xs
xsm
sm
md
lg

กาหัวนักการเมืองหนีคุกศาลส่อไม่ให้ประกัน-ยกวัฒนาตัวอย่าง

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

วานนี้(10 ก.ค.)แหล่งข่าวผู้พิพากษาศาลฎีกา กล่าวว่าถึงกรณีที่นายวัฒนา อัศวเหม ประธานพรรคเพื่อแผ่นดิน อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย จำเลยในคดีทุจริตออกโฉนดที่ดินทับที่สาธารณะประโยชน์ 1,900 ไร่ นำไปขายให้กรมควบคุมมลพิษเพื่อก่อสร้างโครงการบ่อบำบัดน้ำเสีย ต.คลองด่าน อ.บางบ่อ จ.สมุทรปราการ ที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง มีคำสั่งให้ออกหมายจับ เนื่องจากหลบหนีไม่เดินทางมาฟังคำพิพากษา ว่าตามขั้นตอนหากเจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถจับกุมตัว นายวัฒนา จำเลยได้แล้ว ก็จะต้องนำตัวมาส่งศาลฎีกาฯเพื่อฟังคำพิพากษา ส่วนจะอ่านคำพิพากษาในวันที่จับกุมตัวมาส่งศาลทันทีเลยหรือไม่นั้น แล้วแต่ผู้พิพากษาเจ้าของสำนวน และความพร้อม ขององค์คณะ และเนื่องจาก พ.ร.บ.วิธีพิจารณาคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่ง ทางการเมือง พ.ศ.2542 ระบุไว้ชัดเจนว่าการอ่านคำพิพากษาผู้พิพากษาจะต้องนั่งพิจารณาครบองค์คณะทั้ง 9 คน ดังนั้นอาจจะต้องอ่านคำพิพากษาในวันถัดไปหรือในวันที่ 18 ส.ค.ตามคำสั่งเดิมของศาล
แหล่งข่าวคนเดิม ยังกล่าวถึงกรณีที่จำเลยซึ่งเป็นนักการเมืองระดับประเทศกระทำผิดฐานทุจริตมักจะได้รับการประกันตัวระหว่างต่อสู้คดีและสุดท้ายเมื่อศาลนัดฟังคำพิพากษาก็จะหลบหนีทุกราย ว่าการอนุญาตให้ประกันตัวจำเลยนั้น ถ้ายังไม่มีองค์คณะผู้พิพากษา ก็จะเป็นหน้าที่ของแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองในศาลฎีกา แต่ถ้ามีองค์คณะแล้วก็จะเป็นหน้าที่ของผู้พิพากษาเจ้าของสำนวน ซึ่งการพิจารณาสั่งคำร้องประกัน องค์คณะ 3 คนก็สามารถพิจารณาสั่งได้ โดยหลักเกณฑ์การอนุญาตให้ประกันตัวคดีที่นักการเมืองเป็นจำเลยในศาลฎีกา ก็เหมือนกับคดีอาญาทั่วไป ที่จะต้องพิจารณาไปตาม ป.วิอาญา ประกอบกับพฤติการณ์ของจำเลย สภาพแวดล้อม และข้อหาที่กระทำผิด ซึ่งแต่ละคดี แต่ละข้อหา แต่ละเรื่องมีรายละเอียดไม่เหมือนกัน จำเลยแต่ละคนมีพฤติการณ์ไม่เหมือนกัน
“จะให้ตอบตายตัวว่าคดีไหนจะให้ประกันตัวหรือไม่ให้ประกันตัวจำเลย คงตอบลำบาก อยู่ที่พฤติการณ์แห่งคดี ส่วนตัวผมเห็นว่า อนาคตถ้าคดีที่นักการเมืองเป็นจำเลยและศาลอนุญาตให้ประกันตัวแล้วหลบหนีไม่มาฟังคำพิพากษาเกิดบ่อยๆก็ควรจะนำพฤติการณ์หลบหนีของนักการเมืองเหล่านั้นมาพิจารณาประกอบเพิ่มเติมในการสั่งเรื่องประกันตัว แต่ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของผู้พิพากษา แต่ละท่านที่จะมีความคิดเห็น” แหล่งข่าวศาลฎีกาคนเดิมกล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่าจะมีการแก้ไขกฎหมายเรื่องหลักเกณฑ์การให้ประกันตัวจำเลยที่ถูกฟ้องต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของนักการเมือง ให้เข้มงวด หรือเรียกหลักประกันสูงถึงหลัก 10 หรือ 100 ล้านบาท เพื่อไม่ให้หลบหนีได้หรือไม่ แหล่งข่าวกล่าวว่า การเรียกหลักประกันสูงขึ้นหลายเท่าตัวก็เป็นไปได้ที่นำมาคำนึงถึงในการพิจารณาอนุญาตให้ประกันตัว ซึ่งจริงๆแล้วจะต้องพิจารณาความผิดและพฤติการณ์รอบด้าน ซึ่งถ้าจำเลยจะหลบหนีก็หลบหนีอยู่แล้ว แต่ก็ไม่ใช่จำเลยทุกคนจะหลบหนี คดีทุจริตที่ดินคลองด่าน ที่นายวัฒนา เป็นจำเลย ศาลก็เรียกหลักทรัพย์ประกันสูงถึง 2 ล้านบาท แม้คดีนี้โทษสูงสุดอาจถึงประหารชีวิตก็ตาม แต่เมื่อเทียบกับคดีที่มีโทษประหารชีวิตคดีอื่นๆ ถือว่า คดีนี้เรียกหลักทรัพย์ประกันในวงเงินที่สูงมาก ส่วนตัวเห็นว่าอย่าไปกังวลเรื่องการหลบหนี เพราะมีเจ้าหน้าตำรวจซึ่งรับผิดชอบทำหน้าที่จับกุมตัวจำเลยมาลงโทษภายในอายุความอยู่แล้ว ส่วนคดีจะมีอายุความเท่าไรแล้วแต่โทษจำคุก

