้าไปกอบกู้ปัญหาต่างๆ ของบ้านเมืองมุ่งมั่นไปสู่การทำงานให้ประชาชนในฐานะรัฐบาล ภายใต้อุดมการพื้นฐานของพรรคประชาธิปัตย์ตามวิถีทางรัฐสภา และประชาธิปไตยเท่านั้น นั่นคือเราต้องได้รับการสนับสนุนเสียงข้างมากจากผู้แทนประชาชน และประชาชนด้วย รวมทั้งเป็นวิถีทางการเมืองที่บริสุทธิ์
ถ้าวันใดมีโอกาส ได้ไปบริหารบ้านเมือง เราจะไม่พูดแต่ว่าเรามาจาก การเลือกตั้ง มาจากวิถีทางรัฐสภา ตามระบอบประชาธิปไตย หรือการได้รับการสนับสนุนจากประชาชน แต่เราจะสำนึกตลอดว่าถ้ามีโอกาสวันนั้นเรามีหน้าที่อย่างเดียวคือ ใช้อำนาจที่ได้มาตอบแทนประชาชน ตอบแทนแผ่นดิน รวมทั้งต้องไม่มีประโยชน์อื่นแอบแฝง และเป็นรัฐบาลที่ยอมรับการตรวจสอบ ตามกติกาที่มีในสังคมทุกประการ จะไม่มีความพยายามแทรกแซง ข่มขู่กลไกใดๆ ในสังคม เพราะประชาธิปไตยไม่ใช่เรื่องของที่มา แต่เป็นการยอมรับการตรวจสอบและการทำงานเพื่อบ้านเมือง
นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า วันนี้ไม่สามารถบอกได้ว่าการเมืองจะมีการเปลี่ยนแปลงอย่างไร แต่เป้าหมายเราคือการเข้าไปกอบกู้ปัญหาของบ้านเมืองทุกด้าน เราต้องเข้าใจว่าสิ่งที่ดีสุดที่หยิบยื่นให้กับประชาชนได้คือ ความพร้อมเรื่องบุคลากร นโยบาย จริงอยู่วันนี้เราเป็นฝ่ายค้าน แต่เราจะตรวจสอบอย่างเข้มแข็ง จะรักษาผลประโยชน์ของบ้านเมือง และทำควบคู่ไปกับความสร้างสรรค์ คำแนะนำข้อเสนอ รวมทั้งจะไม่หยุดพัฒนาตัวเองตลอดเวลา
หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่าวันนี้ดีใจที่รัฐบาลให้ความสำคัญกับปัญหาของบ้านเมืองแล้ว เสียดายย่างเดียวที่นายกรัฐมนตรี ใช้เวลาส่วนใหญ่ทะเลาะกับสื่อ โทษศาล โทษรัฐธรรมนูญ โทษการเมือง โทษพรรคประชาธิปัตย์ และเสียดายที่การแก้ปัญหามาช้า และมาน้อยกว่าที่เราเรียกร้องพอสมควร เมื่อรัฐบาลเริ่มต้นเรื่องนี้ได้เราก็ดีใจกับประชาชน เพียงแต่ภาระที่เกิดขึ้นรัฐบาลหยุดคิด หยุดทำ และคิดว่าสิ่งเหล่านี้เพียงพอไม่ได้ และอาจจะพอต่ออายุรัฐบาลได้บ้างหรือไม่ ตนก็ไม่ทราบ ทั้งนี้ เราต้องมองให้ไกลกว่านโยบายเฉพาะหน้า และคิดให้เป็นระบบ
ผมขอเชิญชวนสมาชิกพรรคทุกคนทำงานหนัก เพื่อให้เราได้มีโอกาส เข้าไปกอบกู้บ้านเมือง และผมขอยืนยันว่าจะทำให้พรรคเป็นที่ไว้วางใจเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ของพรรคให้ได้ ภายใต้การทำงานของกรรมการบริหารพรรคชุดนี้ นายอภิสิทธิ์กล่าว
ผลปรากฎว่า นายอภิสิทธิ์ ยังคงได้รับเลือกให้ดำรงตำแหน่งเป็นหัวหน้าพรรค สมัยที่ 2 ส่วน ตำแหน่งรองหัวหน้าพรรค 8 คนได้แก่ นายจุรินทร์ ลักษณะวิศิษฎ์ ส.ส.สัดส่วน นายนิพนธ์ พร้อมพันธุ์ ส.ส.สัดส่วน นายกอร์ปศักดิ์ สภาวสุ โดยทั้ง3 คนมาจากการเสนอชื่อของหัวหน้าพรรค นายชัยวุฒิ บรรณวัฒน์ เป็นรองหัวหน้าพรรคภาคเหนือ นายไกรศักดิ์ ชุณหะวัณ เป็นรองหัวหน้าพรรคภาคตะวันออกเฉียงเหนือ นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน เป็นรองหัวหน้าพรรคภาคกลาง นายวิทยา แก้วภราดัย เป็นรองหัวหน้าพรรคภาคใต้ และนายกรณ์ จาติกวณิช เป็นรองหัวหน้ากทม.
