xs
xsm
sm
md
lg

ลุ้นเด็ดหัว"ยุทธ"-ยุบ พปช.

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ผู้จัดการรายวัน - ระทึกลุ้นศาลฎีกาฯ อ่านคำสั่ง "ใบแดง –ใบเหลือง" ยุทธ ตู้เย็น และ น้องสาว ซื้อเสียงเลือกตั้ง 16.00 น.วันนี้ ทนายความ ระบุทำดีที่สุด น้อมรับคำสั่งศาล ไม่คิดอาฆาตใคร "ชูศักดิ์" เตรียมคุมทีมกฎหมายสู้คดีในชั้นศาลรัฐธรรมนูญ หาก"ยงยุทธ"ผิดจริง กกต.รอฟังศาลตัดสิน ก่อนเสนอยุบพรรคพลังประชาชน

วันนี้ (8 ก.ค.) เวลา 16.00 น.ศาลฎีกาแผนกคดีเลือกตั้ง นัดฟังคำสั่งคดีแจกใบแดง ระหว่างคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ผู้ร้อง กับนายยงยุทธ ติยะไพรัช ส.ส.สัดส่วนกลุ่ม 1 รองหัวหน้าพรรคพลังประชาชน และน.ส.ละออง ติยะไพรัช น้องสาว ส.ส.ระบบแบ่งเขต เขต 3 จ.เชียงราย พรรคพลังประชาชน ผู้คัดค้านที่ 1 – 2 กระทำผิด พ.ร.บ.ว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) และการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) พ.ศ.2550 ว่าด้วยการทุจริตการเลือกตั้งด้วยการให้เงินกลุ่มกำนัน อ.แม่จัน จ.เชียงราย ซึ่งเป็นหัวคะแนนของนายยงยุทธ แจกเงินซื้อเสียงประชาชน โดย กกต.ยื่นคำร้องขอให้ศาลฎีกาฯเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งนายยงยุทธ ซึ่งถูกให้ใบแดง และขอให้มีคำสั่งเลือกตั้งใหม่ ในเขต 3 จ.เชียงราย ของ น.ส.ละออง ซึ่งถูกให้ใบเหลือง

สำหรับการไต่สวนพยานทั้งสองฝ่ายนั้น ฝ่าย กกต.ผู้ร้อง ได้นำพยานเข้าไต่สวนรวม 3 ปาก นำโดยนายชัยวัฒน์ ฉางข้าวคำ กำนัน ต.จันจว้า อ.แม่จัน จ.เชียงราย ที่อ้างว่าได้รับเงินจำนวน 20,000 บาท จากนายบรรจง ยางยืน นายกเทศมนตรี ต.จันจว้า คนสนิทของนายยงยุทธ ที่ รร.เอส.ซี.ปาร์ค กทม. และกำนันที่เดินทางมาด้วยกันอีก 2 คน ส่วนฝ่ายผู้คัดค้าน รวม 9 คนนำโดยนายยงยุทธ น.ส.ละออง กำนัน 3 คน นายตำรวจติดตาม 1 นาย อดีตที่ปรึกษานายยงยุทธ ผอ.ศูนย์วิจัยและฝึกอบรมสิ่งแวดล้อม กรมส่งเสริมคุณภาพสิ่งแวดล้อม และสุดท้าย พ.อ.ธนัชย์ ปัญญา อดีต ผอ.กอ.รมน. จ.เชียงราย เบิกความแล้วเสร็จเมื่อวันที่ 20 พ.ค. ที่ผ่านมา ทั้งนี้ศาลฎีกาฯจะเปิดห้องพิจารณาอ่านคำสั่งคดีนี้ พร้อมทั้งปิดประกาศคำสั่งให้ทราบทั่วกัน

"ยงยุทธ" พร้อมรับคำตัดสิน

ด้านนายสาคร ศิริชัย ทนายความนายยงยุทธ กล่าวว่า การนัดฟังคำสั่งวันที่ 8 ก.ค. ตนยังไม่ได้รับแจ้งนายยงยุทธ และ น.ส.ละออง ว่าจะเดินทางมาฟังคำสั่งด้วยตนเองหรือไม่ ซึ่งคดีนี้ถือเป็นคดีทางแพ่ง ดังนั้นทั้งนายยงยุทธ และ น.ส.ละออง ไม่จำเป็นต้องเดินทางมาฟังคำสั่งด้วยตัวเองก็ได้ ส่วนตนในฐานะทนายความ จะเดินทางไปฟังคำสั่งอย่างแน่นอน