หมายจับถึงตร.มอบจงรักล่าตัว
พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ผบ.ตร.เปิดเผยถึงการติดตามจับกุม นายวัฒนา ว่าเรื่องนี้ได้หมายให้ พล.ต.อ.จงรัก จุฑานนท์ รอง ผบ.ตร.ซึ่งดูแลพื้นที่นครบาลตำรวจภูธรภาค 1, 2 และ 7 ไปดูแลคดีนี้ และคิดว่าไม่น่าจะมีปัญหาเพราะศาลได้ออกหมายจับ สามารถดำเนินการได้ทันที
สำหรับเบาะแสการหายตัวไปของนายวัฒนา ผบ.ตร.กล่าวว่า ขณะนี้ยังไม่ได้รับรายงาน และยังไม่ได้รับการติดต่อขอมอบตัว อย่างไรก็ตาม ได้สั่งการให้ตำรวจสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (สตม.)คอยดูแลกรณีนายวัฒนา พยายามหลบหนีออกนอกประเทศและยืนยันว่าไม่มีหมายสั่งการใดๆจากนักการเมืองให้ช่วยเหลือในเรื่องนี้อย่างแน่นอน

จงรักลั่นใครช่วยมีความผิด
พล.ต.อ.จงรัก จุฑานนท์ รอง ผบ.ตร.เปิดเผยว่า ขณะนี้ศาลได้ส่งหมายจับมาที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติแล้ว ตนซึ่งรับผิดชอบในคดีนี้ก็ได้สั่งการไปยังสถานีตำรวจ ส่งสายสืบคอยดูแลในพื้นที่ จ.สมุทรปราการ และสวนหลวง ซึ่งเป็นบ้านของนายวัฒนาตลอด 24 ชั่วโมง รวมทั้ง สตม.เพื่อป้องกันการหลบหนีออกนอกประเทศ เพื่อให้ติดตามตัวนายวัฒนา มาฟังคำตัดสินของศาลภายในวันที่ 18 ส.ค.นี้ตามหมายจับ
ทั้งนี้ หากพบว่านายวัฒนาหลบหนีไปพักอาศัยอยู่บ้านใคร ผู้ให้ที่พักก็จะต้องถูกดำเนินคดีเพราะมีความผิดตามกฎหมาย แต่ขณะนี้ก็ยังไม่พบว่านายวัฒนา หลบหนีไปที่ใด แต่เบื้องต้นยังไม่พบการหลบหนีทางด่านออกนอกประเทศที่ถูกต้อง ส่วนการหลบหนีทางอื่นยังไม่ทราบ เมื่อสอบถามทางญาตินายวัฒนาก็ยังไม่มีการติดต่อเพื่อขอเข้ามอบตัวกับตำรวจแต่อย่างใด โดยอ้างว่าไม่ทราบว่านายวัฒนา อยู่ที่ไหน
อย่างไรก็ตาม พล.ต.อ.จงรัก กล่าวยืนยันยันว่าตำรวจก็จะพยายามติดตามจับกุมนายวัฒนา ตามหมายจับศาล และจะไม่รับข้อต่อรองใดๆ ในการขอมอบตัว

ดีเอสไอระบุไม่กระทบคดีป่ากะปง
พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ กระทรวงยุติธรรม กล่าวถึงผลกระทบในการพิจารณาคดีบุกรุกที่สาธารณะป่ากะปง อ.กะปง จ.พังงา ประมาณ 1 หมื่นไร่ ที่นายวัฒนา อัศวเหม ตกเป็นจำเลย หลัง หนีไม่มาฟังคำพิพากษาในคดีคลองด่าน ว่า คงไม่ส่งผลกระทบต่อคดีบุกรุกป่ากะปง เพราะคดีดังกล่าวมีจำเลยหลายคน โดยนายวัฒนา ก็เป็นหนึ่งในจำเลยคดีดังกล่าวด้วย ทั้งนี้หากนายวัฒนา ไม่มาศาลอาญาระหว่างการพิจารณาคดีบุกรุกป่ากะปง จะขึ้นอยู่กับอัยการคดีพิเศษว่าจะยื่นคำร้องต่อศาลเพื่อแยกสืบพยานหรือไม่ เพราะขณะนี้อยู่ระหว่างการสืบพยานโจทย์ ซึ่งตามกฎหมายต้องสืบพยานโจทย์ต่อหน้าจำเลย กรณีดังกล่าวหากอัยการเห็นว่าจำเลยหลบหนีทำให้คดีล่าช้า สามารถยื่นคำร้องต่อศาลเพื่อแยกพิจารณาคดีเฉพาะจำเลยที่ได้ตัวมาขึ้นศาล เพื่อให้กระบวนการพิจารณาคดีดำเนินไปได้จนศาลมีคำพิพากษา ส่วนจำเลยที่หลบหนี หากได้ตัวเมื่อไหร่ ก็จะแยกพิจารณาคดีอีกครั้งต่อไป
กำลังโหลดความคิดเห็น