ส่วนตำแหน่งเลขาธิการพรรค นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ยังคงได้รับความไว้วางใจอีกสมัยหนึ่ง ตำแหน่งรองเลขาธิการพรรคมี 3 คนคือ นายชำนิ ศักดิเศรษฐ์ ส.ส.สัดส่วน นางศิริวรรณ ปราศจากศัตรู อดีต ส.ส.แพร่ นายธีระ สลักเพชร ส.ส.ตราด ตำแหน่งเหรัญญิกพรรคคือ นางอัญชลี วานิช เทพบุตร อดีตนายก อบจ.ภูเก็ต และอดีต ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ ตำแหน่งนายทะเบียนพรรคคือ นายชินวรณ์ บุณยะเกียรติ ส.ส.นครศรีธรรมราช และตำแหน่งโฆษกพรรค คือ น.พ.บุรณัชย์ สมุทรักษ์ ซึ่งทั้งหมดนี้ถือว่าเป็นกรรมการบริหารพรรคโดยตำแหน่ง ส่วนอีก 3 คนที่คัดเลือกเข้ามา คือ .นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย นายสาธิต ปิตุเตชะ นายวิรัช ร่มเย็น
อย่างไรก็ตามถือเป็นที่น่าสังเกตว่า การเลือกคณะกรรมการบริหารชุดนี้ ถือว่า ส่วนใหญ่เป็นคนรุ่นใหม่ ขณะที่แกนนำคนรุ่นเก่าที่เคยมีบทบาทต้องหลุดจาก ตำแหน่งไป อาทิ นายไตรรงค์ สุวรรณคีรี นายวิทูรย์ นามบุตร และนายอลงกรณ์ พลบุตร
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการเสนอชื่อตำแหน่งรองหัวหน้าพรรคจากโควต้าหัวหน้าพรรค นายอภิสิทธิ์ได้เสนอชื่อนายอภิรักษ์ โกษะโยธิน ผู้ว่าฯกทม. ด้วย แต่นายอภิรักษ์ขอถอนตัว โดยอ้างว่าทำงานในตำแหน่งผู้ว่าฯกทม.ไม่สามารถ ช่วยงานในตำแหน่งรองหัวหน้าพรรคได้เต็มที่
ทั้งนี้มีรายงานข่าวว่า สาเหตุที่ทำให้นายอภิรักษ์ตัดสินใจถอนตัวเพราะเตรียมลงสมัครรับเลือกตั้งตำแหน่งผู้ว่าฯกทม.อีกสมัย
ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่าพรรคประขาธิปัตย์ได้มีการเพิ่มสีประจำพรรค ประกอบด้วย สีส้ม หมายถึง นวัตกรรม การต่อสู้วิกฤติบ้านเมือง สีขาว หมายถึง การเมืองที่บริสุทธิ์ และสีฟ้า หมายถึง อุดมการณ์ของพรรค
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวปิดการประชุมสมัยวิสามัญพรรคประชาธิปัตย์ ในหัวข้อ ท้าทายวิกฤตชาติ ประสิทธิภาพ ประชาธิปัตย์ ประชาธิปไตยว่า จุดมุ่งหมายของเราต้องการเข้าไปกอบกู้บ้านเมืองจากวิกฤติทุกด้าน โดยจะเข้าไปเป็นรัฐบาลที่ดีของคนไทยทุกคน ซึ่งมีเป้าหมายของการเข้าไปกอบกู้ปัญหาต่างๆ ของบ้านเมืองมุ่งมั่นไปสู่การทำงานให้ประชาชนในฐานะรัฐบาล ภายใต้อุดมการพื้นฐานของพรรคประชาธิปัตย์ตามวิถีทางรัฐสภา และประชาธิปไตยเท่านั้น นั่นคือเราต้องได้รับการสนับสนุนเสียงข้างมากจากผู้แทนประชาชน และประชาชนด้วย รวมทั้งเป็นวิถีทางการเมืองที่บริสุทธิ์