นายสาครกล่าวด้วยว่า ไม่ว่าคำสั่งศาลฎีกาฯจะออกมาแนวทางใด คดีถือว่าเป็นที่สุด ซึ่งนายยงยุทธ เคยบอกว่า พร้อมน้อมรับคำสั่งศาลทุกแนวทาง ไม่ว่าศาลจะมีคำสั่งยืนตามมติ กกต. หรือ จะสั่งยกคำร้อง ก็ตาม และหากศาลจะมีคำสั่งยกคำร้องของ กกต. นายยงยุทธ ก็ไม่คิดอาฆาตใคร เพราะ ต้องการเห็นบ้านเมืองมีความสงบ อย่างไรก็ดีหากศาลมีคำสั่งตามมติ กกต. ให้แจกใบแดงแล้ว กกต. จะดำเนินการสรุปสำนวนส่งให้อัยการสูงสุดยื่นคดียุบพรรคต่อศาลรัฐธรรมนูญ ก็เป็นเรื่องที่จะต้องต่อสู้กันต่อไป ซึ่งคดีนี้เราได้นำสืบพยานเต็มที่แล้ว มั่นใจในระดับหนึ่งว่าเสนอหลักฐานโดยครบถ้วน แต่คำสั่งศาลจะออกมาในแนวทางใดถือเป็นดุลพินิจของศาลที่เราพร้อมยอมรับเสมอ

"ชูศักดิ์" รอลุ้นไม่ขอวิจารณ์ศาล

นายชูศักดิ์ ศิรินิล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า หากศาลฎีกามีคำสั่งให้เพิกถอนสิทธิเลือกตั้งนายยงยุทธ ตนพร้อมจะเป็นตัวแทนของพรรคในการต่อสู้คดีความในศาลรัฐธรรมนูญ ในฐานะประธานคณะทำงานฝ่ายกฎหมายของพรรค

ทั้งนี้ หากนายยงยุทธ ต้องถูกเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งจริง หลังจากนั้น กกต.จะส่งเรื่องต่อไปให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยยุบพรรค ซึ่งทางทีมกฎหมายพรรคได้มีการเตรียมการในข้อเท็จจริง และการต่อสู้คดีไว้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว เช่นเดียวกับคดีของพรรคชาติไทย ที่ กกต. มีมติให้ส่งเรื่องไปยังอัยการสูงสุด จากนั้นจึงส่งต่อไปยังศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่าถูกยุบพรรคหรือไม่

นายชูศักดิ์ กล่าวต่อว่า การตั้งทีมทนายความต่อสู้คดีนั้น ในขณะนี้เท่าที่ทราบมีข้อเท็จจริงหลายประเด็นในการต่อสู้คดี ซึ่งถือเป็นข้อเท็จจริงจึงไม่อยากจะกล่าวถึง เพราะคดีความอยู่ในชั้นกระบวนการพิจารณาของศาล เพราะหากกล่าวถึงข้อเท็จจริงมากเกินไปจะไม่เหมาะสม

"ถ้าหากมีการยกคำร้องคดีของนายยงยุทธ นั้นก็เป็นเรื่องดี ส่วนนายยงยุทธ จะกลับเข้ามาดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีหรือไม่ อย่างไร ในการปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) เร็วๆนี้ ต้องเป็นดุลพินิจของนายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรีเท่านั้น"

กกต.รอฟังศาลตัดสิน

นายสุเมธ อุปนิสากร กกต.ด้านกิจการการมีส่วนร่วม เปิดเผยว่า หากศาลพิพากษาเพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง หรือใบแดง แก่นายยงยุทธ แล้ว นายทะเบียนพรรคการเมือง คือ นายอภิชาต สุขัคคานนท์ ประธานกกต.ก็ต้องดำเนินการตั้งคณะกรรมการขึ้นมา เพื่อสอบสวนคดีตามมาตรา 95 ของพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง 2550 ว่าการกระทำของนายยงยุทธ เข้าตามมาตรา 95 จนเป็นเหตุให้ยุบพรรคการเมืองหรือไม่ ซึ่งกระบวนการดังกล่าวจะต้องใช้เวลาระยะหนึ่ง ดังนั้น หากศาลให้ใบแดงนายยงยุทธ กกต.ก็จะเร่งตั้งกรรมการสอบทันที แต่หากว่าศาลยกคำร้อง นายยงยุทธ ก็จะสามารถกลับไปทำหน้าที่ ส.ส.ได้ตามเดิม

