ผู้จัดการรายวัน – สาหร่ายทอดอบกรอบปรุงรส เป็นหนึ่งในสแน็กยอดนิยมของผู้บริโภคในปัจจุบัน ซึ่งมีผู้สนใจหันมาผลิตขายในตลาดหลายราย โดยมียี่ห้อที่ผู้บริโภคคุ้นเคยอย่างเถ้าแก่น้อยเป็นจ้าวตลาดเพราะเป็นรายแรกที่นำสาหร่ายทอดกรอบปรุงรสในรูปของสแน็กออกมาบุกตลาดอย่างจริงจัง และจากอัตราการเติบโตของเถ้าแก่น้อยนี่เอง เป็นแรงบันดาลใจเกิดคู่แข่งอย่าง “เถ้าแก่เนี้ย”
นายภูมิชาย เปี่ยมพงศ์สุข เจ้าของสาหร่ายยี่ห้อเถ้าแก่เนี้ย เล่าว่า ที่มาของสาหร่ายเถ้าแก่เนี้ย เกิดมาจากเดิมเราได้เป็นผู้แทนจำหน่ายผลิตภัณฑ์เถ้าแก่น้อยในตลาดต่างประเทศ และประกอบกับเรามีโรงงานผลิตผลไม้ทอดกรอบปรุงรสอยู่แล้ว และการผลิตสาหร่ายทอดกรอบก็อยู่ในไลน์การผลิตแบบเดียวกัน จึงไม่ใช่เรื่องยากในการที่จะผลิตสาหร่ายทอดกรอบปรุงรส ซึ่งกำลังได้รับความนิยมอย่างมากในตลาดเมืองไทย
ทั้งนี้ สาเหตุที่ตัดสินใจหันมาผลิตสาหร่ายทอดกรอบปรุงรส จุดหนึ่งมาจากมองว่าสาหร่ายเป็นวัตถุดิบที่มีขายตลอดทั้งปี ในขณะที่ผลไม้แปรรูปทอดกรอบที่ทางเราผลิตจะเป็นผลไม้ที่ออกตามฤดูกาล เมื่ออยู่นอกฤดูกาลราคาจะสูงมาก ดังนั้น ทางโรงงานจำเป็นจะต้องใช้เงินจำนวนมากเพื่อสต็อกสินค้า และปัจจุบันผลไม้เริ่มหายากมากขึ้น
สำหรับที่มาของยี่ห้อ “เถ้าแก่เนี้ย” สาเหตุมาจากชื่อของยี่ห้อที่เป็นจ้าวตลาดกำลังมาแรงและลูกค้ารู้สึกคุ้นเคยกับยี่ห้อดังกล่าว และเมื่อมีโอกาสได้พูดคุ๋ยกับร้านค้าที่เราจะนำสินค้าเข้าไปวางจำหน่ายแนะนำว่าใช้ยี่ห้อ เถ้าแก่เนี้ย ดูซิ และได้มีการนำชื่อ เถ้าแก่เนี้ย เข้ามาพูดคุ๋ยในห้องประชุมกับหุ้นส่วนเห็นด้วยจึงใช้ชื่อ เถ้าแก่เนี้ย ตั้งแต่นั้น เป็นต้นมา
โดยจุดขายของ สาหร่ายเถ้าแก่เนี้ย จะใช้วิธีการเข้าถึงลูกค้าโดยตรงมาใช้ในการบุกตลาด ไม่ว่าจะเป็นการจัดโรดโชว์ตามสำนักงานออฟฟิศ และสถานที่ต่างๆ ที่มีการจัดงานแสดงสินค้าเราจะไปร่วมออกงานแสดงสินค้าเพื่อให้ลูกค้าได้ทดลองชิม เพราะเชื่อว่าถ้าลูกค้าได้ทดลองชิมจะต้องชื่นชอบและเป็นลูกค้าของเราในอนาคต
นายภูมิชาย เล่าว่า เนื่องจากสาหร่ายเถ้าแก่เนี้ย เป็นรายใหม่ที่เข้ามาทำตลาดพร้อมกับหลายยี่ห้อในช่วงนั้น ทำให้ก่อนจะเปิดตลาดจำเป็นที่จะต้องศึกษาลู่ทางในการนำสินค้าเข้าไปวางจำหน่ายและเกิดผลสำเร็จมากที่สุด ที่สำคัญในช่วงภาวะเศรษฐกิจปัจจุบันจำเป็นจะต้องใช้เงินทุนให้คุ้มค่ากับการลงทุนมากที่สุด
