ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง เตรียมอ่านคำพิพากษาคดีทุจริตโครงการบ่อบำบัดน้ำเสียคลองด่าน ซึ่งบริเวณห้องพิจารณาคดีของศาลฎีกา ได้มีการเปิดเพื่อให้ประชาชนและสื่อมวลชนเข้าไปฟังคำพิพากษาด้วย
ทั้งนี้ มล.ไกรฤกษ์ เกษมสันต์ ผู้พิพากษาอาวุโส พร้อมองค์คณะผู้พิพากษารวม 9 คน นั่งบัลลังก์อ่านคำพิพากษา ในคดีที่อัยการโจทก์ยื่นฟ้องนายวัฒนา อัศวเหม อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย และประธานพรรคเพื่อแผ่นดิน ในความผิดฐานเป็นเจ้าพนักงานใช้อำนาจในตำแหน่งหน้าที่โดยทุจริต ตามความผิดของประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 148 และ 157 ในการใช้อำนาจข่มขู่หรือชักจูงให้ผู้อื่นร่วมกันออกโฉนดที่ดิน 1,900 ไร่ ทับที่ของสาธารณะประโยชน์ และที่เทขยะมูลฝอยซึ่งเป็นที่สงวนหวงห้าม เพื่อนำไปขายให้กับกรมควบคุมมลพิษ เพื่อก่อสร้างโครงการบ่อบำบัดน้ำเสีย ต.คลองด่าน อ.บางบ่อ จ.สมุทรปราการ ซึ่งคดีนี้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ หรือ ป.ป.ช.เป็นผู้ชี้มูลความผิด ส่งเรื่องให้อัยการสูงสุด ยื่นฟ้องต่อศาลฎีกา หลังคดียืดเยื้อมานานถึง 15 ปี
อย่างไรก็ตาม เมื่อถึงเวลานัด นายวัฒนา ยังไม่เดินทางมาศาล ส่งเพียงแต่ทนายความมาเท่านั้น และทนายได้ปฏิเสธที่จะตอบคำถาม ว่า นายวัฒนาจะเดินทางมาศาลหรือไม่
ทั้งนี้ มล.ไกรฤกษ์ เกษมสันต์ ผู้พิพากษาอาวุโส พร้อมองค์คณะผู้พิพากษารวม 9 คน นั่งบัลลังก์อ่านคำพิพากษา ในคดีที่อัยการโจทก์ยื่นฟ้องนายวัฒนา อัศวเหม อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย และประธานพรรคเพื่อแผ่นดิน ในความผิดฐานเป็นเจ้าพนักงานใช้อำนาจในตำแหน่งหน้าที่โดยทุจริต ตามความผิดของประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 148 และ 157 ในการใช้อำนาจข่มขู่หรือชักจูงให้ผู้อื่นร่วมกันออกโฉนดที่ดิน 1,900 ไร่ ทับที่ของสาธารณะประโยชน์ และที่เทขยะมูลฝอยซึ่งเป็นที่สงวนหวงห้าม เพื่อนำไปขายให้กับกรมควบคุมมลพิษ เพื่อก่อสร้างโครงการบ่อบำบัดน้ำเสีย ต.คลองด่าน อ.บางบ่อ จ.สมุทรปราการ ซึ่งคดีนี้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ หรือ ป.ป.ช.เป็นผู้ชี้มูลความผิด ส่งเรื่องให้อัยการสูงสุด ยื่นฟ้องต่อศาลฎีกา หลังคดียืดเยื้อมานานถึง 15 ปี
อย่างไรก็ตาม เมื่อถึงเวลานัด นายวัฒนา ยังไม่เดินทางมาศาล ส่งเพียงแต่ทนายความมาเท่านั้น และทนายได้ปฏิเสธที่จะตอบคำถาม ว่า นายวัฒนาจะเดินทางมาศาลหรือไม่