ด้านนายสุทธิพล ทวีชัยการ เลขาธิการกกต.เปิดเผยถึงความคืบหน้าในการทำงานของคณะทำงานร่วมระหว่างตัวแทนกกต.และตัวแทนของอัยการสูงสุดเพื่อพิจารณากรณียุบพรรคชาติไทยและพรรคมัฌชิมาธิปไตย ว่ากรณีนี้จะครบกำหนด 30 วัน ตามกฎหมายประมาณกลางสัปดาห์หน้า ซึ่งหากว่าคณะทำงานไม่สามารถมีข้อยุติว่าจะส่งฟ้องต่อศาลรัฐธรรมนูญได้หรือไม่ ก็จะเป็นอำนาจของนายทะเบียนพรรคการเมืองที่จะพิจารณาเสนอต่อที่ประชุมกกต.เพื่อใช้อำนาจนายทะเบียนส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญโดยตรง

ย้อนรอยคดี "ยุทธ ใบแดง"

สำหรับคดีนี้ เมื่อวันที่ 18 มี.ค. 51 ศาลฎีกาแผนกคดีเลือกตั้ง นายถวิล อินทรักษา ผู้รับมอบอำนาจจาก กกต.นำเอกสารพร้อมพยานหลักฐานจำนวน 2 ชุด ๆ ละ 3 แฟ้มใหญ่ มีความหนากว่า 1,000 หน้า โดยหลักฐานส่วนใหญ่เป็นคำให้การของพยานที่เข้าให้การกับอนุ กกต.รวมทั้งความเห็นของอนุ กกต.และมติของ กกต.ชุดใหญ่ ที่มีมติว่า นายยงยุทธ ผู้ถูกกล่าวหา กระทำผิดกฎหมายเลือกตั้ง ขอให้ศาลฎีกาวินิจฉัย มีคำสั่งเพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง นายยงยุทธ โดยศาลรับคำร้องไว้เป็นคดีดำหมายเลข ลต.38/25551

วันที่ 21 เม.ย. 51 ศาลฎีกาแผนกคดีเลือกตั้ง ปิดประกาศกำหนดวันนัดพิจารณาคดี ต่อมา 2 พ.ค. 51 ศาลสอบข้อเท็จจริงจากคำร้องและคำคัดค้านของ กกต.และยงยุทธ

8 พ.ค.51 ศาลฎีกาแผนกคดีเลือกตั้ง นายกำธร โพธิ์สุวัฒนากุล ผู้พิพากษาหัวหน้าคณะในศาลฎีกา พร้อมองค์คณะรวม 3 คน ออกนั่งบัลลังก์สืบพยาน โดย นายชัยวัฒน์ ฉางข้าวคำ ประจักษ์พยานสำคัญ เบิกความยืนยันต่อศาลว่า เมื่อตุลาคม 2550 ด.ต.เทพรัตน์ เขื่อนคุณา สภ.แม่จัน จ.เชียงราย ซึ่งเป็นผู้ติดตาม นายยงยุทธ ได้ติดต่อผ่านโทรศัพท์ให้เดินทางมา กทม.เพื่อพบ นายยงยุทธ กับคณะกำนันตำบลใน อ.แม่จัน และนายบรรจง ยางยืน นายกเทศมนตรีตำบลจันจว้า โดย 2 ครั้งแรกที่ติดต่อบอกให้มาทางรถตู้ แต่ไม่ได้มา ครั้งที่สามบอกให้เดินทางโดยเครื่องบินจึงเดินทางมา ซึ่งตนสำรองจ่ายค่าตั๋วเครื่องบิน 3.8 หมื่นบาท เดินทางออกมาจาก จ.เชียงราย เมื่อวันที่ 28 ต.ค.2550 เวลา 13.00 น.ถึงสนามบินสุวรรณภูมิ มีรถตู้มารับเดินทางไปที่ทำการพรรคไทยรักไทยเก่า ซึ่งปัจจุบันเป็นที่ทำการพรรคพลังประชาชน นายบรรจง จึงพาขึ้นไปชั้น 4 บอกว่า จะไปพบ นายยงยุทธ ซึ่งรอประมาณ 3 ชม.นายบรรจง จึงพาไปโรงแรมจำชื่อไม่ได้ ไปพบ นายยงยุทธ ที่ห้องรับรองชั้น 2 โดยนายยงยุทธ ขอร้องให้ช่วย น.ส.ละออง และนายอิทธิเดช แก้วหลวง ในการเลือกตั้งให้ได้รับเลือกเป็น ส.ส.ซึ่งพยานและกลุ่มกำนัน รับปากว่าจะช่วย น.ส.ละออง กับ ส.จ.หล้า หรือ ส.ต.ต.ชมชาติ กัปปาหะ ผู้สมัครอีกคน เนื่องจากเป็นคน อ.แม่จัน แต่จะไม่ช่วย นายอิทธิเดช เพราะไม่ใช่คนในพื้นที่ หลังจากนั้น นายยงยุทธ ก็ไม่ได้พูดเรื่องนี้อีก