“จากการศึกษาตลาดพบว่า ช่องทางการจัดจำหน่ายโดยการนำสินค้าเข้าไปวางในศูนย์การค้า ต้นทุนจะสูงมาก เพราะต้องเสียค่าเช่าพื้นที่และต้องแบ่งเปอร์เซ็นต์จากยอดขายค่อนข้างสูง และการที่ไปวางคู่กับยี่ห้อที่เป็นจ้าวตลาดที่แข็งอยู่แล้ว ทำให้เสียเปรียบในการที่ลูกค้าจะตัดสินใจซื้อสินค้าแบรนด์ของเรา ดังนั้นจากการศึกษาช่องทางการตลาด พบว่า ปัจจุบันยังไม่มีใครใช้ระบบดิลิเวอรี่ เราจึงตัดสินใจนำระบบดิลิเวอรี่มาใช้แทนการวางจำหน่ายสินค้าในศูนย์การค้า ซึ่งต้นทุนก็ยังถูกกว่าการวางสินค้าในศูนย์การค้า และช่วยอำนวยความสะดวกให้กับลูกค้าในช่วงที่ราคาน้ำมันแพงในปัจจุบัน”
สำหรับสาหร่ายเถ้าแก่เนี้ย เปิดตลาดมาได้ประมาณ 2 เดือน อาศัยการออกโรดโชว์แนะนำสินค้าตามสำนักงานและออฟฟิศในกรุงเทพฯ ผลตอบรับออกมาดีมาก เพราะลูกค้าให้ความสนใจโทรมาสั่งซื้อผ่านระบบดิลิเวอรี่ จำนวนมาก โดยลูกค้าต้องสั่งซื้อไม่ต่ำกว่า 10 ถุงขึ้นไป โดยมีโปรชั่นซื้อ 10 ถุงแถม 1 ถุง โดยการจัดส่งจะจัดส่งให้ฟรี ในเขตกรุงเทพฯ
ส่วนช่องทางจำหน่ายอื่น ขายผ่านร้านค้าส่ง ส่วนตลาดส่งออกไม่ได้ให้ความสำคัญมากนัก เนื่องจากในต่างประเทศมีผู้ส่งออกที่เป็นรายใหญ่ จากประเทศญี่ปุ่นทำตลาดกันอยู่แล้ว และตลาดในประเทศกำลังได้รับนิยม จึงมุ่งทำตลาดในประเทศมากกว่า
อย่างไรก็ตามที่ผ่านมาสินค้าของทางบริษัทส่วนใหญ่ ทำตลาดในต่างประเทศอยู่แล้ว ดังนั้นจึงมีฐานลูกค้าอยู่แล้ว ทำให้มีการส่งออกสาหร่ายเถ้าแก่น้อยไปขายต่างประเทศบ้าง โดยล่าสุดได้มีการส่งออกไปยังประเทศออสเตรเลีย และอินโดนีเซีย ปัจจุบันสัดส่วนการขายในประเทศมากกว่า 70% ที่เหลือเป็นการส่งออก 30%
สำหรับยอดขายหลังจากเปิดตลาดมาได้ 2 เดือน อยู่ที่ประมาณเดือนละ 2 ล้านบาท ขนาดบรรจุภัณฑ์ขนาดเดียวซองละ 45 กรัม ราคาขาย 40 บาท ซึ่งราคาขายสาหร่ายทอดปรุงรสที่วางขายกันอยู่ในตลาดปัจจุบันมีการแข่งขันสูง ทำให้ราคาขายที่ขายกันอยู่ยังไม่สมเหตุสมผลเท่าที่ควร เนื่องจากผู้ค้ารายเดิมที่เปิดตลาดรายแรกไม่กล้าปรับราคา เพราะมีรายใหม่ๆเข้ามาเพิ่มในตลาดหลายราย ทำให้การแข่งขันสูง เป็นเหตุผลให้ทั้งรายเก่า และรายใหม่ไม่มีใครกล้าที่จะปรับราคาก่อน ทั้งที่ต้นทุนเพิ่มสูงขึ้น
ในส่วนของเถ้าแก่เนี้ย เมื่อเทียบกับแบรนด์อื่นๆ เราค่อนข้างจะมีต้นทุนการผลิตที่ค่อนข้างสูงเพราะผ่านการผลิตจากโรงงานที่ได้มาตรฐาน และคัดเลือกวัตถุดิบคุณภาพดี เนื่องจากเรามุ่งเน้นการขายสินค้าคุณภาพ ส่วนรสชาด มีให้เลือก 2 รส คือ รสดั้งเดิม และรสเผ็ด เป็นรสชาดที่ได้มีการสำรวจแล้วว่าผู้บริโภคชื่นชอบ ในอนาคตมีแผนที่จะออกรสอื่นๆ เพื่อให้เกิดความหลากหลาย