ถ้าวันใดมีโอกาส ได้ไปบริหารบ้านเมือง เราจะไม่พูดแต่ว่าเรามาจาก การเลือกตั้ง มาจากวิถีทางรัฐสภา ตามระบอบประชาธิปไตย หรือการได้รับการสนับสนุนจากประชาชน แต่เราจะสำนึกตลอดว่าถ้ามีโอกาสวันนั้นเรามีหน้าที่อย่างเดียวคือ ใช้อำนาจที่ได้มาตอบแทนประชาชน ตอบแทนแผ่นดิน รวมทั้งต้องไม่มีประโยชน์อื่นแอบแฝง และเป็นรัฐบาลที่ยอมรับการตรวจสอบ ตามกติกาที่มีในสังคมทุกประการ จะไม่มีความพยายามแทรกแซง ข่มขู่กลไกใดๆ ในสังคม เพราะประชาธิปไตยไม่ใช่เรื่องของที่มา แต่เป็นการยอมรับการตรวจสอบและการทำงานเพื่อบ้านเมือง
นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า วันนี้ไม่สามารถบอกได้ว่าการเมืองจะมีการเปลี่ยนแปลงอย่างไร แต่เป้าหมายเราคือการเข้าไปกอบกู้ปัญหาของบ้านเมืองทุกด้าน เราต้องเข้าใจว่าสิ่งที่ดีสุดที่หยิบยื่นให้กับประชาชนได้คือ ความพร้อมเรื่องบุคลากร นโยบาย จริงอยู่วันนี้เราเป็นฝ่ายค้าน แต่เราจะตรวจสอบอย่างเข้มแข็ง จะรักษาผลประโยชน์ของบ้านเมือง และทำควบคู่ไปกับความสร้างสรรค์ คำแนะนำข้อเสนอ รวมทั้งจะไม่หยุดพัฒนาตัวเองตลอดเวลา
หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่าวันนี้ดีใจที่รัฐบาลให้ความสำคัญกับปัญหาของบ้านเมืองแล้ว เสียดายย่างเดียวที่นายกรัฐมนตรี ใช้เวลาส่วนใหญ่ทะเลาะกับสื่อ โทษศาล โทษรัฐธรรมนูญ โทษการเมือง โทษพรรคประชาธิปัตย์ และเสียดายที่การแก้ปัญหามาช้า และมาน้อยกว่าที่เราเรียกร้องพอสมควร เมื่อรัฐบาลเริ่มต้นเรื่องนี้ได้เราก็ดีใจกับประชาชน เพียงแต่ภาระที่เกิดขึ้นรัฐบาลหยุดคิด หยุดทำ และคิดว่าสิ่งเหล่านี้เพียงพอไม่ได้ และอาจจะพอต่ออายุรัฐบาลได้บ้างหรือไม่ ตนก็ไม่ทราบ ทั้งนี้ เราต้องมองให้ไกลกว่านโยบายเฉพาะหน้า และคิดให้เป็นระบบ
ผมขอเชิญชวนสมาชิกพรรคทุกคนทำงานหนัก เพื่อให้เราได้มีโอกาส เข้าไปกอบกู้บ้านเมือง และผมขอยืนยันว่าจะทำให้พรรคเป็นที่ไว้วางใจเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ของพรรคให้ได้ ภายใต้การทำงานของกรรมการบริหารพรรคชุดนี้ นายอภิสิทธิ์กล่าว