นายชัยวัฒน์ ให้การต่อศาลว่า ตนกับพวกขอให้ นายยงยุทธ ทวงถามหนี้สินของ นายชูชาติ จันทวลย์ ที่ปรึกษา นายยงยุทธ สมัยเป็น รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม โดย นายชูชาติ ติดหนี้ตน 2.5 แสนบาท จากที่ตนรับเหมาสร้างถนนต่อนายชูชาติ และยังเป็นหนี้กำนันคนอื่นด้วย โดยนายยงยุทธ รับปากว่าจะทวงถามหนี้ให้ซึ่งใช้เวลาพูดคุยกันประมาณ 30 นาที และนายยงยุทธ กลับไปก่อนโดยนายบรรจง เดินอออกไปส่ง ส่วนตนและกลุ่มกำนันนั่งกินข้าว จากนั้นนายบรรจง เรียกทุกคนออกไปข้างนอกพร้อมส่งซองปิดผนึกให้ตนกับพวกทั้ง 10 คน โดยระบุว่า“นายฝากมาให้” และหลังจากนั้น ตนและกลุ่มกำนันพากันเข้าไปในห้องน้ำและเปิดซองดูพบว่า มีเงินสด 20,000 บาท ซึ่งพยานเชื่อว่าที่นายบรรจงบอกว่า “นาย” หมายถึง นายยงยุทธ เพราะ นายยงยุทธ เป็นผู้นัดมาพบที่โรงแรม โดยพยานยังได้ทวงถามเงินค่าตั๋วเครื่องบินกับ นายบรรจง ซึ่ง นายบรรจง ได้ส่งเงินสดจำนวน 40,000 บาท ให้พยานด้วย.

*** 13 พ.ค. 51 นายยงยุทธ ฮึดสู้ ด้วยการส่งทนายความ แจ้งความจับนายชัยวัฒน์ ต่อกองปราบปราม ฐานเบิกความเท็จกรณีเป็นสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์

*** 14 พ.ค.51 ถึงคิว นายยงยุทธ ขึ้นเบิกความต่อศาล โดยเขาให้การเสียงแข็งว่า เขาบริสุทธิ์ พร้อมยืนยันว่า ไม่เคย นัดพบกำนันแจกซอง 2 แสน รวมทั้งให้การกล่าวหา นายชัยวัฒน์ พยานปากเอกว่าติดแบล็กลิสต์ค้ายาต้องเข้าบำบัดสมัยรัฐบาลทำสงครามปราบยาเสพติด

*** 11 มิ.ย.51 นายชัยวัฒน์ พร้อมทนายความ ร้องศาลฎีกา ว่านายยงยุทธ ได้ส่งหลักฐานปลอมสวมชื่อเป็นสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งถือเป็นหลักฐานสำคัญที่จะชี้ให้ศาลเห็นว่า นายยงยุทธ สร้างหลักฐานเท็จ มีการปกปิดและเปลี่ยนแปลงข้อมูลให้ผิดไปจากความเป็นจริง เพื่อให้สอดคล้องกับข้อต่อสู้ที่อ้างว่าถูกจัดฉากโดยพรรคการเมืองฝ่ายตรงข้าม โดยนายชัยวัฒน์ พูดทิ้งท้ายว่า ศาลสถิตย์ยุติธรรม มีความศักดิ์สิทธิ์ ใครผิด หรือ ใครโกหก เดี๋ยวก็รู้

*** 16 มิ.ย. 51 นายยงยุทธ มอบทนายความ ยื่นคำแถลงปิดคดี จำนวน 125 หน้าต่อศาล โดยอ้างว่า นายชัยวัฒน์ และกกต.ร่วมมือวางแผนเอาผิดทุจริตซื้อเสียง จนทำให้ตนได้ใบแดง ส่วนใครทำอะไรถูก หรือใครมีเจตนาทำผิดกฎหมาย บุคคลผู้นั้นย่อมรู้ดีแก่ใจตัวเอง วันที่ 8 ก.ค.51 เวลา 16.00 น.ศาลฎีกาแผนกคดีเลือกตั้งจะมีคำตอบสุดท้ายสำหรับคดีประวัติศาสตร์ทุจริตการเลือกตั้งคดีนี้
กำลังโหลดความคิดเห็น