สนใจโทร.081-558-679
นายภูมิชาย เปี่ยมพงศ์สุข เจ้าของสาหร่ายยี่ห้อเถ้าแก่เนี้ย เล่าว่า ที่มาของสาหร่ายเถ้าแก่เนี้ย เกิดมาจากเดิมเราได้เป็นผู้แทนจำหน่ายผลิตภัณฑ์เถ้าแก่น้อยในตลาดต่างประเทศ และประกอบกับเรามีโรงงานผลิตผลไม้ทอดกรอบปรุงรสอยู่แล้ว และการผลิตสาหร่ายทอดกรอบก็อยู่ในไลน์การผลิตแบบเดียวกัน จึงไม่ใช่เรื่องยากในการที่จะผลิตสาหร่ายทอดกรอบปรุงรส ซึ่งกำลังได้รับความนิยมอย่างมากในตลาดเมืองไทย
ทั้งนี้ สาเหตุที่ตัดสินใจหันมาผลิตสาหร่ายทอดกรอบปรุงรส จุดหนึ่งมาจากมองว่าสาหร่ายเป็นวัตถุดิบที่มีขายตลอดทั้งปี ในขณะที่ผลไม้แปรรูปทอดกรอบที่ทางเราผลิตจะเป็นผลไม้ที่ออกตามฤดูกาล เมื่ออยู่นอกฤดูกาลราคาจะสูงมาก ดังนั้น ทางโรงงานจำเป็นจะต้องใช้เงินจำนวนมากเพื่อสต็อกสินค้า และปัจจุบันผลไม้เริ่มหายากมากขึ้น
สำหรับที่มาของยี่ห้อ “เถ้าแก่เนี้ย” สาเหตุมาจากชื่อของยี่ห้อที่เป็นจ้าวตลาดกำลังมาแรงและลูกค้ารู้สึกคุ้นเคยกับยี่ห้อดังกล่าว และเมื่อมีโอกาสได้พูดคุ๋ยกับร้านค้าที่เราจะนำสินค้าเข้าไปวางจำหน่ายแนะนำว่าใช้ยี่ห้อ เถ้าแก่เนี้ย ดูซิ และได้มีการนำชื่อ เถ้าแก่เนี้ย เข้ามาพูดคุ๋ยในห้องประชุมกับหุ้นส่วนเห็นด้วยจึงใช้ชื่อ เถ้าแก่เนี้ย ตั้งแต่นั้น เป็นต้นมา
โดยจุดขายของ สาหร่ายเถ้าแก่เนี้ย จะใช้วิธีการเข้าถึงลูกค้าโดยตรงมาใช้ในการบุกตลาด ไม่ว่าจะเป็นการจัดโรดโชว์ตามสำนักงานออฟฟิศ และสถานที่ต่างๆ ที่มีการจัดงานแสดงสินค้าเราจะไปร่วมออกงานแสดงสินค้าเพื่อให้ลูกค้าได้ทดลองชิม เพราะเชื่อว่าถ้าลูกค้าได้ทดลองชิมจะต้องชื่นชอบและเป็นลูกค้าของเราในอนาคต
นายภูมิชาย เล่าว่า เนื่องจากสาหร่ายเถ้าแก่เนี้ย เป็นรายใหม่ที่เข้ามาทำตลาดพร้อมกับหลายยี่ห้อในช่วงนั้น ทำให้ก่อนจะเปิดตลาดจำเป็นที่จะต้องศึกษาลู่ทางในการนำสินค้าเข้าไปวางจำหน่ายและเกิดผลสำเร็จมากที่สุด ที่สำคัญในช่วงภาวะเศรษฐกิจปัจจุบันจำเป็นจะต้องใช้เงินทุนให้คุ้มค่ากับการลงทุนมากที่สุด
“จากการศึกษาตลาดพบว่า ช่องทางการจัดจำหน่ายโดยการนำสินค้าเข้าไปวางในศูนย์การค้า ต้นทุนจะสูงมาก เพราะต้องเสียค่าเช่าพื้นที่และต้องแบ่งเปอร์เซ็นต์จากยอดขายค่อนข้างสูง และการที่ไปวางคู่กับยี่ห้อที่เป็นจ้าวตลาดที่แข็งอยู่แล้ว ทำให้เสียเปรียบในการที่ลูกค้าจะตัดสินใจซื้อสินค้าแบรนด์ของเรา ดังนั้นจากการศึกษาช่องทางการตลาด พบว่า ปัจจุบันยังไม่มีใครใช้ระบบดิลิเวอรี่ เราจึงตัดสินใจนำระบบดิลิเวอรี่มาใช้แทนการวางจำหน่ายสินค้าในศูนย์การค้า ซึ่งต้นทุนก็ยังถูกกว่าการวางสินค้าในศูนย์การค้า และช่วยอำนวยความสะดวกให้กับลูกค้าในช่วงที่ราคาน้ำมันแพงในปัจจุบัน”
สำหรับสาหร่ายเถ้าแก่เนี้ย เปิดตลาดมาได้ประมาณ 2 เดือน อาศัยการออกโรดโชว์แนะนำสินค้าตามสำนักงานและออฟฟิศในกรุงเทพฯ ผลตอบรับออกมาดีมาก เพราะลูกค้าให้ความสนใจโทรมาสั่งซื้อผ่านระบบดิลิเวอรี่ จำนวนมาก โดยลูกค้าต้องสั่งซื้อไม่ต่ำกว่า 10 ถุงขึ้นไป โดยมีโปรชั่นซื้อ 10 ถุงแถม 1 ถุง โดยการจัดส่งจะจัดส่งให้ฟรี ในเขตกรุงเทพฯ
ส่วนช่องทางจำหน่ายอื่น ขายผ่านร้านค้าส่ง ส่วนตลาดส่งออกไม่ได้ให้ความสำคัญมากนัก เนื่องจากในต่างประเทศมีผู้ส่งออกที่เป็นรายใหญ่ จากประเทศญี่ปุ่นทำตลาดกันอยู่แล้ว และตลาดในประเทศกำลังได้รับนิยม จึงมุ่งทำตลาดในประเทศมากกว่า
อย่างไรก็ตามที่ผ่านมาสินค้าของทางบริษัทส่วนใหญ่ ทำตลาดในต่างประเทศอยู่แล้ว ดังนั้นจึงมีฐานลูกค้าอยู่แล้ว ทำให้มีการส่งออกสาหร่ายเถ้าแก่น้อยไปขายต่างประเทศบ้าง โดยล่าสุดได้มีการส่งออกไปยังประเทศออสเตรเลีย และอินโดนีเซีย ปัจจุบันสัดส่วนการขายในประเทศมากกว่า 70% ที่เหลือเป็นการส่งออก 30%
สำหรับยอดขายหลังจากเปิดตลาดมาได้ 2 เดือน อยู่ที่ประมาณเดือนละ 2 ล้านบาท ขนาดบรรจุภัณฑ์ขนาดเดียวซองละ 45 กรัม ราคาขาย 40 บาท ซึ่งราคาขายสาหร่ายทอดปรุงรสที่วางขายกันอยู่ในตลาดปัจจุบันมีการแข่งขันสูง ทำให้ราคาขายที่ขายกันอยู่ยังไม่สมเหตุสมผลเท่าที่ควร เนื่องจากผู้ค้ารายเดิมที่เปิดตลาดรายแรกไม่กล้าปรับราคา เพราะมีรายใหม่ๆเข้ามาเพิ่มในตลาดหลายราย ทำให้การแข่งขันสูง เป็นเหตุผลให้ทั้งรายเก่า และรายใหม่ไม่มีใครกล้าที่จะปรับราคาก่อน ทั้งที่ต้นทุนเพิ่มสูงขึ้น
ในส่วนของเถ้าแก่เนี้ย เมื่อเทียบกับแบรนด์อื่นๆ เราค่อนข้างจะมีต้นทุนการผลิตที่ค่อนข้างสูงเพราะผ่านการผลิตจากโรงงานที่ได้มาตรฐาน และคัดเลือกวัตถุดิบคุณภาพดี เนื่องจากเรามุ่งเน้นการขายสินค้าคุณภาพ ส่วนรสชาด มีให้เลือก 2 รส คือ รสดั้งเดิม และรสเผ็ด เป็นรสชาดที่ได้มีการสำรวจแล้วว่าผู้บริโภคชื่นชอบ ในอนาคตมีแผนที่จะออกรสอื่นๆ เพื่อให้เกิดความหลากหลาย
สนใจโทร.081-558-679
